ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากพิจารณาจากกระแสข่าว “โผทหาร” ที่ออกมาในช่วงนี้ โดยเฉพาะหลังจากที่ “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีเดินทางไปเยือนกระทรวงกลาโหมในฐานะรัฐมนตรีว่าการแล้ว ก็มีความชัดเจนค่อนข้างจะร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า “ผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) คนถัดจาก “บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์” ก็คือ “บิ๊กบี้-พล.ท.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้” เจ้าของฉายา “บี้ อดทน”
ตามโผที่มีการเผยแพร่ออกมา ในการแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่เที่ยวนี้ “บิ๊กบี้” จะขยับจาก “แม่ทัพภาคที่ 1” เข้าสู่ไลน์ “5 เสือ ทบ.” ในเก้าอี้ “ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก” และได้รับการคาดหมายว่าจะก้าวขึ้นเป็น “ผบ.ทบ.” หลังจากที่ “บิ๊กแดง” เกษียณอายุราชการในเดือนกันยายนปี 2563
ถือเป็นเส้นทางอันเป็นที่รับรู้กันตามธรรมเนียมปฏิบัติของกองทัพบกตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับเก้าอี้ ผบ.ทบ.ที่โดยปกติจะต้องผ่านเก้าอี้ “แม่ทัพภาคที่ 1” มาก่อน เว้นเสียแต่จะมี “กรณีพิเศษ” ซึ่งเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก
กล่าวสำหรับ “บิ๊กบี้” นั้น เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่น 22 (ตท.22) และเป็นนายทหารที่มีส่วนผสมอันลงตัวระหว่าง “วงศ์เทวัญ” และ “บูรพาพยัคฆ์” เนื่องจากเข้ารับราชการในกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) จ.ปราจีนบุรี ดำรงตำแหน่ง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน 2 รอ.)เช่นเดียวกับ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
และเข้าสู่ “วงศ์เทวัญ” เมื่อมาดำรงตำแหน่ง รอง.ผบ.พล.1 ,รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 1 และกลับมาเป็น ผบ.พล.1 รอ. ก่อนเข้ามาเป็น รองแม่ทัพภาคที่ 1 และขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1
นอกจากนี้ “แม่ทัพบี้” ยังถือว่ามีความสนิทสนมกับ “บิ๊กแดง” จนอาจใช้คำว่า “น้องรัก” เนื่องจากเคยปฏิบัติภารกิจเหตุการณ์ความไม่สงบในชายแดนภาคใต้ ที่ ธารโต-เบตง จ.ยะลา เมื่อปี 2547-2548 ในนามหน่วยเฉพาะกิจ 14 ร่วมกัน
สำหรับที่มาของฉายา “บี้ อดทน” นั้น เป็นเพราะ “บิ๊กบี้” มีคติพจน์ในการปฏิบัติหน้าที่ว่า “อดทน” โดย คำว่า “อดทน” นี้ ถูกเขียนใส่ป้ายไม้ ลายพรางติดไว้หน้ากระต๊อบที่พักของ บิ๊กบี้ เมื่อครั้งที่ลงไปปฏิบัติหน้าที่ที่ฐานธารโต จ.ยะลา ในตำแหน่ง รอง ผบ.ร.31 รอ. เพื่อเตือนใจตนเอง และลูกน้องในการปฏิบัติหน้าที่ ในชายแดนภาคใต้ ที่ต้องอดทนในทุกๆ ด้าน....และใช้เป็น ม็อตโต้ ในการทำงานได้ด้วยว่า เป็นทหารต้องอดทน
ขณะที่อีก “4 เสือ” นั้น “พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์” ยังคงเก้าอี้ “รอง ผบ.ทบ.” เหมือนเดิม เช่นเดียวกับ “พล.อ.ธีรวัฒน์ บุณยะวัฒน์” ในเก้าอี้ “เสนาธิการทหารบก” ส่วน “พล.อ.วิจักขฐ์ สิริบรรสพ” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกจะเกษียณอายุราชการ ขณะที่ “พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา” ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบกอีกคนหนึ่งมีกระแสข่าวว่า “บิ๊กแดง” จะโยก “ข้ามห้วย” ไปนั่งเก้าอี้ “รองปลัดกระทรวงกลาโหม” อัตราพลเอกพิเศษ
และตัวเต็งที่จะเข้ามาในไลน์ 5 เสือทบ.แทน พล.อ.วิจักขฐ์และพล.อ.กู้เกียรติ ในตำแหน่ง “ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก” คนแรกคือ “พล.ท.ฉลองชัย ชัยยะคำ” ที่เวลานี้ดำรงตำแหน่ง “แม่ทัพภาคที่ 3” และ “บิ๊กนัย-พล.ท.สุนัย ประภูชะเนย์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.)
