xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เสียงครวญหลังพวงมาลัย โซเฟอร์แท็กซี่ ค้าน GRAB ฮึ่ม! ฟ้องศาลฯ ชดเชยพันล้าน

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ยังคงเป็นประเด็นร้อน กรณี “เครือข่ายแท็กซี่” เปิดหน้าชน “Grab (แกร็บ)” ประท้วงรัฐฯ เร่งเครื่อง “Grab ถูกกฎหมาย” ผลักดันให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถเข้ามาให้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันอย่างถูกกฎหมายได้ ซึ่งล่าสุด ประกาศแตกหักหากรัฐไม่ตอบรับข้อเรียกร้องใดๆ และเตรียมยื่นฟ้องศาลปกครองฯ เยียวยาพันล้าน

ทั้งนี้ ที่ผ่านมากลุ่มรถรับจ้างสาธารณะ เครือข่ายแท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ เคลื่อนไหวต่อเนื่องแสดงจุดยืนต่อต้านนโยบายเปิดเสรีบริการรถส่วนบุคคลร่วมเดินทาง (Ride Hailing Service) ท่ามกลางเสียงสนับสนุนจากประชาชนผู้ใช้บริการขนส่งสาธารณะ เกือบๆ 100 เปอร์เซ็นต์ เทคะแนนให้รัฐผลักดัน “Grab ถูกกฎหมาย”

ต้องยอมรับว่ารูปแบบบริการรถส่วนบุคคลร่วมเดินทางอย่าง Grab หรือ Uber ที่ควบรวมกับ Grab ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไปแล้วนั้น เข้ามาอุดรอยรั่วปัญหาแท็กซี่ไทย โดยเฉพาะปัญหาเรื่องปฏิเสธผู้โดยสาร หรือพฤติกรรมไม่สุภาพต่างๆ ในกลุ่มผู้ขับแท็กซี่จำนวนหนึ่ง

สัปดาห์ที่ผ่านมา สมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่กว่า 50 คน นำโดย “นายวรพล แกมขุนทด” นายกสมาคมวิชาชีพผู้ขับขี่รถยนต์สาธารณะแท็กซี่ เดินทางมายื่นหนังต่อ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อขอคัดค้านนโยบายทำให้รถยนต์ส่วนบุคคลสามารถเข้ามาให้บริการรถยนต์โดยสารสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันแบบถูกกฎหมายได้

นายวรพล กล่าวถึงข้อเรียกร้อง 6 ข้อ ที่ยื่นต่อกับกระทรวงคมนาคมประกอบด้วย 1.กรณีอนุมัติให้รถยนต์นั่งบุคคลป้ายดำ หรือแกร็บ (Grab) ให้ถูกกฎหมาย 2. กรณีอุปกรณ์แท็กซี่โอเค (Taxi OK) ที่ไร้ประสิทธิภาพ รัฐบาลต้องหาทางชดใช้และเยียวยาค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นคืนให้กับผู้ประกอบการแท็กซี่ทุกคัน หากมีการอนุมัติให้แกร็บวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทำให้เกิดเหตุมีการแข่งขันทางด้านธุรกิจกันมากเกินไป 3. การปรับใช้อายุแท็กซี่จาก 9 ปีเป็น 12 ปี 4. ใบสั่งนำไปจ่ายที่โรงพักใดก็ได้ทั่วประเทศไม่เปรียบเทียบปรับ ณ จุดตั้งด่าน ไม่ยึดใบขับขี่ 5. เร่งรัดหาข้อสรุปการปรับขึ้นราคาค่าบริการของแท็กซี่ปัจจุบัน และ 6.ให้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมพิจารณาแก้ไขกฎหมาย โดยมาจากตัวแทนกลุ่มคนขับรถรับจ้างสาธารณะ

