xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ผ่าปมร้อนแฉเรื่องฉาว “เสธ.ไก่อู” ชีวิต “อธิบดีกรมกร๊วก” ทำท่าจะยุ่ง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หายหน้าหายตาไปจากแวดวงสื่อและสาธารณะไปพักใหญ่ สำหรับนายทหารที่เคยฮอตฮิตสุดๆ ในอดีตอย่าง “เสธ.ไก่อู-พลโทสรรเสริญ แก้วกำเนิด” โดยเฉพาะเมื่อครั้งนั่งเก้าอี้ โฆษกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หลังการทำรัฐประหารของ “บิ๊กบัง-พลเอกสนธิ บุญยรัตกลิน” ในปี 2549 จนสามารถ “ฉกหัวใจ” สาวน้อยสาวใหญ่ ขึ้นทำเนียบ “ขวัญใจแม่ยก” อีกคนหนึ่งเลยก็ว่าได้

แต่กลับมาดังเที่ยวนี้ ดูท่าว่าจะ “ยุ่ง” และชวนให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอยู่ไม่น้อย เมื่ออยู่ๆ บรรดา “ลูกน้องในกรมประชาสัมพันธ์” ที่เสธ.ไก่อูนั่งเป็นใหญ่ในฐานะ “อธิบดี” ได้ยกขบวนออกมาแฉความไม่ชอบมาพากลในการบริหารงานชนิด “ดับเครื่องชน” จนทำให้ “กรมกร๊วก” ร้อนฉ่าและถามไถ่กันทั้งบ้านทั้งเมืองว่า “เกิดอะไรขึ้น”

แถม “ลูกน้อง” ที่ออกมาแฉก็ไม่ใช่ข้าราชการตัวเล็กตัวน้อย หากแต่นำขบวนโดย “รองอธิบดี” อีกต่างหาก

กล่าวคือเมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา นายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นายนรกิจ ศรัทธา ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศการประชาสัมพันธ์ และนายนพพิชญ์ธารณ์ พรายมณี นิติกรชำนาญการพิเศษ กรมประชาสัมพันธ์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกับ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส” ประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ (กมธ.ป.ป.ช. )สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ทางคณะกรรมาธิการฯ ดำเนินการตรวจสอบ เสธ.ไก่อู 2 เรื่อง

เรื่องแรก ทั่นรองอธิบดีกรมกร๊วกและคณะ กล่าวหาว่า เสธ.ไก่อู มีคำสั่งโดยมิชอบไม่เป็นกลางทางการเมือง ทั้งในเวลาราชการปกติและในระหว่างมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้ง เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมืองให้กับพรรคพลังประชารัฐ และยังสั่งการให้โจมตีอดีตนายกรัฐมนตรีในกลุ่มไลน์กรมประชาสัมพันธ์ กับ สำนักโฆษกฯ

เรื่องที่สอง ทั่นรองอธิบดีกรมกร๊วกและคณะ ขอให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณ 25,166,800 บาทก่อสร้างอาคารฝ่ายนิทรรศการและศิลปกรรม ด้วยเหตุเป็นการใช้งบประมาณอย่างเร่งรีบ ราคากลางไม่เหมาะสม พบจุดชำรุด ไม่สามารถใช้งานได้ ซึ่งไม่เป็นไปตามแบบการก่อสร้าง รวมถึงขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์รับเงินจากบริษัท เอส จี อาร์ เอนเตอร์ไพร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผู้รับจ้าง เพื่อเร่งรัดให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทำเรื่องเบิกจ่าย หรือไม่ อย่างไร

เป็นข้อกล่าวหาที่ต้องใช้คำว่า “หนัก” อยู่ไม่น้อย

กระนั้นก็ดี เห็นเรื่องร้องเรียนแล้วก็พอจะมองออกได้ว่า “อะไรเป็นอะไร” เพราะเมื่อดูประเด็นร้องเรียนแล้วต้องบอกว่า มี “การเมือง” เข้ามาเกี่ยวข้องร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้นคงไม่ดับเครื่องชนแบบ “หมูไม่กลัวน้ำร้อน” เยี่ยงนี้ โดยเฉพาะข้อกล่าวหาแรกที่เป็นการพุ่งเป้าไปที่พลังพรรคประชารัฐ(พปชร.) ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ การลุกขึ้นมากล่าวหาของรองอธิบดีกรมกร๊วกและคณะนั้น ย่อมต้องมี “หลักฐาน” ที่เพียบพร้อมพอสมควร ไม่อย่างนั้น คงไม่กล้าดำเนินการในลักษณะดังกล่าว เพราะเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยง ทั้งสุ่มเสี่ยงในชีวิตราชการที่เหลืออยู่ และทั้งสุ่มเสี่ยงที่จะต้องถูก เสธ.ไก่อูดำเนินคดีกลับ เพราะเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง

ดังนั้น คงต้องติดตากันต่อไปว่า งานนี้ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธิ์จะนำมาขยายผลอย่างไรต่อไป

กล่าวสำหรับ เสธ.ไก่อูนั้น ไม่ต้องจับยามสามตาก็รู้ว่า ชีวิตอยู่ในช่วงขาลงมาเป็นลำดับ หลังจากในช่วงแรกๆ ได้รับการคาดหมายว่าน่าจะก้าวไปได้สวยในชีวิตราชการเนื่องด้วยมี “ความก้าวหน้า” อย่างต่อเนื่อง และเคยได้ไปไกลถึงเก้าอี้ “โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี” ควบ “รักษาการอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์”

แต่แล้ววันดีคืนดี “นายกฯลุงตู่-พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ในขณะนั้น ก็ออกมาให้สัมภาษณ์หน้าตาเฉยว่า ได้มอบหมายให้ “เสี่ยบี-พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” แห่งก๊วนลูกกรอก กปปส.เข้ามาทำหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แทน เสธ.ไก่อู

หนักไปกว่านั้นคือ ในเวลาต่อมาไม่นานนัก เสธ.ไก่อูก็มีอันต้องพ้นขาดจากความเป็น “ข้าราชการทหาร” ในตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก กระทรวงกลาโหม มาบรรจุเป็น “ข้าราชการพลเรือนสามัญ” ตำแหน่งอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์

ณ ห้วงเวลานั้น สังคมก็งุนงงไปตามๆ กันว่า เกิดอะไรขึ้นกับ เสธ.ไก่อู มีอะไรไม่เข้าตาลุงตู่หรือไม่ จนทำให้ “ไม่ปลื้ม” ซึ่งโดยข้อเท็จจริงก็เป็นไปอย่างนั้น เนื่องด้วยในระยะหลังๆ เสธ.ไก่อูทำงานผิดพลาดให้เห็นบ่อยครั้ง

ทั้งนี้ หลังจากที่ “บิ๊กไก่อู” ได้ขึ้นเป็นโฆษกรัฐบาลเต็มตัวตั้งแต่สิงหาคม 2558 เป็นต้นมา ก็ถูกตำหนิหลายครั้งว่า การทำงานไม่เข้าเป้า ไม่เปรี้ยง ไม่ปัง หลายครั้งแถลงล้นเกินเนื้อหา หรือบางครั้งก็ตกหล่น ต้องกลับมาเก็บกวาดอยู่บ่อยครั้ง

ไม่เท่านั้นยังสร้างความร้าวฉานกินแหนงแคลงใจกับผู้คนไปทั่ว ล่าสุดหลงลืมหรือตั้งใจไม่ทราบได้ ไม่ยอมแถลงประเด็นการบริหารจัดการน้ำ ผลงานเรือธงส่วนตัวของ “บิ๊กฉัตร-พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลป์ยะ” รองนายกฯ เพื่อนซี้นายกฯ ตู่ ทำเอา “ฉัตรชัย” ฉุนขาด หรือผู้บังคับบัญชาโดยตรงอย่าง “บิ๊กอ้อ” พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกฯ ก็มีประเด็น “ขบเหลี่ยม-ปีนเกลียว” กลายเป็น “ไม้เบื่อไม้เมา” กันมาตลอด

รวมไปถึงกรณีข่าวปล่อยแซะเก้าอี้ “4 รัฐมนตรีประชารัฐ” ให้ลาออกไปลุยการเมืองเต็มตัว ก็มีชื่อ “นายพลไก่อู” เป็นผู้ต้องสงสัยในฐานะ “เจ้ากรมข่าวลือ” ด้วย

