ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - วิจารณ์ขรมกรณี เด็กแว้น เหิมเกริมซิ่งรถมอเตอร์ไซค์ผาดโผนโชว์ยกล้อ บริเวณถนนหน้าพระลาน ด้านข้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) เหตุเกิดเมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 28 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยมีผู้บันทึกคลิปวิดิโอแล้วนำมาแชร์ในโซเชียลฯ อันนำไปสู่การจับกุมหนึ่งในเด็กแว้นผู้ก่อเหตุและดำเนินคดีกับผู้ปกครองมีโทษทั้งจำทั้งปรับ!
อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่า สำหรับปัญหาเด็กแว้นซิ่งมอเตอร์ไซค์บนท้องถนนนั้น เป็นปัญหาเรื้อรังมานานนับสิบปี ขณะที่ภาครัฐออกมาตรการป้องกันปราบปรามต่อเนื่อง ในช่วงรัฐบาล คสช. ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และจักรยานยนต์ เพื่อสะสางปัญหาเด็กแว้น โดยสาระสำคัญจะดำเนินคดีเอาผิดกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ปล่อยปละละเลยลูกหลานให้ออกมาซิ่ง
กล่าวคือ หากเด็กแว้นทำความผิดครั้งแรก พ่อแม่ผู้ปกครองถูกทำทัณฑ์บน หากทำผิดซ้ำสองพ่อแม่ผู้ปกครองมีความผิดทันทีฐานสนับสนุนมีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ จะเห็นว่าเด็กแว้นส่วนมากยังเป็นเด็กและเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปี มักรวมกลุ่มยามค่ำคืนปรากฏตัวพร้อมมอเตอร์ไซค์แต่งซิ่ง ท่อดังๆ โมดิฟายเครื่องแรงๆ เร็วทะลุด่านตำรวจ โดยสามารถพบเห็นการซิ่งคะนองเมืองกันตามถนนเส้นต่างๆ ซึ่งไม่เพียงเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงตายแล้ว ยังสร้างความเดือดร้อนรำคาญเป็นอันตรายการต่อผู้อื่นอีกด้วย
งานวิจัยเรื่อง ความตาย ความเสี่ยง และผลกระทบต่อการตัดสินใจแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนหลวงของเด็กและเยาวชน : การถอดบทเรียนจากโครงการถนนปลอดภัยจากรถซิ่ง ผลการศึกษาพบว่า การตัดสินใจแข่งรถจักรยานยนต์บนถนนหลวงของเด็กและเยาวชนเป็นผลมาจากการขาดพื้นที่ทางสังคม ทั้งจากในครอบครัวของตนเองที่ประสบปัญหาความรุนแรงในครอบครัว และสังคมในสถานศึกษา
การที่พวกเขากระทำผิดออกซิ่งคะนองเมืองยามค่ำคืนก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากครอบครัว ฉะนั้น เป็นความรับผิดชอบโดยตรงของพ่อแม่ผู้ปกครอง เพราะปล่อยปละละเลยและสนับสนุนให้เด็กกลุ่มนี้กระทำผิด
อย่างไรก็ดี สำหรับกรณีคลิปวิดิโอ เด็กแว้นวัยรุ่น 2 คน ซิ่งยกล้อบริเวณถนนหน้าพระลาน ด้านข้างพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ที่มีการแชร์โซเชียลมีเดียและถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อกลางดึกของ วันที่ 28 ก.ค. 2562 ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ไม่ใช่กลุ่มเด็กแว้นที่จ้องปิดถนนซิ่งประลองความเร็ว แต่เป็นเด็กแว้นจอมฉวยโอกาส โดยเมื่อพวกเขาเห็นถนนโล่งว่าง และเจ้าหน้าที่ตำรวจติดภารกิจอื่น ก็ได้ออกมาท้าทายกันซิ่งผาดโผนยกล้อแข่งกันด้วยความคึกคะนอง และนำไปสู่การจับกุมนาย ก. นามสมมุติ เยาวชนอายุ 16 ปี หนึ่งในผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ซิ่งยกล้อ ซิ่งมอเตอร์ไซค์ประลองความเร็ว
จากการตรวจสอบประวัติพบว่า ผู้ต้องหาเป็นเยาวชน เคยต้องโทษฐานครอบครองยาเสพติด แต่ไม่เคยถูกจับกุมในลักษณะซิ่งผาดโผนประลองความเร็วบนถนน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาแข่งรถโดยไม่ได้รับอนุญาต ,ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ,ขับรถในลักษณะผิดวิสัย ,ขับรถโดยประมาทหวาดเสียว และขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับรถ ก่อนจะควบคุมตัวส่งศาลเยาวชนเพื่อดำเนินคดีต่อไป
โดยเยาวชนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าทำไปเพราะความคึกคะนอง วันเกิดเหตุได้เดินทางมากับกลุ่มเพื่อนจากย่านมีนบุรี เพื่อมาดูการประดับไฟที่ถนนราชดำเนิน แล้วพบวัยรุ่นกลุ่มอื่นอยู่ในจุดเกิดเหตุ จากนั้นมีการท้าทายกันทั้งที่ไม่รู้จักมาก่อน ตนจึงยืมรถเพื่อนแล้วแข่งรถตามคลิปดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม บริเวณจุดเกิดเหตุเป็นพื้นที่สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญของประเทศ แม้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเผยว่าไม่เคยมีเรื่องร้องเรียนซิ่งรถแข่งในบริเวณนี้ แต่ในหลายวาระสำคัญประชาชนผู้สัญจรบริเวณดังกล่าว พบเห็นกลุ่มเด็กแว้นป่วนเปี้ยนกันเป็นกลุ่มใหญ่ กีดขวางการจราจร เพียงแต่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ไม่เหมาะสมดังเช่นกรณีนี้ หรือเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งพบเห็นกลุ่มเด็กแว้นรวมตัวกลางดึกบริเวณถนนหน้าวัดพระแก้ว ใกล้ศาลหลักเมือง แต่ขณะนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ในพื้นที่ได้ประกาศผ่านโทรโข่งให้บรรดาผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์ระมัดระวังพฤติกรรม กระทั่ง เด็กแว้นขับแยกย้ายสลายตัวออกไปจากพื้นที่