ประเด็นหลักในการการคัดค้าน Grab ถูกกฎหมายของแท็กซี่ คือเรื่องการเสียผลประโยชน์และความคับข้องใจถูกเอาเปรียบ ซึ่งผู้ขับขี่แท็กซี่ถูกกฎหมายต้องแบกรับต้นทุนที่สูง รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ มากกว่ารถยนต์ส่วนบุคคลที่นำมาขับ Grab หลายเท่า อีกทั้ง ค่าใช้จ่ายการติดตั้งแอพพลิเคชั่น Taxi Ok มากกว่าคันละ 20,000 บาท จึงต้องการให้รัฐบาลเยียวยาค่าใช้จ่ายตรงส่วนนี้ หากจะเปิดเสรีบริการขนส่งผู้โดยสารแบบ Ride Hailing Service ซึ่งคาดว่าจะเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 8,500 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การเปิดเสรี Grab ในเมืองไทย เท่ากับว่าเป็นการผูกขาดบริษัทเอกชนเจ้าเดียวให้เข้ามาแข่งขันในตลาดขนส่ง นายกสมาคมฯ แท็กซี่ กล่าวว่าในประเด็นนี้ผู้เกี่ยวข้องจะเข้าข่ายความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเพื่อเปิดทางให้กับเอกชนเข้ามาผูกขาด

ฉะนั้น หากกระทรวงคมนาคมเร่งเครื่อง Grab ถูกกฎหมาย โดยไม่ตอบรับข้อเรียกร้องหรือออกมาตรการเยียวยาใดๆ เครือข่ายแท็กซี่จะรวมตัวกันฟ้องศาลปกครองสูงสุด ไล่ตั้งแต่คณะทำงานกระทรวงคมนาคม “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปจนถึงนายกรัฐมนตรี “บิ๊กตู่ -พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา”
กล่าวสำหรับ Grab หรือ Grab Holdings Inc. (แกร็บ โฮลดิ้งส์ อิงค์) เป็นสตาร์ทอัพที่ให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะรายใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เคยเผชิญปัญหาเรื่องการละเมิดกฎหมายการผูกขาดในประเทศสิงคโปร์และฟิลิปปินส์ ถูกสั่งปรับเป็นเงินจำนวน 9.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และ 300,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม การฟ้องร้องบริษัท Grab เพื่อเรียกค่าเสียแก่ผู้ให้บริการแท็กซี่ท้องถิ่นเคยเกิดขึ้นมาแล้ว ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ศาลเวียดนาม สั่งให้ Grab จ่ายค่าชดเชยให้แก่บริษัท Vietnam Sun Corp ผู้ให้บริการแท็กซี่ท้องถิ่น Vinasun ของเวียดนามเป็นเงินจำนวน 206,985 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 6.6 ล้านบาท โดยศาลระบุว่าบริษัท Grab ไม่ได้ปฏิบัติตามสถานะการจดทะเบียนของบริษัทซึ่งได้จดทะเบียนเป็นบริษัททางด้านเทคโนโลยี แต่ไม่ได้จดทะเบียนในฐานะผู้ให้บริการรถแท็กซี่ ซึ่งส่งผลให้ผู้ให้บริการแท็กซี่ท้องถิ่นต้องสูญเสียรายได้ นำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าคำตัดสินดังกล่าวของศาล ไม่ได้คำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้บริโภค และยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่จะขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลในเวียดนาม และขัดขวางการพัฒนาของบริษัทต่างๆ

สำหรับนโยบายเปิดเสรีบริการรถส่วนบุคคลร่วมเดินทาง (Ride Hailing Service) ของประเทศไทย นายจิรุตม์ วิศาลจิตร รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าหลังกระทรวงฯ ได้ประชุมหารือกับผู้เกี่ยวข้องว่า จะเริ่มจากบริการแท็กซี่ หรือ Grab Taxi จากนั้นจะหาแนวทางแก้กฎหมายพระราชบัญญัติขนส่ง เพื่อเปิดทางให้รถจักรยายยนต์ร่วมเดินทาง หรือ Grab Bike และจะไม่ส่งผลกระทบกับวินมอเตอร์ไซค์ที่ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน กำลังเร่งสรุปข้อมูลรายละเอียดทั้งหมดภายในเดือน ก.ย. 2562

เบื้องต้นเตรียมการแก้กฎกระทรวงคมนาคม เพื่อให้รถส่วนบุคคลสามารถวิ่งรับส่งผู้โดยสารได้ โดยมีการกำหนดเงื่อนไขว่า ต้องเป็นการเรียกบริการผ่านแอพพลิเคชั่นเท่านั้น ห้ามวิ่งรับผู้โดยสารตามท้องถนน หรือห้ามจอดรอรับผู้โดยสารตามจุดจอดของรถแท็กซี่ เพื่อป้องกันปัญหาการทะเลาะวิวาท และจะมีการติดป้ายสัญลักษณ์บนรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อแสดงว่ารถคันนี้เป็นผู้ให้บริการ Ride Hailing Service

