จากกรณีนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการทหาร สภาผู้แทนราษฎร นำคณะเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EOD พร้อมด้วย 'ไนโตรเจนผง' ซึ่งเป็นสารประกอบระเบิด TNTเข้ามาในรัฐสภา เพื่อทดสอบให้เห็นว่า เครื่องตรวจวัตถุในสภาฯ ไม่สามารถตรวจพบได้ แสดงว่ารัฐสภาแห่งนี้ไม่ได้มีความปลอดภัย จากนั้นก็นำเสนอเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่ จากบริษัทแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกา เพื่อมอบให้รัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) รวม 2 เครื่อง พร้อมอวดอ้างสรรพคุณว่า สามารถตรวจระเบิดทีเอ็นทีครึ่งปอนด์ในระยะ 8 เมตร แม้จะมีปริมาณเพียง 1 กรัม ก็สามารถตรวจจับได้ภายในเวลาแค่ 30 วินาที
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4พ.ย.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา ว่า ไม่เคยรู้จักกับตัวแทนบริษัทจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่รายนี้มาก่อน เพิ่งเจอกันครั้งแรก ในช่วงเวลา 10.30 น. ของวันที่ 30 ต.ค. เท่านั้นเอง
"ถ้าหากไปดูกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าเป็นไปตามนั้น โดยผู้บริหารบริษัทที่ว่าเป็นคนต่างชาติ ไม่มีคนไทย และไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย ดังนั้นขอยืนยันว่าผมไม่ใช่ตัวแทน หรือมีส่วนในการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดอย่างแน่นอน" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ส่วนผู้ที่ประสานงาน ให้เอาตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้เข้ามาในสภาฯนั้น นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า "ผู้ที่ประสานงานมาคือ พ.อ.รัฐเขต แจ้งจํารัส นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งช่วยราชการกรรมาธิการทหาร โดยประสานกับทางบริษัทว่า ต้องการที่จะมามอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดรุ่นดังกล่าวให้กับทาง EOD ของประเทศไทย โดยเป็นการบริจาค"
"จริงๆเรื่องนี้ มีการทำหนังสือขออนุญาตไปถึง พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฎร ให้ทราบแล้ว แต่ขั้นตอนที่เป็นปัญหา คงจะเป็นการที่ไม่มีการทำรายงานไปถึงคุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา" นายมงคลกิตติ์ ระบุ
ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการอ้างว่า มีการทดสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การทำงานของกองทัพนั้น จะต้องมีระบบ ระเบียบ และสิ่งที่จะต้องนำไปใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จะต้องมีคุณภาพและใช้งานได้จริง การที่นายมงคลกิตติ์ อ้างมาว่ามีการทดสอบที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มานั้น คงจะต้องจะประสานงานกับทางด้านของพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อให้ตรวจสอบดูว่า ได้มีการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จริงหรือไม่ แต่ส่วนตัวแล้วเห็นว่ากรณีที่นายมงคลกิตติ์ พูดมานั้นค่อนข้างจะไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำประเทศอาเซียนอยู่
ล่าสุดเมื่อวานนี้ (4พ.ย.) นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ให้สัมภาษณ์ชี้แจงสำนักข่าวอิศรา ว่า ไม่เคยรู้จักกับตัวแทนบริษัทจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่รายนี้มาก่อน เพิ่งเจอกันครั้งแรก ในช่วงเวลา 10.30 น. ของวันที่ 30 ต.ค. เท่านั้นเอง
"ถ้าหากไปดูกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าเป็นไปตามนั้น โดยผู้บริหารบริษัทที่ว่าเป็นคนต่างชาติ ไม่มีคนไทย และไม่สามารถพูดภาษาไทยได้เลย ดังนั้นขอยืนยันว่าผมไม่ใช่ตัวแทน หรือมีส่วนในการขายเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดอย่างแน่นอน" นายมงคลกิตติ์ กล่าว
ส่วนผู้ที่ประสานงาน ให้เอาตัวแทนบริษัทเอกชนรายนี้เข้ามาในสภาฯนั้น นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า "ผู้ที่ประสานงานมาคือ พ.อ.รัฐเขต แจ้งจํารัส นายทหารสังกัดกองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งช่วยราชการกรรมาธิการทหาร โดยประสานกับทางบริษัทว่า ต้องการที่จะมามอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดรุ่นดังกล่าวให้กับทาง EOD ของประเทศไทย โดยเป็นการบริจาค"
"จริงๆเรื่องนี้ มีการทำหนังสือขออนุญาตไปถึง พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ประธานคณะกรรมาธิการทหารสภาผู้แทนราษฎร ให้ทราบแล้ว แต่ขั้นตอนที่เป็นปัญหา คงจะเป็นการที่ไม่มีการทำรายงานไปถึงคุณชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ก็เลยเกิดปัญหาขึ้นมา" นายมงคลกิตติ์ ระบุ
ด้านพล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่มีการอ้างว่า มีการทดสอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่า การทำงานของกองทัพนั้น จะต้องมีระบบ ระเบียบ และสิ่งที่จะต้องนำไปใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จะต้องมีคุณภาพและใช้งานได้จริง การที่นายมงคลกิตติ์ อ้างมาว่ามีการทดสอบที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มานั้น คงจะต้องจะประสานงานกับทางด้านของพล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อให้ตรวจสอบดูว่า ได้มีการทดสอบเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้ จริงหรือไม่ แต่ส่วนตัวแล้วเห็นว่ากรณีที่นายมงคลกิตติ์ พูดมานั้นค่อนข้างจะไม่เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมผู้นำประเทศอาเซียนอยู่