xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

พ.ร.บ.งบฯผ่านโลด “งูเห่า”ไม่ต้องเลื้อย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - โหมโรม เวิร์กชอปกันอย่างกับจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล สำหรับการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ทั้งที่ไม่ได้มีความน่าตื่นเต้นอะไร เป็นเพียงเวทีที่ฝ่ายค้านหวังใช้หลอกด่ารัฐบาล กับอีกส่วนหนึ่งไว้ใช้โปรโมต และสร้างมูลค่าตัวเอง

ย้อนกลับไปอดีต การประชุมสภาผู้แทนราษฎรแทบไม่ได้รับความสนใจมากเท่านี้ ประชาชนจะมาดูถ่ายทอดสดกันเฉพาะศึกซักฟอกบรรดาเสนาบดีในรัฐบาลเท่านั้น

ส่วนหนึ่งที่ทุกการประชุมในยุคนี้ได้รับความสนใจมากขึ้น นับตั้งแต่การประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯ การลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ตลอดจนการเปิดอภิปรายโดยไม่ลงมติตาม มาตรา 152 ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณ

มาจนถึงการพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ครั้งนี้ เป็นเพราะสภาวะปริ่มน้ำของ 2 ฝ่ายในสภาฯ มันจึงดูมีอะไร

กับอีกเดิมพันหนึ่งคือ หากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา ผลที่ตามมาอันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ คือ 1. ลาออก และ 2. ยุบสภา อันเป็นวิธีการล้มรัฐบาลปัจจุบันลงได้ โดยไม่ต้องก่อม็อบ

หากแต่โอกาสเป็นไปได้มีน้อยมากและยากที่จะเกิดขึ้น เพราะการจะล้ม “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ด้วยวิธีนี้อาจไร้ค่า

อย่าลืมว่า แม้ “บิ๊กตู่”จะลาออก หรือประกาศยุบสภา แต่ไม่ได้หมายความว่า ฝ่ายค้านจะพลิกขั้วขึ้นมาเป็นรัฐบาลแทนได้ นั่นเพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ยังไม่ได้รับการแก้ไข

โดยเฉพาะเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องใช้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกรัฐสภา หรือ 376 เสียง ถึงจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งแน่นอนว่าต่อให้ฝ่ายค้านรวบรวมส.ส.ได้มากกว่าเดิม ก็ยังไม่เพียงพอต่อเก้าอี้นายกฯ เพราะต้องใช้เสียงบางส่วนจากส.ว.มาสนับสนุน

ซึ่งไม่มีทางที่ 250 ส.ว. จะลงมติให้รายชื่อที่ฝ่ายค้านเสนอ และต่อให้ตอนนั้น “บิ๊กตู่”ถูกขัดขวางสารพัดวิธี คนที่จะมาทดแทน ก็ต้องเป็นฟากฝ่ายนี้เช่นเดิม เท่ากับว่าออกแรงโดยสูญเปล่า

แต่อย่างไรก็ดี ไม่ต้องไปไกลขนาดนั้น เพราะที่สุดแล้ว ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 จะผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาได้อย่างไม่ยากเย็น แบบว่า ไม่ต้องลุ้นให้ใจตุ้มๆ ต่อมๆ

วันนี้คนมองแค่เสียงรัฐบาลนั้นปริ่มน้ำ ทั้งที่ความเป็นจริงสภาพของ 7 พรรคฝ่ายค้าน ก็ไม่ได้ดูกระเตื้องขึ้นมา ซ้ำยังไม่เต็มทีมอีกด้วย

ปัจจุบันองค์ประชุมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีจำนวน 497 คน โดย 3 คนที่หายไป เป็นฝ่ายค้านทั้งหมด ได้แก่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้ก่อน กรณีถือครองหุ้นสื่อบริษัท วีลัค มีเดีย จำกัด ซึ่งยังอยู่ระหว่างการวินิจฉัยของศาล

อีกคนมาจากพรรคอนาคตใหม่เช่นเดียวกัน คือ นางจุมพิตา จันทรขจร อดีต ส.ส.นครปฐม เขต 5 ที่ไม่มีโอกาสได้ปฏิบัติหน้าที่สักวันเดียว เพราะประสบอุบัติเหตุจนสุดท้ายตัดสินใจลาออก ขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกตั้งซ่อม โดยจะมีการเข้าคูหากันใหม่ในวันที่ 23 ตุลาคมนี้ ซึ่งไม่สามารถมาลงมติใน วาระที่ 1 ได้ทันแน่นอน และไม่แน่ว่า พรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นแชมป์เก่าจะรักษา 1 เสียงในสภานี้ได้หรือไม่

และคนที่สาม คือ นายนวัธ เตาะเจริญสุข ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย ที่ถูกศาลขอนแก่นตัดสินประหารชีวิต ในคดีจ้างวานฆ่าอดีตปลัด อบจ.ขอนแก่น ซึ่งยังถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ และหากสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าพ้นสภาพส.ส.ถาวร จะต้องมีการเลือกตั้งซ่อม