และในส่วนของเรื่องการชำระเงินจะต้องชำระผ่านแอพพลิเคชั่นในมือถือ หรือระบบสแกน QR Code เท่านั้น ควบคู่กับการชำระแบบการโอนผ่านบัญชีหรือการตัดบัตรเครดิต เพื่อการันตีว่าเงินทั้งหมดจะเข้าสู่ระบบและมีการเสียภาษีอย่างถูกต้องในประเทศไทย จึงได้มอบหมายให้เอกชนไปพัฒนาระบบชำระเงินดังกล่าวมาด้วย

ทั้งหมดนี้จะเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในเดือน พ.ย. 2562 หากได้รับความเห็นชอบจะส่งต่อให้กฤษฎีกาทบทวนร่างกฎกระทรวงคมนาคมดังกล่าว และเริ่มบังคับใช้ได้ภายในเดือน มี.ค. 2563

อย่างไรก็ตาม นายกสมาคมฯ แท็กซี่ มองว่าหากรัฐจะเปิดเสรี Grab ต้องมีการตรวจสอบยานพาหนะและผู้ให้บริการอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะเรื่องการจดทะเบียนตามข้อบังคับของกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เป็นกังวลว่าหากเปิดเสรีจะมีผู้ขับขี่ Grab จำนวนมากไม่จดทะเบียนแล้วนำรถมาวิ่งรับส่งผู้โดยสาร ไม่สามารถควบคุมพฤติกรรมผู้ขับขี่ Grab ได้ เพราะขนาดแท็กซี่ที่หมดอายุแล้วนำมาวิ่งได้ ขบ. ก็ยังไม่สามารคควบคุมได้

คงต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดว่า นโยบายเปิดเสรีบริการรถส่วนบุคคลร่วมเดินทาง (Ride Hailing Service) ของรัฐบาลไทยจะออกมาในรูปแบบใด ที่สำคัญข้อกำหนดกฎเกณฑ์ต่างๆ ในการเปิดเสรี Grab ต้องไม่ใช่การผลักภาระให้ “คนขับ Grab” แต่เพียงฝ่ายเดียว บริษัท Grab ต้องแสดงความรับผิดชอบดูแลพวกเขาอย่างเป็นธรรม

และต้องไม่ลืมเช่นกันว่า “คนขับ Grab” ที่นำรถส่วนบุคคลมาขับนั้นมีต้นทุนที่ต้องแบกรับเช่นกัน อาทิ ค่าประกันรถยนต์ ค่าซ่อมค่าเสื่อมสภาพ ค่าปรับจราจรข้อหาใช้งานรถฯ ผิดประเภท 2,000 บาท ฯลฯ คำนวณคร่าวๆ ค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้บริษัท Grab ไม่ได้ช่วยเหลือรับผิดชอบใดๆ ยังไม่รวมเรื่องการเผชิญความกดดันบนท้องถนน ปัญหาค่าโดยสารราคาต่ำไม่สอดคล้องสภาพการจราจรติดขัด ฯลฯ

ขณะที่ แกนนำสมาคมฯ แท็กซี่ ได้ตัดพ้อกระแสสังคมที่สนับสนุน Grab ถูกกฎหมาย เปรยๆ ว่า “วันนึงแท็กซี่ไม่มีบริการแล้วประชาชนจะรู้สึก” แต่ดูเหมือนผลตอบรับไม่ดีนักแถม “โดนท้าให้แท็กซี่หยุดวิ่ง” เพื่อทดสอบว่าประชาชนจะเดือดร้อนตามคำกล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งได้รับคำตอบชัดเจนแล้วว่า “คงทำไม่ได้...เพราะพี่น้องแท็กซี่ต้องทำมาหากิน”

สุดท้ายประเด็น “การเปิดเสรีบริการรถส่วนบุคคลร่วมเดินทาง (Ride Hailing Service)” ตามนโยบายของ “นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด เพราะมีผู้เกี่ยวข้องมีส่วนได้เสียประโยชน์อยู่หลายฝ่าย หากจัดการไม่ดีพองานนี้เละ!


กำลังโหลดความคิดเห็น