xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ถึงเวลา“บิ๊กป้อม”สังคายนา พปชร.

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปล่อยตัวแทนทำหน้าที่เองท่าจะไม่เวิร์ก เพราะหลังเลือกตั้งเสร็จเละไม่เป็นท่า สารพัดมุ้ง สารพัดก๊วน ล่อกันเละในพรรค จนกลิ่นออกมาข้างนอก ภาพลักษณ์ชักไม่ดูดี ถึงเวลา“ของจริง”ต้องลงสนามมารักษาความสงบเรียบร้อยเอง

ตามคิวที่ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ตอบรับนั่งประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ หลังสมัครสมาชิกพรรคเอาไว้ ตั้งแต่ก่อนไปสัมมนา ส.ส. กันที่ 88 การ์มองเต้ รีสอร์ท อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

ประธานยุทธศาสตร์พรรค มีหน้าที่แก้ไขปัญหาให้กับส.ส. และประชาชน รวมถึงให้คำปรึกษาหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ คล้ายๆกับ “ซีอีโอ”

แต่ทุกคนรู้กันดี นี่แหละ“นายใหญ่”ตัวจริงของพรรค ที่ทำหน้าที่บัญชาการอยู่เบื้องหลังมาโดยตลอด แค่สลับมาอยู่หน้าม่าน เปิดหน้ากันให้เห็นๆ

เอาจริงๆ “บิ๊กป้อม”ไม่ได้อยากลงสนามเอง แต่ที่เห็นและเป็นไป นาทีนี้ไม่ลงไม่ได้ เพราะส่งผลต่อความอยู่รอดของรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องเสียงปริ่มน้ำ หากไม่มานั่งประกบ น่าจะมีเรื่องให้รกหัว ต้องตามล้างตามเช็ดกันอีก

ไม่ใช่แค่พรรคร่วมรัฐบาล แต่เสาหลักของรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ต้องแน่นหนาไว้ก่อน ตามเป้าหมายที่อยากให้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม อยู่ครบเทอม 4 ปี ให้ได้

ถ้าพรรคพลังประชารัฐเละ โอกาสจะอยู่ยาว 4 ปี มีหวาดเสียวว่าอายุจะสั้นกว่านั้น เพราะฐานรองอำนาจอย่างส.ส.ไม่แข็งแรง เลยต้องขันน็อตด้วยตัวเอง

แรกเริ่มเดิมที วางตัวจะให้“บิ๊กตู่”ลงจากหอคอยงาช้าง มาเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเอง เพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้กับบรรดาส.ส. หลังที่ผ่านมาไม่เคยเฉียดเข้าใกล้พรรคสักครั้ง

แต่ชั่งน้ำหนัก ประเมินข้อดี-ข้อเสีย ไม่คุ้มกับภาพรวม เพราะบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหลายจะรู้สึกว่า นายกรัฐมนตรีไม่ใช่คนกลางอีกต่อไป แต่จะเข้าข้างพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น เนื่องจากเป็นพรรคตัวเอง ไม่เหมือนตอนนี้ที่ยังรู้สึกว่าเป็นของทุกคนอยู่

ขณะที่ข้อดีมีแค่ส.ส.จะรู้สึกอบอุ่นขึ้น เพราะนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้นำประเทศ ลงมาคัดหางเสือด้วยตัวเอง ไม่น้อยหน้าหัวหน้าพรรคการเมืองอื่นๆ ตอนรบจะรู้สึกคึกเป็นพิเศษ ในแง่ขวัญกำลังใจ

ก่อนจะได้ทางออก ให้“บิ๊กป้อม”ลงมาเล่นเองคงไม่ต่างกัน เพราะบรรดานักการเมือง และส.ส.คุ้นเคยกันดีอยู่แล้วว่าเป็นผู้มากบารมี ที่สำคัญมีอำนาจตัดสินใจได้เลย

เรื่องภาพลักษณ์ไม่ต้องคำนึงเหมือน“บิ๊กตู่”เพราะ “บิ๊กป้อม”นั้นเป็นตำบลกระสุนตกมาโดยตลอด ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้ มาหรือไม่มา ก็ถูกจับโยงว่า อยู่เบื้องหลัง หรือเป็นผู้จัดการรัฐบาลอยู่ดี

สู้ลงมาเอง มีข้อดีมากกว่า อย่างน้อยๆ ที่เห็นๆ กันมา เวลา “บิ๊กป้อม”อยู่ท่ามกลางวงล้อม ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ ดูกระชุ่มกระชวยทั้ง “นาย”และ“ลูกน้อง”เพราะทุกคนทราบกันดีมาตลอดว่า นี่คือ“เจ้าของพรรค”

ที่ผ่านมาก็ทำหน้าที่แก้ปัญหาให้กับรัฐบาลมาตลอด โดยเฉพาะการจัดสรรโควตารัฐมนตรี ที่กว่าจะลงตัวนั้นแสนเหนื่อย ได้พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ นี่แหละทุบตัว

แกนนำในพรรค ไม่ว่าจะเป็น เสือ สิงห์ กระทิง แรด เรียก “นาย”ทุกคำ เอาว่าไม่มีใครกล้ามีปัญหากับ“บิ๊กป้อม” ต่อจะให้ไม่พอใจในการตัดสินใจก็ตาม เพราะอำนาจและบารมียังอยู่

