ผู้จัดการรายวัน360- "บิ๊กตู่" ชี้ลงพื้นที่ถกครม.สัญจร เพื่อรับฟังข้อเสนอจากประชาชนในพื้นที่อย่างแท้จริง ยันให้ความสำคัญพร้อมรับไว้ทุกเรื่อง เผยอนุมัติขยายเส้นทางเชื่อมต่อวังมะนาว-ทวาย วงเงิน 3 พันล้าน คาดเปิดใช้ได้ในปี 68 และไฟเขียว เพิ่มค่าเวนคืน มอเตอร์เวย์ “บางใหญ่-กาญจนบุรี” อีก 1.2 หมื่นล้าน พร้อมพัฒนาโรงงานกระดาษ เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจ.กาญจนบุรี โดยใช้งบท้องถิ่น 19 ล้าน
วานนี้ (12พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 โดยหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี แถลงว่า ผลการตรวจราชการของรัฐมนตรีหลายคน ได้นำเสนอในที่ประชุม มีทั้งเรื่องความต้องการประชาชน รวมถึงโครงการต่างๆ ซึ่งหลายโครงการอยู่ในแผนงบประมาณปี 63 -65 อยู่แล้ว บางโครงการมีการเสนอมาใหม่ ก็ได้กำชับไปว่าจะให้ทุกอย่างโดยได้รับหลักการ เพื่อนำสู่การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ วางแผนจัดลำดับความเร่งด่วนต่อไป ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 63 ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการ
โครงการสำคัญที่ต้องอนุมัติโดยด่วนคือ การขยายเส้นทางเชื่อมต่อ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยตนได้ให้แนวทางกับ ครม.ไปว่า เราอาจจะจำเป็นต้องหางบประมาณ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ขึ้นมาทำบ้าง เพราะจะทำให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนในประเทศมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำเรื่องการใช้วัด บ้าน โรงเรียน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม.ได้ติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อระหว่างสามแยกวังมะนาว บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 ระยะทาง 36.8 กม. วงเงินลงทุน 3,042 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 2,650 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 392 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ทั้งนี้ ตามแผนดำเนินงาน ประกอบด้วยปี 2564 จัดทำการออกแบบรายละเอียด ปี 2565 ออกพ.ร.ฎ เวนคืนที่ดิน ปี 2566 ตั้งงบประมาณการก่อสร้าง และปี 2568 พร้อมที่จะเปิดให้บริการ
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือ และภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และเชื่อมไปยังเส้นทางเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยนายกฯ ได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นการเสนอมาตั้งแต่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนก.ย.60
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.กาญจนบุรี วานนี้. ( 12 พ.ย.) ว่า มีมติอนุมัติขยายกรอบวงเงินงบประมาณค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 81 (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96.41 กม. เพิ่มขึ้นอีก 12,032 ล้านบาท หรือจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิม ที่ 5,420 ล้านบาท เป็น 17,452 ล้านบาท เพื่อใช้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 2,527แปลง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่- กาญจนบุรี. มูลค่า รวม 49,120 ล้านบาท โดยมี งานโยธา จำนวน 25 สัญญา ผลงานก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 คืบหน้า 25.08 % ช้ากว่าแผน 56.00 % คาดว่าจะแล้วเสร็จทุกสัญญา ในต้นปี 2566 ทั้งนี้ เดิมได้รับงบค่าเวนคืน เงิน 5,420 ล้านบาท
สำหรับ การลงทุนระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมและบำรุงรักษา (O&M) ประกอบด้วยด่านเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารการจราจรและ ด่านชั่งน้ำหนัก อยู่ระหว่างการประกวดราคา ร่วมทุนเอกชน (PPP) คาดว่า จะลงนามสัญญา ในเดือนก.พ. 2563 เปิดให้บริการตลอดสาย ภายในปี 2566
นอกจากนี้ ครม.ยังได้ อนุมัติโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์โรงงานกระดาษไทย พร้อมปรับปรุงภายในอาคารให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และรอบนอกจะพัฒนาเป็นจุดแลนด์มาร์ค ทั้งนี้ จากการประเมินของกรมธนารักษ์ คาดว่าจะใช้เงินซื้อจากเอกชน ประมาณ 19 ล้านบาท
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมครม. นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธาน การประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) โดยนายกฯ กล่าวถึงศักยภาพกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 ว่า มีศักยภาพทั้งการค้าชายแดน การท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางการผลิต และการตลาดสินค้าภาคเกษตร อุตสาหกรรมปลอดภัย และการค้าภาคตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคกลาง และพื้นที่กรุงเทพฯ ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้
