xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“บิ๊กตู่”กระชับอำนาจ ถ่วงดุล–เสริมแกร่งแกนนำ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -การแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ล้วนเป็นยุทธศาสตร์ถ่วงดุลอำนาจ ตามคิวที่ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม รวบหน่วยงานสำคัญในประเทศไว้กับตัวทั้งหมด

นอกจากกองทัพ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่เคยอยู่ในอ้อมอกของ “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เที่ยวนี้ “น้องตู่”ก็เอามาดูแลเอง

เป็น รมว.กลาโหม ที่พลังอำนาจด้านความมั่นคงเหลือล้น เพราะทุกเหล่าทัพอยู่ภายใต้กำกับดูแล ทดแทนตำแหน่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่มลายหายไปตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากนี้ ยังดึงหน่วยงานด้านยุทธศาสตร์ทางการเมือง อย่างกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กระทรวงยุติธรรม มาไว้กับตัวด้วย ไม่แบ่งให้ทั้ง รองนายกรัฐมนตรี หรือ รมว.ยุติธรรมได้กำกับตามหน้าที่ตัวเอง

มันสะท้อนให้เห็นว่า“บิ๊กตู่”ก็ไม่ได้ไว้วางใจคนอื่นมากกว่าตัวเอง อย่างที่รู้กัน ดีเอสไอ ดูแลคดีสำคัญๆ ในประเทศมากมาย ที่เกี่ยวกับนักการเมืองมีไม่ถ้วน เรื่อยไปถึงคดีนอกเหนือทางโลก อย่างวัดพระธรรมกาย ซึ่งทั้ง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และ สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ถูกระแวงว่า มีความสัมพันธ์อันดีกับพระสายจานบิน

ดีเอสไอ ยังใช้“ตบทรัพย์”อย่างที่มีข่าวลือมาตลอดว่า พวกมีชนักปักหลังพยายามหอบเงินก้อนโตช่วยให้เป่าคดี ตลอดจนกลัวว่า“สมศักดิ์”จะไปเอาคืนเจ้าของสื่อย่านบางนา ที่มีคดีความเรื่องปั่นหุ้นใน ดีเอสไอ หลังช่องดังกล่าวตีกลุ่มสามมิตรยับเยินในช่วงที่ผ่านมา

เอาเป็นว่า ใครที่บอก“บิ๊กตู่”ไม่มีกระบองอาญาสิทธิ์ มาตรา 44 ก็ไร้พิษสง คงไม่จริง เพราะตามเนื้องานในฐานะนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม คุมความมั่นคงในประเทศแบบเบ็ดเสร็จ

ขณะที่พี่ชายสุดที่รัก “บิ๊กป้อม”แม้จะไม่มีกองทัพ และสตช. อยู่ในมือ แต่ยังถือเป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง เพราะ“บิ๊กตู่”จัดหน่วยงานด้านพลเรือนให้ ไม่ว่าจะเป็นสภาความมั่นคงแห่งชาติ และสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ยังเป็นงานยึดโยงกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอยู่

กระทรวงอาจจะน้อย แต่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ เป็นกระทรวงมีคลาส โยงกับความมั่นคงได้ ทั้งกระทรวงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน

เป็นอันเข้าใจตรงกัน ต้องพัก “บิ๊กป้อม”หลบกระสุน ไม่ให้ถูกพาดพิงเรื่องเสียๆ หายๆ โดยเฉพาะโผทหาร โผตำรวจ ที่ทุกงานถูกโจมตีว่า อยู่เบื้องหลังการเคลื่อนไหวของน้องๆ โดยเฉพาะช่วงที่ผ่านมา “บิ๊กโจ๊ก”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ถูกมองว่า เป็นมืองานเรื่องนี้ให้

พอมาเป็น“บิ๊กตู่”การวิ่งอาจจะยากขึ้น แต่ก็มีช่องโหว่ตรงเนื้องานที่มันกว้าง ทำให้สายตาสอดส่องไม่ทั่วถึง อย่างที่กระทรวงกลาโหม การส่งทีมงานไปดูแล อาจเป็นดาบสองคมให้คนพวกนี้พองโต จนทำให้คนวิ่งเข้าหากันฝุ่นตลบอบอวล มันเสี่ยงจะเละเอาได้เหมือนกัน

ไม่เว้นแม้แต่ที่ สตช.เองก็ตาม แต่ละคนจะอ้างว่า มาจาก“นาย”จนไม่รู้ว่า อันไหนจริง อันไหนเท็จ ไม่เหมือนตอนที่ “บิ๊กป้อม” ดูเอง จะรู้ว่า ใครเป็นใคร