บิ๊กนัยถือเป็น นายทหารหมวกแดงหรือ “รบพิเศษ” ที่ติดเข้ามาอยู่ในโผห้าเสือทบ. ชุดใหม่เพียงแต่อาจจะไปไม่ไกลถึงขั้นลุ้นเป็น ผบ.ทบ. เพราะจะเกษียณในเดือนตุลาคมปี 2563 พร้อม “บิ๊กแดง” เช่นกัน โดย พล.ต.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง รองผบ.นสศ. จะขึ้นเป็นผบ.นสศ.คนถัดไป
ส่วนตัวเต็ง “แม่ทัพภาคที่ 1” คนถัดจาก “แม่ทัพบี้” จะเป็นใครเสียมิได้นอกจาก “แม่ทัพหนุ่ย-พล.ท.ธรรมนูญ วิถี” ที่เวลานี้รั้งตำแหน่ง “แม่ทัพน้อย 1” ซึ่งก็เป็นที่น่าจับตามองเส้นทางการเติบโตว่าจะดำเนินรอยตามแม่ทัพภาคที่ 1 คนเก่าตามธรรมเนียมปฏิบัติหรือไม่ เพราะถนนเส้นนี้มีปลายทางอยู่ที่เก้าอี้ “ผบ.ทบ.” นั่นเอง
ส่วนตำแหน่งสำคัญอื่นๆ นั้น พล.ต.เจริญชัย หินเธาว์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 จะขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 โดยมี พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) และ พล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ร.2 รอ.) เป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 พล.ต.จิรเดช กมลเพ็ชร รองแม่ทัพภาคที่ 3 ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 3 ขณะที่ พล.ท.ธัญญา เกียรติสาร ยังคงนั่งในตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 2 ต่อไป เช่นเดียวกับ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ที่ยังคงดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4
นอกจากนี้ ตามโผมีการคาดหมายด้วยว่า “พล.อ.อภิรัชต์” ได้วางตัว “บิ๊กแก้ว- พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทบ.(ตท.21) และ รอง ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ข้ามห้วย ไปเสียบ เป็น เสนาธิการทหาร บก.กองทัพไทย เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทหารสูงสุด(ผบ.ทสส.)คนต่อไป ในปลายปีหน้า
และถ้า “โผไม่พลิก” ก็หมายความว่า เก้าอี้ ผบ.ทบ.และผบ.ทสส.จะอยู่ยาว 3 ปี เพราะเกษียณอายุราชการพร้อมกันในปี 2566 เลยทีเดียว
สำหรับกองทัพไทย แม้ในปีนี้ พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด จะยังไม่เกษียณอายุราชการ แต่ก็มีการวางตัวบุคคลมาลงในตำแหน่ง 5 เสือทัพไทยใหม่ โดยดัน พล.อ.ชัยชนะ นาคเกิด เสนาธิการทหาร ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทสส. เปิดทางให้ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก ข้ามไปเป็นเสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อจ่อขึ้นเป็น ผบ.ทสส. ต่อไปในปีหน้า ส่วน พล.อ.พีรพงษ์ เมืองบุญชู หัวหน้านายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.ทสส. ซึ่งเป็นเพื่อนรักของ พล.อ.พรพิพัฒน์ ไปเป็นผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) พล.ต.วิชัย ชูเชิด รองเจ้ากรมชายแดนทหาร เป็นผู้บัญชาการศูนย์รักษาความปลอดภัย (ผบ.ศรภ.) ที่น่าสนใจคือ มีชื่อ พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค หรือเสธ.โหน่ง อดีตรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไปเป็นเจ้ากรมข่าวทหาร กองบัญชาการกองทัพไทย
สำหรับกองทัพเรือ แม้ว่า “บิ๊กลือ-พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์” ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) จะยังไม่เกษียณอายุราชการในปีนี้ แต่ก็มีการจัดวางกำลังเอาไว้อย่างน่าสนใจเช่นกัน โดย “เสธ.อุ้ย”-พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน เสนาธิการทหารเรือ จะขยับขึ้นมาเป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. ส่วนเก้าอี้ เสธ.ทร.มีคู่แข่ง 2 คนคือ “บิ๊กแก๋ง”-พล.ร.ท. สิทธิพร มาศเกษม ผบ.ทัพเรือภาค3 และ พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ
ขณะที่ บิ๊กช่อ-พล.ร.อ.ช่อฉัตร กระเทศ ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพเรือ ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าจะไปนั่งประธานคณะที่ปรึกษากองทัพเรือ แต่สุดท้ายโผออกมาอยู่ที่เก้าอี้รอง ผบ.ทร. ทำให้ได้รับการคาดหมายว่าได้รับการวางตัวให้เป็น “ผบ.ทร.” คนถัดไป โดยมี “บิ๊กแก๋ง” เบียดกันมาชนิดลมหายใจรดต้นคอ ส่วน พล.ร.อ.ทิวา ดาราเมือง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ เป็นผู้ช่วย ผบ.ทร. ขณะที่ ผบ.กองเรือยุทธการ คั่วกันระหว่าง พล.ร.อ.สมชาย ณ บางช้าง และพล.ร.ท.ชุมศักดิ์ นาควิจิตร ผบ.ฐานทัพเรือสัตหีบ
และปิดท้ายกันที่ “กองทัพเรือ” ซึ่งในปีนี้ “บิ๊กต่าย-พล.อ.อ.ชัยพฤกษ์ ดิษยะศริน” ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ที่จะเกษียณอายุราชการเพียงคนเดียว และคาดว่า พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เสนาธิการทหารอากาศ จะขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนที่ 26 แม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีกระแสข่าวลือว่าจะมีแคนดิเดตอีก 2 คนที่จะมาชิงเก้าอี้ผบ.ทอ. คือพล.อ.อ.ปรเมศ เกทโกวิท รองปลัดกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อ.วันชัย นุชเกษม รองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รองผบ.ทสส.)