วานนี้ (3 พ.ย.) น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีประชาชนขอที่ดิน 500 ไร่ คืนจากนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากเอกสารสิทธิที่ถือครอง ไม่ใช่ นส.3 ก หรือ นส.3 ว่า ตนอยากถามนางสมพรว่า สิ่งที่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เป็นข้อมูลเท็จหรือไม่ เพราะการที่บอกว่าได้ซื้อที่ดินที่มีปัญหามาจากโรงงานมิตรผล ตรงนี้ก็ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เนื่องจากที่ดินประเภท ภบฏ 5 และ นส 2 ไม่สามารถซื้อขายได้ ไม่สามารถครอบครองได้ ไม่มีเอกสารสิทธิ์ ที่หลวง ที่ป่าไม้ จะซื้อขายได้อย่างไร
น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่านางสมพร ไม่ควรเอาใครไปเฝ้า หรือดูแลที่ดินที่เป็นของหลวง ตนอยากตั้งคำถามไปยังนางสมพรว่า พยายามทำอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งบุคคลที่ถูกว่าจ้างไปเฝ้าที่ดิน อาจมีความผิดทางกฎหมายด้วย ทั้งนี้ หากนางสมพร ยืนยันว่าถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม ตนขอแนะนำให้ไปไตร่ตรองข้อเท็จจริงที่ นางสมพร รู้ดีอยู่แก่ใจน่าจะเหมาะสมกว่าคิดว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งตลอดเวลา
"เรื่องที่เกิดขึ้น มีผู้มาร้องเรียน และดิฉันในฐานะผู้แทนประชาชน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความทุกข์ร้อนและไม่เป็นธรรม หากเพิกเฉย ก็ไม่เหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่กินเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ การที่นางสมพร ส่งทีมทนายความไปในพื้นที่ปัญหามาถึง 3 ครั้ง แต่ตกลงกับชาวบ้านไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางสมพร ก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่ใช่หน้าที่ของชาวบ้านที่จะไปพิสูจน์พื้นที่ป่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในครั้งที่สามที่ นางอรสาตัวแทนนางสมพร พูดว่าจะคืนที่ดินให้ แต่ต้องให้ชาวบ้านพิสูจน์พื้นที่ให้ได้จึงจะคืน ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจมาก จึงนำมาสู่การร้องเรียนในครั้งนี้ " น.ส.ปารีณา กล่าว
น.ส.ปารีณากล่าวด้วยว่า การที่นางสมพร กล่าวว่าให้หยุดดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีนั้น ตนให้ความเคารพนางสมพร ในฐานะผู้อาวุโส แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นจากชาวบ้าน มีเจ้าทุกข์ชัดเจน เพราะฉะนั้นหากนางสมพรจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน ตนก็ไม่ขัดข้อง เพราะถือว่าทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่
น.ส.ปารีณา กล่าวต่อว่านางสมพร ไม่ควรเอาใครไปเฝ้า หรือดูแลที่ดินที่เป็นของหลวง ตนอยากตั้งคำถามไปยังนางสมพรว่า พยายามทำอะไรอยู่กันแน่ ซึ่งบุคคลที่ถูกว่าจ้างไปเฝ้าที่ดิน อาจมีความผิดทางกฎหมายด้วย ทั้งนี้ หากนางสมพร ยืนยันว่าถูกกล่าวหาไม่เป็นธรรม ตนขอแนะนำให้ไปไตร่ตรองข้อเท็จจริงที่ นางสมพร รู้ดีอยู่แก่ใจน่าจะเหมาะสมกว่าคิดว่าถูกคนอื่นกลั่นแกล้งตลอดเวลา
"เรื่องที่เกิดขึ้น มีผู้มาร้องเรียน และดิฉันในฐานะผู้แทนประชาชน มีหน้าที่ต้องช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความทุกข์ร้อนและไม่เป็นธรรม หากเพิกเฉย ก็ไม่เหมาะสมที่จะมาทำหน้าที่กินเงินภาษีของประชาชนทั้งประเทศ การที่นางสมพร ส่งทีมทนายความไปในพื้นที่ปัญหามาถึง 3 ครั้ง แต่ตกลงกับชาวบ้านไม่ได้ ทั้งๆ ที่นางสมพร ก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่ใช่หน้าที่ของชาวบ้านที่จะไปพิสูจน์พื้นที่ป่า เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งในครั้งที่สามที่ นางอรสาตัวแทนนางสมพร พูดว่าจะคืนที่ดินให้ แต่ต้องให้ชาวบ้านพิสูจน์พื้นที่ให้ได้จึงจะคืน ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจมาก จึงนำมาสู่การร้องเรียนในครั้งนี้ " น.ส.ปารีณา กล่าว
น.ส.ปารีณากล่าวด้วยว่า การที่นางสมพร กล่าวว่าให้หยุดดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะดำเนินคดีนั้น ตนให้ความเคารพนางสมพร ในฐานะผู้อาวุโส แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นจากชาวบ้าน มีเจ้าทุกข์ชัดเจน เพราะฉะนั้นหากนางสมพรจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับตน ตนก็ไม่ขัดข้อง เพราะถือว่าทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงให้กับชาวบ้านในพื้นที่