ขณะที่การแบ่งงานรองนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆ ต้องบอกว่า“พลังประชารัฐ”เอาคืนเต็มเม็ดเต็มหน่วย หลังช่วงการจัดสรรโควตารัฐมนตรี พรรคร่วมรัฐบาลได้กระทรวงสำคัญไปเต็ม ครั้งนี้จึงเก็บหน่วยงานต่างๆ ซึ่งหลายหน่วยงานเป็นดัง “ขุมทรัพย์”ไว้กับซีกแกนนำรัฐบาลหมด

“เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ “ครึ่งเดียว” เก็บหน่วยงานสำคัญไว้กับตัวเพียบ นอกเหนือไปจาก 5 กระทรวงหลักอย่าง กระทรวงการคลัง กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม

ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) อสมท สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) สำนักงานบริหารและพัฒนาความรู้ สถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ

พอๆ กับ “เนติบริกร”วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ที่นอกจากดู 3 กระทรวงหลัก คือ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงศึกษาธิการแล้ว เก็บเรียบ กรมประชาสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ สำนักงานราชบัณฑิตยสภา สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ

ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีพรรคร่วมรัฐบาล อย่าง "จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ได้ดูแค่กระทรวงของพรรคประชาธิปัตย์ อย่าง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดย “บิ๊กตู่”ไม่เกลี่ยหน่วยงานอื่นให้เลย ต่างจาก“สมคิด - วิษณุ”

ไม่ต่างกับ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่ได้ดูกระทรวงของพรรคภูมิใจไทย คือ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ ซึ่ง 2 หน่วยงานหลัก ถ้าไม่ได้คาบเกี่ยวกับงานสาธารณสุข ก็อดดูเหมือนกัน

เอาว่า จัดแบบนี้ ชัดเจนว่า“เอาคืน”

และแม้จะได้กระทรวงเศรษฐกิจไป แต่ล่าสุดเจอความเก๋าของ “เฮียกวง”หลังชง “บิ๊กตู่”ตั้ง “ครม.เศรษฐกิจ”เพื่อกระชับอำนาจ หลังกระทรวงปากท้อง กระจัดกระจายอยู่กับพรรคร่วมรัฐบาล ไม่เหมือนรัฐบาลก่อนที่อยู่กับรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ

“เฮียกวง”รู้ว่า ตัวเองไม่มีอำนาจเหมือนรัฐบาลก่อน และหากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ บรรดาพรรคร่วมรัฐบาลย่อมไม่ฟัง เพราะก็มี “จุรินทร์”และ “เสี่ยหนู”เป็นรองนายกรัฐมนตรี เหมือนกัน ศักดิ์และศรีเท่ากัน ไม่ยอมอยู่ใต้อันเดอร์แน่

เลยแก้เกมให้“บิ๊กตู่”เป็นประธาน ครม.เศรษฐกิจแทน เพราะรู้ว่า หากนายกฯ เป็นประธาน ทุกคนย่อมต้องฟัง ต่างจากตัวเองที่สถานะตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

“บิ๊กตู่”เองยังเชื่อมือ และเชื่อใจ “เฮียกวง”ในฐานะที่บุกบั่นกันมาตลอด 5 ปี คิดและทำโปรเจกต์กันมาหลายยก หาก“เฮียกวง”ผุดโปรเจกต์ หรืออยากจะดำเนินการเรื่องอะไรที่มันคาบเกี่ยวกับกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาล ก็กระซิบกระซาบใส่หู “บิ๊กตู่” ปสั่งรัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลได้

ไม่ฟัง “สมคิด”ไม่เป็นไร แต่ทุกคนต้องฟัง“บิ๊กตู่”ที่มีพรายกระซิบนาม“จอมยุทธ์กวง”

เห็นได้ชัดว่า ตั้งขึ้นมาเพื่อการนี้ โดยเฉพาะคิวที่ตั้ง “กอบศักดิ์ ภูตระกูล”รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ที่อกหัก อดนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี เพราะโควตาไม่พอ มาเป็นเลขานุการ ครม.เศรษฐกิจ มันก็แสดงให้ชัดว่า เบื้องหลัง ครม.ปากท้องชุดนี้ ใครบงการ

มันเป็นการแก้เกมพรรคร่วมรัฐบาล ที่ดึงกระทรวงสำคัญไปหมด ให้กลับมาอยู่ในดุลอำนาจของพรรคแกนนำ




กำลังโหลดความคิดเห็น