ผู้จัดการรายวัน360-"มงคลกิตติ์" นำหน่วย EOD พกชิ้นส่วน TNT เข้ารัฐสภา พิสูจน์คุณภาพเครื่องตรวจจับระเบิดสภาฯ ไร้ประสิทธิภาพ พร้อมส่งมอบเครื่องรุ่นใหม่จากอเมริกาใช้ในงานประชุมอาเซียน อ้างเคยทดสอบในพื้นที่ภาคใต้แล้ว "ชวน"เตรียมสอบ หลังนำระเบิดเข้าสภาฯ ยันพื้นที่รัฐสภา ต้องมีการดูแลความปลอดภัยอยู่แล้ว แต่อาจไม่เข้มเท่าทำเนียบ "สิระ"จี้ ผบ.ตร.ดำเนินคดี โฆษกกลาโหมซัดเอาที่ไหนมาพูด มีกลุ่มต้องสงสัยเป็น 100 คน
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ ทหารสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว พร้อมรับมอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่ จากบริษัทในสหรัฐฯ เพื่อมอบให้รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 2 เครื่อง ว่า เครื่องดังกล่าว จะใช้ทดสอบในการรักษาความปลอดภัยการประชุมอาเซียนที่จะมีขึ้นวันที่ 31 ต.ค.- 4 พ.ย.2562 ซึ่งที่ผ่านมา ไทยไม่เคยมีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด มีแต่ GT200 ที่ใช้การไม่ได้ โดย 2 เครื่อง ที่จะส่งมอบนี้ เคยทดสอบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว มีรัศมีตรวจระเบิด TNTครึ่งปอนด์ ในระยะ 8 เมตร หากปริมาณ 1 กรัม ใช้เวลาตรวจจับประมาณ 30 วินาที
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EODให้นำระเบิด TNTเข้ามาในรัฐสภา ปรากฏว่า เครื่องตรวจในสภาฯ ไม่สามารถตรวจพบได้ แสดงว่า รัฐสภาแห่งนี้ไม่ได้มีความปลอดภัย โดยทีม EODได้นำระเบิดเข้าไปในห้องฝ่ายค้านอิสระ หรือห้องทำงานนายมงคลกิตติ์ ซึ่งอยู่ใจกลางตรงฐานรากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่า ในอนาคต หากไม่มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ที่มีประสิทธิภาพ ใครก็ได้สามารถนำระเบิดมาระเบิดใต้ฐานห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เลย ขณะที่ทราบข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่า มีผู้ก่อการร้าย เข้ามาในพื้นที่ภาคใต้เวลานี้ ประมาณ 100 กว่าคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์นำระเบิดTNTมาทดสอบประสิทธิภาพการตรวจเครื่องตรวจระเบิด ในอาคารรัฐสภา ว่า เบื้องต้น ตนจะติดตามดูว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ใครเป็นคนมอบหมายให้นายมงคลกิตติ์ ทำ เพราะไม่ได้มีการขออนุญาตตน ในการนำสารประกอบวัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบ และไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม พื้นที่รัฐสภาต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ปกติก็มีการตรวจสอบ แต่อาจจะไม่เข้มงวดเหมือนทำเนียบรัฐบาล กับที่อื่นๆ เพราะที่นี่มีคนเข้าออกเยอะ ทั้งส.ส.-ส.ว. กรรมาธิการ ข้าราชการ และผู้มาชี้แจง ซึ่งตนจะติดตามดูว่า เรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่ามีการตรวจสอบระดับหนึ่ง เป็นไปตามระเบียบ แต่ถ้าบังเอิญมีคนมีเจตนาร้าย ก็อันตราย
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายมงคลกิตต์ ได้ครอบครองสารตั้งต้นวัตถุระเบิด ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แม้จะอ้างการตรวจสอบในฐานะกรรมาธิการทหาร แต่จะต้องได้รับอนุญาตในการครอบครอง และการนำเข้ามาในสภาฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ หรือเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนายมงคลกิตติ์ เป็นส.ส. เป็นสมาชิกรัฐสภา มีหน้าที่ในการตรากฎหมายโดยตรง แต่กลับมาทำความผิดเสียเอง ขอถามว่ามีผลประโยชน์อะไรหรือไม่ จนทำผิดโดยไม่กลัวกฎหมาย หรือต้องการจะวางระเบิดสภาฯ ให้เกิดความเสียหายหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งตัวนายมงคลกิตต์ และเจ้าหน้าที่ EOD เพราะถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ ระบุว่ามีกลุ่มต้องสงสัย จำนวน 100 คน เดินทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ซึ่งต้องถามนายมงคลกิตต์ว่าได้ข้อมูลมาจากที่ใด แต่ในส่วนของหน่วยงานความมั่นคง ได้ประชุมหารือและเตรียมความพร้อมที่จะรับสถานการณ์ในทุกรูปแบบ และมีความพร้อมดูแลความปลอดภัยของผู้นำทั้ง 18 ประเทศ ที่จะเข้ามาประชุมอาเซียนซัมมิต ร่วมถึงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนอย่างต่อเนื่องทั้งปี และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา และไม่อยากให้สร้างสถานการณ์ที่เป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ ทหารสภาผู้แทนราษฎร แถลงข่าว พร้อมรับมอบเครื่องตรวจวัตถุระเบิดรุ่นใหม่ จากบริษัทในสหรัฐฯ เพื่อมอบให้รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 2 เครื่อง ว่า เครื่องดังกล่าว จะใช้ทดสอบในการรักษาความปลอดภัยการประชุมอาเซียนที่จะมีขึ้นวันที่ 31 ต.