ก่อนจะมีเรื่องร้องเรียน ชื่อ “เสธ.ไก่อู” กลับมาปรากฏในหน้าสื่ออีกครั้ง ในฐานะเป็น “ตัวเต็ง” ในเก้าอี้ “ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี(สปน.)” สืบต่อจาก “นางพัชราภรณ์ อินทรีย์” ที่เกษียณอายุราชการ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเป็นข่าวลวงหรือข่าวจริง จนเกิดเสียงร่ำลือว่า เสธ.ไก่อูกำลังจะ COME BACK

ทว่า สุดท้ายผู้ที่คว้าเก้าอี้ตัวนี้ไปครองตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2562 จากการเสนอของ “รองณุ-นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแล สำนักปลัดสำนักนายกฯ ก็คือ “นายธีรภัทร ประยูรสิทธิ” อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ถูกแขวนค้างในกรุสำนักนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่ง “ผู้ตรวจราชการพิเศษ”

และในวันเดียวกับที่ เสธ.ไก่อูวืดตำแหน่ง “ปลัด สปน.” เคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็เกิดขึ้นในฉับพลันทันที เมื่อปรากฏว่า นายจรูญ ไชยศร รองอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ เดินทางไปยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ โดยกล่าวหาว่า เสธ.ไก่อูปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบดังข้อมูลที่ปรากฏมาแล้วข้างต้น

เสธ.ไก่อูเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของรองอธิบดีที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย และเท่าที่ทราบก็ได้มีการยื่นเรื่องเหล่านี้ให้กับทางสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมถึงกรรมาธิการ ป.ป.ช. สภาผู้แทนราษฎร โดยเชื่อว่าทุกคณะจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อตรวจสอบหาข้อเท็จจริง และหากการสอบสวนพบว่ากระทำผิดก็ต้องมีบทลงโทษ แต่ถ้าไม่ผิดก็ปลอดภัย และต้องใช้สิทธิทางกฎหมายต่อไป

“สำหรับเรื่องแรกคือการไม่เป็นการทางการเมือง ผมเป็นข้าราชการ ไม่ว่าจะสมัยอยู่กองทัพบก หรือตอนปฏิวัติปี 49 มีผู้สื่อข่าวถามผมว่า มีความสนใจเรื่องการเมืองไหม ผมบอกผมไม่สนใจ แต่ผมมาทำงานเพราะผมเป็นทหาร ผู้บังคับบัญชามอบหมาย ผมก็มาทำงาน ผมไม่ได้ฝักใฝ่ทางการเมือง สนับสนุนหรือให้ร้ายใคร กรมประชาสัมพันธ์เป็นกรมใหญ่ ถ้าผมมีความฝักใฝ่ทางการเมืองจริง เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะไประวังปากของคนกรมประชาสัมพันธ์ที่มีร่วม 4 พันคน”

“เรื่องที่สอง อาคารหลังนี้ไม่ได้ก่อสร้างใหม่นะครับ เป็นการปรับปรุงซ่อมแซม สร้างมาตั้งแต่ปี 2504 ก็ 58 ปีแล้ว ก็ตั้งเรื่องนี้ตั้งแต่รองอธิบดีคนเก่า ปัจจุบันท่านเกษียณอายุไปแล้ว เพราะฉะนั้นจะบอกเร่งรีบคงไม่ใช่ ในการจัดทำราคากลางก็มีเจ้าหน้าที่ของกรมประชาสัมพันธ์ส่วนหนึ่ง เจ้าหน้าที่ของโยธาธิการของ กทม.ที่อยู่ในเขตพื้นที่ส่วนหนึ่ง พอจัดทำราคากลางเสร็จ ก็จัดประกวดราคาแบบอีเล็กทรอนิกส์ ไม่มีผู้ประกวดรายใดสามารถเห็นหน้าเห็นหลังกันได้ว่ามีใครกันบ้าง ตัวผมเองไม่ได้ไปยุ่งในคณะกรรมการใดเลย เพราะฉะนั้นจะบอกว่าผมไปมีส่วนเกี่ยวพัน ก็คงเกี่ยวพันในฐานะหัวหน้าส่วนราชการเท่านั้น”เสธ.ไก่อูให้ข้อมูล

งานนี้ก็คงต้องติดตามกันต่อไปว่า สุดท้ายแล้ว เส้นทางชีวิตของ พี่เสธ.คนดังคนนี้จะลงเอยอย่างไร.



กำลังโหลดความคิดเห็น