xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ภูมิใจไทย“เครื่องร้อน” เข็นงานปั่นแต้มแซงหน้า

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

อนุทิน ชาญวีรกูล
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ผ่านการแถลงนโยบายต่อรัฐสภามาร่วม 2 สัปดาห์ รัฐบาลมีอำนาจเต็มในการขับเคลื่อนการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเท่าไร เพราะต้องรอผู้มีอำนาจสูงสุดเคาะว่า จะปล่อยโปรเจกต์ยักษ์อะไรเป็นชิ้นแรก เรียกคะแนนความนิยม

ภาพรวมใหญ่ ยังไม่มีอะไรเป็นโบแดง หลังผ่าน 2 สัปดาห์ แต่หากเจาะเป็นผลงานส่วนตัว ต้องบอกว่ารัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย “เครื่องร้อน”มากกว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาล

โดยเฉพาะ“หมอหนู”อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่มีข่าวปฏิบัติงานออกมารายวัน

ตามคิวที่มีเวลาเตรียมตัวนานกว่าคนอื่น จองเก้าอี้ รมว.สาธารณสุข เพื่อผลักดันนโยบายกัญชาทางการแพทย์ มาตั้งแต่ยังไม่ปิดหีบเลือกตั้ง

ศึกษาและลงพื้นที่จนตกผลึกว่า การบริการสาธารณสุขประเทศไทยยังมีอะไรเป็นช่องโหว่ ที่ประชาชนรอรัฐบาลแก้ไข

“หมอหนู”รู้ว่า การบริการด้านสุขภาพ คือ ความต้องการของประชาชนลำดับต้นๆ นอกจากการอยู่ดีกินดี เลยลุยเต็มที่ รับฟังทุกภาคส่วน และทุกขั้วการเมือง ไม่ว่าจะสีไหน ทั้งอดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อย่าง นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ผู้ศึกษาค้นคว้าการใช้กัญชารักษาโรคมายาวนาน หรือแม้แต่ “หมอเลี้ยบ”นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อดีต รมว.สาธารณสุข ในยุคพรรคไทยรักไทย ผู้มีส่วนปลุกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค

แม้เป็นรัฐมนตรีที่ไม่ได้จบทางการแพทย์โดยตรง แต่การก้มหน้าก้มตาลุยแก้ปัญหาสาธารณสุขจริงจัง ทำให้ “หมอหนู”เริ่มได้รับคำชมอย่างกว้างขวาง

หลายอย่างที่เคย “ติดล็อก”เพราะปัญหาภายในกระทรวงสาธารณสุข วันนี้ “หมอหนู”ลุย “ปลดล็อก”โดยเอาประชาชนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็ก

อย่างล่าสุด “หมอหนู”ลงนามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 เพื่อให้หมอพื้นบ้านตามระเบียบกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เป็นหมอพื้นบ้านตาม พ.ร.บ.วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2556 อัตโนมัติโดยไม่ต้องตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ หลังก่อนหน้านี้ติดล็อก

“หมอพื้นบ้าน”พากันเฮลั่น เพราะก่อนหน้านี้ขยับไม่ได้ ชนตอในกระทรวงสาธารณสุข ที่บังคับให้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติใหม่ ซึ่งจะทำให้ช้าและเกิดความเหลื่อมล้ำ ซึ่งหมอพื้นที่บ้านมองว่า เป็นการเตะตัดขาพวกเขา

นอกจากนี้“หมอหนู”ยังลงนามประกาศกระทรวงสาธารณสุข อีก 2 ฉบับ คือ 1. เรื่อง กำหนดผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน ตามกฎหมายวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่จะสามารถปรุง หรือสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562 และ 2. เรื่องกำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรค หรือการศึกษาวิจัยได้ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2562

ตรงนี้หมอพื้นบ้านยิ่งเฮลั่น เพราะเดิมทีกำหนดให้การทำยาของแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้าน จะต้องใช้วัตถุดิบจากเครื่องกัญชากลาง ซึ่งอาจจะต้องมีการผสมสมุนไพรอื่น อย่างพริกไทยลงไป ด้วยเจตนาที่จะมีหน่วยผลิตกลาง เพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ แต่ข้อเท็จจริงหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทย ที่จะปรุงยาเฉพาะราย ไม่ได้ใช้เครื่องกัญชากลาง ต้องใช้พืชใบสด และจะได้ปรุงยาเฉพาะรายได้ตรงตามสูตร เพราะหากมีการผสมอย่างอื่น ก็อาจจะผิดสูตรไปได้

การลงนามครั้งนี้จะทำให้หมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยปรุงเฉพาะรายดีขึ้น!!!