ค.- 4 พ.ย.2562 ซึ่งที่ผ่านมา ไทยไม่เคยมีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด มีแต่ GT200 ที่ใช้การไม่ได้ โดย 2 เครื่อง ที่จะส่งมอบนี้ เคยทดสอบที่จังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว มีรัศมีตรวจระเบิด TNTครึ่งปอนด์ ในระยะ 8 เมตร หากปริมาณ 1 กรัม ใช้เวลาตรวจจับประมาณ 30 วินาที
ทั้งนี้ ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด หรือ EODให้นำระเบิด TNTเข้ามาในรัฐสภา ปรากฏว่า เครื่องตรวจในสภาฯ ไม่สามารถตรวจพบได้ แสดงว่า รัฐสภาแห่งนี้ไม่ได้มีความปลอดภัย โดยทีม EODได้นำระเบิดเข้าไปในห้องฝ่ายค้านอิสระ หรือห้องทำงานนายมงคลกิตติ์ ซึ่งอยู่ใจกลางตรงฐานรากที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร หมายความว่า ในอนาคต หากไม่มีเครื่องตรวจวัตถุระเบิด ที่มีประสิทธิภาพ ใครก็ได้สามารถนำระเบิดมาระเบิดใต้ฐานห้องประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้เลย ขณะที่ทราบข่าวจากฝ่ายความมั่นคงว่า มีผู้ก่อการร้าย เข้ามาในพื้นที่ภาคใต้เวลานี้ ประมาณ 100 กว่าคน ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากังวลมาก
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์นำระเบิดTNTมาทดสอบประสิทธิภาพการตรวจเครื่องตรวจระเบิด ในอาคารรัฐสภา ว่า เบื้องต้น ตนจะติดตามดูว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร ใครเป็นคนมอบหมายให้นายมงคลกิตติ์ ทำ เพราะไม่ได้มีการขออนุญาตตน ในการนำสารประกอบวัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบ และไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร
อย่างไรก็ตาม พื้นที่รัฐสภาต้องมีการดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่แล้ว ปกติก็มีการตรวจสอบ แต่อาจจะไม่เข้มงวดเหมือนทำเนียบรัฐบาล กับที่อื่นๆ เพราะที่นี่มีคนเข้าออกเยอะ ทั้งส.ส.-ส.ว. กรรมาธิการ ข้าราชการ และผู้มาชี้แจง ซึ่งตนจะติดตามดูว่า เรื่องเป็นอย่างไร ซึ่งเชื่อว่ามีการตรวจสอบระดับหนึ่ง เป็นไปตามระเบียบ แต่ถ้าบังเอิญมีคนมีเจตนาร้าย ก็อันตราย
นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า นายมงคลกิตต์ ได้ครอบครองสารตั้งต้นวัตถุระเบิด ถือเป็นการกระทำผิดกฎหมาย แม้จะอ้างการตรวจสอบในฐานะกรรมาธิการทหาร แต่จะต้องได้รับอนุญาตในการครอบครอง และการนำเข้ามาในสภาฯ จะต้องได้รับอนุญาตจากประธานสภาฯ หรือเลขาธิการสำนักงานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งนายมงคลกิตติ์ เป็นส.ส. เป็นสมาชิกรัฐสภา มีหน้าที่ในการตรากฎหมายโดยตรง แต่กลับมาทำความผิดเสียเอง ขอถามว่ามีผลประโยชน์อะไรหรือไม่ จนทำผิดโดยไม่กลัวกฎหมาย หรือต้องการจะวางระเบิดสภาฯ ให้เกิดความเสียหายหรือไม่ จึงขอเรียกร้องไปยังพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต้องตรวจสอบเรื่องนี้ ทั้งตัวนายมงคลกิตต์ และเจ้าหน้าที่ EOD เพราะถือเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีนายมงคลกิตติ์ ระบุว่ามีกลุ่มต้องสงสัย จำนวน 100 คน เดินทางเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ว่า ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ ซึ่งต้องถามนายมงคลกิตต์ว่าได้ข้อมูลมาจากที่ใด แต่ในส่วนของหน่วยงานความมั่นคง ได้ประชุมหารือและเตรียมความพร้อมที่จะรับสถานการณ์ในทุกรูปแบบ และมีความพร้อมดูแลความปลอดภัยของผู้นำทั้ง 18 ประเทศ ที่จะเข้ามาประชุมอาเซียนซัมมิต ร่วมถึงการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมอาเซียนอย่างต่อเนื่องทั้งปี และขอให้ประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา และไม่อยากให้สร้างสถานการณ์ที่เป็นผลกระทบต่อภาพลักษณ์ประเทศ