แม้ไม่ได้เป็น รมว.กลาโหม คุมกองทัพ หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติเหมือนรัฐบาลก่อน แต่คอนเนกชั่น และบารมียังเหลือล้น ในรัฐบาลอาจไม่มีเพาเวอร์เรื่องการกำกับดูแล แต่การเคาะโต๊ะเบื้องหลังหลายเรื่อง ยังมีเต็มเปี่ยม

แถมวันนี้มาจับพรรคการเมืองอยู่เบื้องหน้า เพิ่มบารมีขึ้นมาอีกทาง “บิ๊กตู่”มีคณะรัฐมนตรี เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ส่วน“บิ๊กป้อม”เป็นหัวหน้านักการเมือง เดินคู่ขนานกันไป

งานใหญ่“บิ๊กป้อม”คือ การสังคายนาพรรคพลังประชารัฐใหม่ เพราะที่ผ่านมาพิสูจน์แล้วว่า ไม่ได้เรื่อง และหนักไปทางเละมากกว่า อย่างที่รู้กัน หัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค เป็นแค่นอมินี ที่“เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ส่งมาในช่วงแรกนั้น ไม่ได้มีอำนาจ

ที่สำคัญ บรรดาส.ส.และนักการเมือง ไม่ค่อยให้ราคา เพราะไม่ได้มาจากสนามเลือกตั้ง หนำซ้ำ ยังพรรษาน้อยทางการเมือง เหมือนให้มือใหม่มาคุมนักเลือกตั้งอาชีพ มันมีการไม่ยอมรับในความรู้สึก

ขณะเดียวกัน ยังไม่ได้มีอำนาจ ตลอดจนควักกระเป๋าจ่าย แถมได้เก้าอี้รัฐมนตรีไปครอง ทั้งที่นักรบอย่างส.ส. อกหักกันถ้วนหน้า จนคนนินทาหมาดูถูกว่า มาแต่ตัว แต่จะเอานู่นเอานี่

ครั้นให้ช่วยแก้ไขปัญหาให้กับส.ส. ก็เงียบหายเข้ากลีบเมฆ ไม่นำพา แต่อีกมุมหนึ่งก็ต้องเข้าใจว่า ผู้บริหารชุดแรกถูกส่งมาเป็นแค่ “ตัวแทน”

นอกจากนี้ มันยังมี“รอยต่อ”ที่หายไป ระหว่างรัฐบาล กับพรรคพลังประชารัฐ ไม่สามารถประสานงานกันได้ เพราะไม่มี“ข้อต่อ”ซึ่งกันและกัน เวลาเกิดปัญหาขึ้นมาครั้ง ต้องส่งกันหลายต่อ กว่าจะถึงผู้มีอำนาจ

ต่างคนต่างมุดเข้ามูลนิธิป่ารอยต่อฯ หา “บิ๊กป้อม”กันคนละรอบสองรอบ ฟังทางนั้นที ฟังทางนี้อีกแบบ วันๆ หนึ่งเปิดบ้านรับแขก แก้ปัญหาให้ส.ส.กันไม่ไหว

เพราะได้“บิ๊กป้อม”ที่มีอำนาจ และยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล มาเป็นประธานยุทธศาสตร์พรรค เข้าร่วมประชุมกับพรรคได้ โดยไม่ต้องเหนียมอายหรือกลัวฝ่ายตรงข้ามหยิบเอาไปล่อเรื่องครอบงำพรรค มีอะไรพูดกันให้ได้ยินโดยตรงได้เลย ไม่ต้องผ่านแกนนำเหมือนแต่ก่อนแล้ว

สำหรับส.ส.ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว เพราะ“เจ้านาย”ลงมารับฟังปัญหาเอง แถมเคาะโต๊ะ ทุบโต๊ะกันได้เดี๋ยวนั้น ไม่ต้องผ่านหลายชั้นหลายต่อกว่าจะมาถึง ปัญหาก็บานปลาย

อีกจุดหนึ่งคือ การสลายขั้วภายในพรรค หลังแย่งชามข้าวฝุ่นตลบออกมา จนคนนอกส่ายหน้ากับพฤติกรรมของนักการเมืองแบบเดิมๆ ซึ่งต่างคนต่างใหญ่ ไม่มีใครกลัวใคร ใช้รูปแบบเดิมๆ ในการเรียกร้องผลประโยชน์ ต่างก็จะแย่งกันเป็นผู้นำในพรรค แต่พอ “บิ๊กป้อม”ลงมา เหมือนกลายเป็นศูนย์กลางให้ ทุกปัญหาอะไร วิ่งตรงมาที่ “บิ๊กป้อม”ได้เลยที่เดียวจบ

ขณะเดียวกัน เวลาจะสั่งการอะไร สั่งกันให้ได้ยิน ไม่ต้องชั่งน้ำหนักหรือใครจะเอาแอบอ้างว่า “นายใหญ่”ต้องการให้เป็นแบบนั้น แบบนี้ เพราะให้รอฟังที่ “บิ๊กป้อม”ได้เลย

ดูแล้วลงมานั่ง มีผลดีสำหรับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงรัฐบาลด้วย

แต่ที่ต้องระวังๆ “บิ๊กป้อม”ไม่เคยเปิดหน้ามาตลอดชีวิต พอลงมาคลุกฝุ่นการเมืองอาจจะเคลิ้ม ไม่ทันเหลี่ยมบรรดานักเลือกตั้งอาชีพ ที่ประจบสอพลอ

กลัวจะพากันเละเข้าไปใหญ่ เพราะขึ้นชื่อนักการเมือง เอาผลประโยชน์เป็นที่ตั้งไว้ก่อน




กำลังโหลดความคิดเห็น