แล้วไม่ได้หมกมุ่นแค่เรื่องกัญชาที่เป็นนโยบาย ปัญหาอื่นๆ ในกระทรวงสาธารณสุขอื่นๆ หากเกิดขึ้น “หมอหนู”ลุยอย่างฉับไว อย่างกรณีล่าสุด โรงพยาบาลกมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ ขาดแคลนยา จนผู้ป่วยต้องหยิบยืมยากันเอง กระทั่งชาวบ้านเรียกร้องขับไล่นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) กาฬสินธุ์

“หมอหนู”รู้เรื่อง สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมขู่ว่า หากเกิดจากเจตนาไม่ดี หรือทุจริต“เจอกันแน่” ขณะเดียวกัน ยังมีคำสั่งให้นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดออกไปอบรบนอกพื้นที่เป็นเวลา 3 สัปดาห์ จนกว่าจะปัญหาจะเสร็จสิ้น

ประชาชนในพื้นที่ถูกใจ เพราะฉับไว และตรงตามความต้องการ !!!

ไม่ใช่แค่ “หมอหนู”แต่ “เสี่ยโอ๋”ศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ก็ “เครื่องร้อน”ไม่แพ้กัน สังคายนากระทรวงคมนาคมกันใหม่ ปรับจูนบอร์ดรัฐวิสาหกิจต่างๆ ตามธรรมเนียมที่เปลี่ยนรัฐมนตรี หรือรัฐบาลต้องรื้อยกแผง เพื่อให้ทำงานสอดประสานกันได้ กับอีกเรื่องที่ถูกใจแฟนๆ ก็ประเด็นปัญหารถติดถนนพระราม 2 ที่ “เสี่ยโอ๋”ลงพื้นที่ไปแก้ปัญหาด้วยตัวเองตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งแรกๆ

แล้วไม่ได้ไปเอาหน้า แต่ไปหาทางออกแบบจริงจัง พร้อมกับลงติดตามด้วยตัวเองอีกรอบ ที่ระบุเลยว่า แม้รถปัญหารถติดจะบางเบาลง แต่ยังไม่เป็นที่พอใจ ถนนพระราม 2 ต้องเคลื่อนตัวได้ดีกว่านี้

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ส่ง "มนัญญา ไทยเศรษฐ์" ไปเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แม้จะโดนรัฐมนตรีผู้ชายอีก 3 คนกลบรัศมี ได้ดูแต่กรมกองที่ไม่ได้ใหญ่โตเท่าไร แต่เนื้องานและการแก้ไขปัญหา เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ตามหน้าสื่อ

อย่างกรณีการยกเลิกการใช้สารเคมีในการใช้จำกัดศัตรูพืช ที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิด ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพรีฟอส ไกลโฟเซต ที่มีการเรียกร้องมาโดยตลอด ตั้งแต่ยุค “อ.ยักษ์”วิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ แต่ยังไม่มีความชัดเจน

“มนัญญา”ก็แสดงความเห็นแบบไม่กั๊ก โดยเอาประชาชนที่คัดค้านสารเคมี 3 ชนิดไปเลยว่า ในวันที่ 20 ส.ค. จะมีการทบทวน พ.ร.บ. คุ้มครองที่เกี่ยวข้องกับวัตถุอันตรายของสารเคมี เช่น การแบ่งโซนพื้นที่อันตราย หรือพื้นที่ที่ไม่สามารถใช้ได้ เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วนและเป็นนโยบายที่ต้องเร่งผลักดันหลังเข้ามารับผิดชอบงานด้านเกษตร

“การยกเลิกสารเคมีทั้ง 3 ชนิด จะทำให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ เพราะมีการใช้มานานเกินไปแล้ว ส่วนตัวแล้วอยากให้ยกเลิกการใช้สารเคมี 3 ชนิดอย่างถาวร”

เอาเป็นว่า แม้ยังไม่ได้ยกเลิก แต่ท่าทีแบบนี้ ถูกใจเอ็นจีโอ กับกลุ่มเกษตรกรที่คัดค้านสารเคมี 3 ชนิดนี้มาตลอด เรียกว่า ได้ใจไปแล้ว

รัฐมนตรีซีกพรรคภูมิใจไทย ไม่มีหล่มให้ติด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องการแต่งตั้งรัฐมนตรี หรือข้าราชการการเมือง พอปฏิบัติหน้าที่ได้เต็มรูปแบบ ก็เดินหน้าเต็มสูบ ใครจะว่า สร้างภาพไม่สนใจ ลุยงาน ที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า ไม่รอให้มีใครมีสั่ง หรือสัญญาณจากใครว่า จะทำได้เมื่อไร

ถ้าวัดคะแนนเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลตอนนี้ พรรคภูมิใจไทย น่าจะนำบรรดาพรรคอื่นๆ ไปก่อนแล้ว อย่างน้อยก็ “เครื่องร้อน”กว่าใครในการลุยแก้ปัญหา
เรียกว่า ติวกันมาดี พรรคมีเอกภาพ ไม่มีปัญหาให้พันแข้งพันขา จนไม่มีเวลาทำงานทำการ

พรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ เห็นคงสะดุ้งบ้าง “หมอหนู” และภูมิใจไทย โกยแต้มไปเยอะแล้ว




กำลังโหลดความคิดเห็น