สำหรับจำนวน 497 คนที่เหลือ แบ่งเป็นฝ่ายรัฐบาล 252 เสียง ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ 117 เสียง พรรคประชาธิปัตย์ 53 เสียง พรรคภูมิใจไทย 51 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนา 10 เสียง พรรครวมพลังประชาชาติไทย 5 เสียง พรรคพลังท้องถิ่นไท 3 เสียง พรรคชาติพัฒนา 3 เสียง พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย 2 เสียง พรรคพลังชาติไทย 1 เสียง พรรคประชาภิวัฒน์ 1 เสียง พรรคพลังไทยรักไทย 1 เสียง พรรคครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง พรรคประชานิยม 1 เสียง พรรคพลเมืองไทย 1 เสียง พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง และพรรคพลังธรรมใหม่ 1 เสียง

ฝ่ายค้านมีทั้งหมด 243 เสียง ได้แก่ พรรคเพื่อไทย 135 เสียง พรรคอนาคตใหม่ 79 เสียง พรรคเสรีรวมไทย 10 เสียง พรรคประชาชาติ 7 เสียง พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6 เสียง พรรคเพื่อชาติ 5 เสียง และพรรคพลังปวงชนไทย 1 เสียง

ขณะที่ฝ่ายค้านอิสระมี 2 เสียง คือ พรรคไทยศรีวิไลย์ ของมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ และ พรรคประชาธรรมไทย ของพิเชษฐ์ สถิรชวาล

แต่ในการลงมตินั้นประธานสภาฯ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 และ รองประธานสภาฯ คนที่ 2 จะลงมติเห็นชอบไม่ได้ แต่ต้องงดออกเสียง โดยทั้ง 3 คน เป็น ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลทั้งหมด จะทำให้เสียงในสภาฯ ของซีกนี้เหลือ 249 เสียง ซึ่งยังเหนือกว่าของฝ่ายค้าน 6 คน

เหตุนี้เองมันจึงทำให้บรรดาบิ๊กรัฐบาล ไม่ได้แสดงความกังวลใจว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ผ่าน จน “บิ๊กตู่”ต้องเสี่ยง หนำซ้ำ ยังแสดงความมั่นใจกันออกมาเพียบ

ที่สำคัญ วันนี้ยังไม่จำเป็นต้องพึ่งบริการงูเห่าใดๆ ทั้งนั้น ในเมื่อด้วยจำนวนเสียงเท่านี้ก็เพียงพอต่อการทำให้ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภา

และอาจจะมีมากกว่า 249 เสียง นั่นเพราะแม้ 2 พรรคเล็ก จะออกไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะโหวตสวนรัฐบาลทุกเรื่อง อย่างกฎหมายงบประมาณฉบับนี้ ถือเป็นเครื่องมือที่ใช้บริหารประเทศ มีความชอบธรรมที่จะโหวตเห็นชอบโดยไม่ต้องกลัวใครด่า

ส่วนข่าวที่ออกมาว่า ต้องใช้ “งูเห่า”คงยังไม่ใช่การพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพราะครั้งนี้รัฐบาลไม่ได้จวนตัวขนาดนั้น

อีกทั้งการลงมติครั้งนี้ เป็นการลงมติแบบเปิดเผย การจ้วงซื้อเสียงโหวตเลย อาจทำให้อีกฝั่งที่กำลังตามหาตัว “งูเห่า”รู้ตัวว่า ใครกันบ้างที่ทรยศ

หากแต่เก็บไว้ใช้ในกฎหมายสำคัญๆ ของรัฐบาลในอนาคต เพราะการลงมติประชุมในโอกาสอื่นๆ บรรดารัฐมนตรีที่ถ่างขาเป็น ส.ส.อีกตำแหน่ง อาจจะมาได้ไม่พร้อมเพรียงเหมือนกับ ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่มีความจำเป็น

“งูเห่า”พวกนี้ เป็นเวอร์ชั่นใหม่ หากินระยะยาว ไม่ได้รับเงินก้อน แต่รับเป็นจ็อบๆ เพื่อให้มีงานทำ เพราะรู้ว่าอย่างไรฝ่ายรัฐบาลก็ต้องพึ่งบริการอยู่ดี

ซึ่ง “ฟรีแลนซ์”ถือเป็นอาชีพที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในสภาฯ ปัจจุบันนี้ สืบเนื่องจากหลายพรรคไม่ได้รับการดูแลจุนเจือจากนายทุน จนต้องออกมารับจ๊อบ

จัดว่า รายได้ดี และมีวิธีหลบหลีกการจับได้มากมาย เรียกว่า เป็น งูเห่าเวอร์ชั่น 4.0 ได้เงินโดยไม่ต้องย้ายสังกัด

เพียงแต่หนนี้ งูยังไม่ต้องเลื้อยออกมา เพราะรัฐบาลยังไหว




กำลังโหลดความคิดเห็น