นอกจากนี้ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เจ้าหน้าที่ฯ ได้ดำเนินการเอาผิดกับผู้ปกครองเด็กแว้นด้วย โดย พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เปิดเผยว่าได้เชิญพ่อของผู้ต้องหา ซึ่งเป็นเยาวชน อายุ 16 ปี มาพบเจ้าหน้าที่ด้วย โดยตามคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 22/2558 ให้อำนาจตำรวจเรียกผู้ปกครองมาพูดคุยและทำทัณฑ์บน หากบุตรหลานกระทำผิดซ้ำอีกจะมีความผิดฐานสนับสนุนมีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับ 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รวมทั้ง สืบสวนขยายผลจับกุมเด็กแว้นผู้เกี่ยวข้องที่ปรากฎในคลิป ขณะที่เจ้าของรถ จยย. ที่ผู้ต้องหาเอามาขี่รถประลองความเร็วนั้น ก็จะถูกแจ้งข้อหาสนับสนุนการแข่งรถด้วย เช่นเดียวกับ ร้านขายอุปกรณ์แต่งรถ กองเชียร์ก็จะถูกดำเนินคดีด้วย เพราะถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมาย
ที่ผ่านมาภาครัฐออกมาตรการป้องกันและปราบปรามปัญหาเด็กแว้นอย่างเข้มข้น พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้ขับเคลื่อนตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กำชับสั่งการให้ทุกกองบัญชาการในสังกัด มีมาตรการในการออกกวดขันและปราบปรามการกระทำความผิดในลักษณะดังกล่าวมาโดยตลอด
โดยก่อนหน้านี้ได้มอบหมายให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีคำสั่งที่ 365/2562 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงาน ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทางและความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง มอบหมายให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุดทำงานปราบเด็กแว้นแข่งรถจักรยานยนต์แก้ไขปัญหาความปลอดภัยผู้ขับขี่บนท้องถนน ลงไปกำกับและดูแลตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2562
ตั้งเป้าแก้ปัญหาเด็กแว้นอย่างเห็นผลเป็นรูปธรรม วางมาตรการป้องกันและปราบปรามต่างๆ อาทิ สืบสวนหาข่าว รวบรวมข้อมูล เกี่ยวกับหัวหน้ากลุ่มแข่งรถความเคลื่อนไหวของกลุ่มแหล่งรวมตัวร้านขายอะไหล่ อุปกรณ์ตกแต่ง หรือรับดัดแปลงสภาพเครื่องยนต์ เพื่อจัดข้อมูลอย่างเป็นระบบสามารถตรวจสอบได้ทันที
รวมทั้งตรวจสอบข้อมูลทางสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของกลุ่มแข่งขันรถจักรยานยนต์, ออกตรวจพื้นที่เพื่อป้องกันการกระทำผิด หรือการรวมกลุ่ม โดยพฤติการณ์น่าจะนำไปสู่การแข่งขันรถตามเบาะแสที่ได้รับแจ้งทุกช่องทาง, กวดขันจับกุมผู้ขับขี่รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่กระทำผิดกฎหมายในทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
รวมถึงมาตรการยึดรถต้องสงสัยที่อาจใช้หรือได้มาจากการกระทำผิด, จัดเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ความรู้แก่เด็กและเยาวชน เพื่อช่วยปรับทัศนคติ และตระหนักถึงอันตรายและอัตราโทษของการแข่งขันรถ พร้อมขอความร่วมมือผู้ปกครองช่วยอบรมสั่งสอนตักเตือน มิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกลุ่มแข่งรถจักรยานยนต์ และ ให้บันทึกภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหวทุกขั้นตอนขนาดดำเนินการทั้งหมดไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ประกอบสำนวนการสอบสวนหรือดำเนินคดีภายหลัง
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ ให้ข้อมูลว่าที่ผ่านมามีการปราบปรามเด็กแว้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ปล่อยปละละเลย ทำให้ปัจจุบันสถิติการร้องเรียนลดลงร้อย 80 โดยยอมรับว่าพื้นที่เกิดเหตุ สน.ชนะสงคราม ไม่เคยเกิดการร้องเรียนเรื่องดังกล่าวมาก่อน ซึ่งทางเจ้าของพื้นที่จะมีความบกพร่องหรือไม่ อยู่ระหว่างตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นเรื่องที่ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ฯ ซึ่งภายหลังเกิดเหตุการณ์ทาง สน.ชนะสงคราม เข้าร่วมจับกุมผู้ก่อเหตุมาดำเนินการทันที
อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้กฎหมายเอาผิดกับพ่อแม่ผู้ปกครองของเด็กแว้น อาจเป็นเพียงการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ และทุกฝ่ายต้องร่วมกันขบคิดว่า ต้นเหตุที่แท้จริงคืออะไร แล้วใช้มาตรการไหนเพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืนต่อไป