xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“มาเรียม-ยามีล” ลูกพะยูนเกยตื้น ลางร้ายหรือสัญญาณความสมบูรณ์ทะเลไทย

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

 มาเรียม โผล่ทักทายข้างเรือแม่ส้ม (ซ้าย),  ยามีล ถูกนำตัวมาอนุบาลที่ภูเก็ต โดยมีสุขภาพแข็งแรงดี (ขวา)
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หากเปรียบกับรายการเซอร์ไวเวอร์ค้นหาไอดอลเกาหลี อย่าง “Produce 101” หรือ “Produce X 101” เพื่อเดบิวท์เป็นเกิร์ลกรุ๊ป-บอยแบนด์ ก็ต้องบอกว่า “มาเรียม” และ “ยามีล” พะยูนน้อยหลงฝูงทั้ง 2 ตัวของเมืองไทย นับเป็น “ซุป'ตาร์ดาวเด่น” ที่ครองใจแฟนๆ ให้เฝ้าตามลุ้นตามเชียร์ให้ทั้งคู่เป็น “เซอร์ไวเวอร์” ในท้องทะเลไทย

อย่างไรก็ดี ต้องบอกว่าสัตว์ทะเลหายากอีกหลายชีวิตไม่ได้โชคดีเหมือนพะยูนน้อยหลงฝูง “มาเรียม” เพศเมีย วัย 6 เดือน ที่เกยตื้นบริเวณอ่าวทึง ต.อ่าวนาง อ.เมือง จ.กระบี่ เมื่อ 29 เม.ย. 2562 ซึ่งได้นำไปอนุบาลระบบเปิดในธรรมชาติบริเวณบ้านแหลมจูโหย เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง

หรือพะยูนน้อยตัวล่าสุด “ยามีล” เพศผู้ วัย 3 เดือน ที่ระหกระเหินจากอ้อมอกแม่พลัดหลงฝูงมาเกยตื้นในสภาพอิดโรย บริเวณทะเลกระบี่ ต.ทรายขาว อ.คลองท่อม เมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2562 จากนั้นถูกนำไปอนุบาลพักฟื้นอยู่ภายในบ่ออนุบาลของกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ศูนย์วิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามัน (ศวทม.) แหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต

ทั้งนี้ สถานการณ์สัตว์ทะเลในปัจจุบันพบว่าสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น “โลมา”, “วาฬ” หรือ “พะยูน” ซึ่งตามสถิติกว่า 90 เปอร์เซ็นต์จะเกยตื้นเป็นซากไร้ชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุการตายมาจากเงื้อมมือมนุษย์ตกเป็นเหยื่อเครื่องมือประมง มีเพียงส่วนน้อยที่เจ็บไข้ได้ป่วยล้มตายตามธรรมชาติ

ดร.สหภพ ดอกแก้ว นักวิชาการประมงชำนาญการ คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ตั้งข้อสันนิษฐานการพลัดหลงพลัดพรากแม่ของลูกพะยูนอาจมาจากสิ่งที่ไม่ธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นการทำประมงของมนุษย์ใกล้เขตพะยูนอาศัยอยู่ หรือสาเหตุจากสภาพน้ำทะเลขุ่นมีคลื่นลมจากภัยธรรมชาติ ส่วนสาเหตุจากการไล่ล่าพะยูนไม่มีหลักฐานยืนยันในตอนนี้

“พะยูนที่เกยตื้นกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ จะเสียชีวิตเพราะช่วยชีวิตไม่ทัน แต่การพบลูกพะยูน 2 ตัว ถือเป็นข้อมูลการเพิ่มขึ้นของประชากรพะยูน อาจมีลูกพะยูนเพิ่มขึ้นในท้องทะเล เพราะฉะนั้นต้องช่วยชีวิตมาเรียมและยามีล ให้มีชีวิตรอดจนกว่าจะหย่านม ให้สามารถใช้ชีวิตสามารถกินหญ้าทะเลได้เอง”ดร.สหภพ กล่าว

ขณะนี้ทั้ง “มาเรียม - ยามีล” อยู่ภายใต้ความดูแลฟูมฟักเป็นอย่างดีของเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ฯ ลิบง สัตวแพทย์ประจำกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และกลุ่มอาสาสมัครพิทักษ์ดุหยง ผลัดเปลี่ยนหมุนกันดูแลพะยูนอย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นการอนุบาลพะยูนในระบบเปิดในธรรมชาติของตัวเองเป็นครั้งแรกในประเทศไทย

นอกจากนี้ ยังจัดกิจกรรมไลฟ์สดการดูแลอนุบาล “มาเรียม - ยามีล” พะยูนน้อยแห่งเกาะลิบง จ.ตรัง และ จ.ภูเก็ต ให้แฟนๆ ผู้คนที่สนใจได้เฝ้าติดตามชีวิตทั้งคู่ผ่านทางเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ mariumthaidugong.dmcr.go.th ของ กรม ทช. ตลอด 24 ชม. พร้อมกันทั่วโลก

ขณะที่ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ทรงรับพะยูนทั้ง 2 ตัว ไว้ในพระดำริโครงการอนุรักษ์แนวปะการังและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลไทย ทรงพระกรุณาพระราชทานชื่อให้พะยูนน้อยตัวล่าสุด “ยามีล” ซึ่งเป็นภาษายาวี ความหมายว่า “ชายรูปงามแห่งท้องทะเล”

ส่วนชื่อ “มาเรียม” เป็นชื่อทีมงานและชาวบ้านเกาะลิบงช่วยกันตั้งขึ้น “มาเรียม” มีความหมายว่า “ผู้หญิงที่มีจิตใจงดงาม” เปรียบเสมือนความรักความหวงแหน และความผูกพันที่ชาวบ้านเกาะลิบงมีต่อพะยูนซึ่งเป็นสัตว์สงวนประจำท้องถิ่นของ จังหวัดตรัง