วานนี้ (12พ.ย.) ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏกาญจนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ นอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2562 โดยหลังการประชุม นายกรัฐมนตรี แถลงว่า ผลการตรวจราชการของรัฐมนตรีหลายคน ได้นำเสนอในที่ประชุม มีทั้งเรื่องความต้องการประชาชน รวมถึงโครงการต่างๆ ซึ่งหลายโครงการอยู่ในแผนงบประมาณปี 63 -65 อยู่แล้ว บางโครงการมีการเสนอมาใหม่ ก็ได้กำชับไปว่าจะให้ทุกอย่างโดยได้รับหลักการ เพื่อนำสู่การพิจารณาจัดสรรงบประมาณ วางแผนจัดลำดับความเร่งด่วนต่อไป ซึ่งขณะนี้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 63 ยังไม่ได้รับความเห็นชอบจากสภาฯ อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการ
โครงการสำคัญที่ต้องอนุมัติโดยด่วนคือ การขยายเส้นทางเชื่อมต่อ จ.กาญจนบุรี ซึ่งจะแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า โดยตนได้ให้แนวทางกับ ครม.ไปว่า เราอาจจะจำเป็นต้องหางบประมาณ ที่เป็นโครงการขนาดใหญ่ขึ้นมาทำบ้าง เพราะจะทำให้เกิดการจ้างงาน การลงทุนในประเทศมากขึ้น นอกจากนั้นยังได้เน้นย้ำเรื่องการใช้วัด บ้าน โรงเรียน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมครม.ได้ติดตามความคืบหน้า และเร่งรัดโครงการก่อสร้างทางหลวงแนวใหม่เชื่อมต่อระหว่างสามแยกวังมะนาว บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 ระยะทาง 36.8 กม. วงเงินลงทุน 3,042 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้าง 2,650 ล้านบาท และค่าเวนคืนที่ดิน 392 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดทำรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม หรือ อีไอเอ ทั้งนี้ ตามแผนดำเนินงาน ประกอบด้วยปี 2564 จัดทำการออกแบบรายละเอียด ปี 2565 ออกพ.ร.ฎ เวนคืนที่ดิน ปี 2566 ตั้งงบประมาณการก่อสร้าง และปี 2568 พร้อมที่จะเปิดให้บริการ
ทั้งนี้ เส้นทางดังกล่าว เป็นเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือ และภาคใต้ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และเชื่อมไปยังเส้นทางเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย โดยนายกฯ ได้เร่งรัดให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด ซึ่งโครงการดังกล่าว เป็นการเสนอมาตั้งแต่การประชุมครม.สัญจร ที่จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อเดือนก.ย.60
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร จ.กาญจนบุรี วานนี้. ( 12 พ.ย.) ว่า มีมติอนุมัติขยายกรอบวงเงินงบประมาณค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง หมายเลข 81 (มอเตอร์เวย์) สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96.41 กม. เพิ่มขึ้นอีก 12,032 ล้านบาท หรือจากวงเงินที่ได้รับอนุมัติเดิม ที่ 5,420 ล้านบาท เป็น 17,452 ล้านบาท เพื่อใช้จัดกรรมสิทธิ์ที่ดินจำนวน 2,527แปลง
นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่- กาญจนบุรี. มูลค่า รวม 49,120 ล้านบาท โดยมี งานโยธา จำนวน 25 สัญญา ผลงานก่อสร้าง ณ สิ้นเดือนกันยายน 2562 คืบหน้า 25.08 % ช้ากว่าแผน 56.00 % คาดว่าจะแล้วเสร็จทุกสัญญา ในต้นปี 2566 ทั้งนี้ เดิมได้รับงบค่าเวนคืน เงิน 5,420 ล้านบาท
สำหรับ การลงทุนระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมและบำรุงรักษา (O&M) ประกอบด้วยด่านเก็บค่าผ่านทาง ระบบควบคุมและบริหารการจราจรและ ด่านชั่งน้ำหนัก อยู่ระหว่างการประกวดราคา ร่วมทุนเอกชน (PPP) คาดว่า จะลงนามสัญญา ในเดือนก.พ. 2563 เปิดให้บริการตลอดสาย ภายในปี 2566
นอกจากนี้ ครม.ยังได้ อนุมัติโครงการปรับปรุงภูมิทัศน์โรงงานกระดาษไทย พร้อมปรับปรุงภายในอาคารให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และรอบนอกจะพัฒนาเป็นจุดแลนด์มาร์ค ทั้งนี้ จากการประเมินของกรมธนารักษ์ คาดว่าจะใช้เงินซื้อจากเอกชน ประมาณ 19 ล้านบาท
ทั้งนี้ ก่อนการประชุมครม. นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธาน การประชุมพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี ราชบุรี และสุพรรณบุรี) โดยนายกฯ กล่าวถึงศักยภาพกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 ว่า มีศักยภาพทั้งการค้าชายแดน การท่องเที่ยว เป็นศูนย์กลางการผลิต และการตลาดสินค้าภาคเกษตร อุตสาหกรรมปลอดภัย และการค้าภาคตะวันตก ซึ่งสอดคล้องกับแผนพัฒนาภาคกลาง และพื้นที่กรุงเทพฯ ตามที่รัฐบาลกำหนดไว้