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ลูกพะยูนเกยตื้นในเวลาไล่เลี่ยกันถึง 2 ตัว ทำให้เกิดความปริวิตกขึ้นว่าเป็นเรื่องผิดปกหรือไม่? หรือเป็นลางร้ายสัญชาตญาณสัตว์หรือไม่อย่างไร

ในประเด็นนี้ ดร. ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ในฐานะประธานคณะทำงานสัตว์ทะเลหายาก ภายใต้คณะกรรมการส่งเสริมบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ อธิบายชัดเจนว่าเป็นไปตามธรรมชาติ กล่าวคือเป็นเรื่องปกติของพะยูนในการเกยตื้นในช่วงน้ำทะเลตื้นตามการขึ้นลงของน้ำทะเล ประเด็นสำคัญการที่ลูกพะยูนเกยตื้นให้เห็นในห้วงเวลานี้ แสดงว่าจำนวนพะยูนมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 200 กว่าตัว ซึ่งลูกๆ เกิดใหม่ก็มีโอกาสเกยตื้นมากขึ้น ไม่ได้เกิดจากความผิดปกติใดๆ

ทั้งนี้ การสำรวจประชากรพะยูนในทะเลตรัง ปี 2560 พบว่ามีพะยูนประมาณ 169 ตัว ส่วนในปี 2561 พบว่ามีพะยูนคู่แม่ลูก 42 คู่ ข้อมูลยืนยันว่ามีพะยูนมากกว่า 210 ตัว และในปี 2562 คาดว่าจะมีประชากรพะยูนเพิ่มขึ้นเป็น 250 ตัว

อัตราการเพิ่มขึ้นของประชากรพะยูน ไม่เพียงเป็นผลมาจากความพยายามของนักอนุรักษ์ สิ่งสำคัญคือความร่วมมือร่วมใจของชุมชนประมงที่ไม่ใช้เครื่องประมงที่เป็นอันตรายกับสัตว์ทะเลหายาก รวมทั้ง การฟื้นฟูหญ้าทะเลให้เป็นแหล่งอาหารของพะยูนอย่างต่อเนื่อง

สำหรับพะยูนนับเป็นสัตว์ทะเลหายากอยู่ในภาวะใกล้สูญพันธุ์ ได้รับการประกาศให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ในปี 2535 ทั้งนี้ ตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือ ไซเตส (CITES) พะยูน อยู่ในบัญชีหมายเลข 1 ลำดับ 86 ของบัญชีไซเตส

ที่สำคัญเป็นสัตว์น้ำเจ้าถิ่นซึ่งเป็นตัวชี้วัดความอุดมสมบูรณ์ท้องทะเลไทย การเกยตื้นของพะยูนน้อย “มาเรียม-ยามีล” จึงเป็นการส่งสัญญาณที่ดีจากท้องทะเลไทย แสดงให้เห็นว่าจำนวนประชากรพะยูนเพิ่มขึ้น อีกทั้งความอุดมสมบูรณ์ในท้องทะเลไทยกำลังฟื้นกลับมา

ที่สำคัญ ปรากฏการณ์พะยูนน้อย “มาเรียม -ยามีล” ปลุกกระแสให้ผู้คนหันมาสนใจเรื่องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น โดยเฉพาะการอนุรักษ์ท้องทะเลไทยซึ่งเป็นบ้านของสัตว์น้ำนานาชนิด เป็นโอกาสในการเสริมสร้างและกระตุ้นให้เยาวชนคนไทยทุกคนทำความเข้าใจสัตว์ทะเลหายากคู่ท้องทะเล

คงต้องบอกว่า “มาเรียม- ยามีล” เปรียบดังไอดอลที่ได้เดบิวท์แล้ว มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จัก เป็นที่รักได้รับความเอ็นดูจากผู้คนจำนวนมาก วันนี้ทั้งคู่เป็นพะยูนน้อย “เซอร์ไวเวอร์” ผู้อยู่รอดหลังหลงฝูงพลัดพรากจากแม่พะยูน โดยมีมนุษย์เป็นแม่บุญธรรมคอยดูแลประคบประหงม

แต่ยังคงต้องติดตามและเอาใจช่วย “มาเรียม -ยามีล” กันอีกเฮือกใหญ่ เพราะนี่เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น หลังการอนุบาลแล้วการปล่อยลูกพะยูนทั้ง 2 ตัว คืนสู่ธรรมชาติยังเป็นประเด็นที่น่าติดตามใกล้ชิด

ดังเช่น มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เผยแพร่บทความเรื่อง “โอกาสรอดของลูกพะยูนมาเรียม ในวันที่ไม่มีแม่” ระบุในตอนหนึ่งความว่า

“...โอกาสรอดของพะยูนทั้ง 2 ตัว ขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยด้วยกัน ปัจจัยแรกคือความพร้อมทางด้านร่างกายของลูกพะยูน ปัจจัยต่อมาคือ ความสามารถในการเรียนรู้และปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติ ส่วนปัจจัยสุดท้ายนับเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากคือ เรื่องของภัยคุกคามที่เกิดจากพฤติกรรมของมนุษย์ในบริเวณนั้น สถิติพะยูนที่เกยตื้นพบว่า 89 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากการติดเครื่องมือประมงโดยบังเอิญ 10 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการป่วย และอีก 1 เปอร์เซ็นต์เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ พื้นที่ตรงนั้นจะปลอดภัยได้ต้องปราศจากกิจกรรมจากเครื่องมือทางประมง และการสัญจรทางน้ำ...”


กำลังโหลดความคิดเห็น