xs
xsm
sm
md
lg

บาปเก่าหลอน- ทำให้เขาเป็นรมต.ไม่ได้

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: อ.สุดาทิพย์ จารุจินดา อินทร

นายแพทริก แชนาแฮน รักษาการรัฐมนตรีกลาโหม สหรัฐฯ
ขณะที่บ้านเรากำลังจัดตั้งครม. และมีการแก่งแย่งต่อรองแบบถึงพริกถึงขิงเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งรมต.ให้ได้...คงไม่ใช่เหตุผลเพื่อเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูล เพราะสิ่งนั้นไม่เกี่ยวอะไรเลยกับปัญหาของประชาชนที่กำลังรอการแก้ไข-หรือไม่ใช่เพราะคันไม้คันมือร้อนวิชาอยากกระโจนเข้ามารีบๆ แก้ปัญหาหนักอึ้งของพี่น้องประชาชน-เพราะถ้ามันเป็นเหตุผลที่แท้จริงแล้ว ป่านนี้บ้านเมืองคงไม่มีแต่ปัญหา-ปัญหา-ทับถมสูงเป็นภูเขาเลากาท่วมร่างชีวิตผู้ยากไร้มาหลายชั่วอายุคน

หรือจะเป็นเหตุผลที่แท้จริง (ที่พูดหรือแสดงออกมาไม่ได้) คือ งบประมาณมหาศาลที่เหล่ารมต.จะเข้าเคี้ยวกินสนุกสนานเป็นแบบบุฟเฟต์นั่นแหละ ซึ่งในแทบทุกครม.ในโลกนี้-งบประมาณคือเป้าหมายหลักที่รมต.น้ำลายหกเพื่อจะเข้าไปเคี้ยว!

ยังไม่รวมถึงอภิสิทธิ์ต่างๆ ในตำแหน่งรมต. เช่น การเดินทางด้วยเครื่องบิน และการพักโรงแรม 5 ดาวที่บ่อยครั้งพยายามเอางานประชุมมาบังหน้า แต่จริงๆ ก็เพื่อนั่งเครื่องบินไปเที่ยว ทั้งด้านบันเทิงหรือกีฬาก็มีกันทั้งนั้น แม้แต่ ฯพณฯ สตีฟ มนูชิน รมต.คลังคนปัจจุบันของทรัมป์ ที่เพิ่งหย่ากับภรรยาคนเก่า และทำพิธีแต่งงานใหม่กับดาราสาว หลังเป็นรมต.ใหม่แกะกล่องไม่ถึง 2 เดือน จัดงานแต่งแบบงานช้าง โดยใช้สตาฟฟ์ของกระทรวงและทำเนียบขาวประสานงานการจัดครั้งนั้น งบด้านเจ้าหน้าที่นั้นมาจากงบภาษีประชาชนอเมริกันนั่นเอง

หลังแต่งงาน ได้พาเจ้าสาวไปฮันนีมูนโดยควบกับภารกิจที่เขาบอกต้องไปดูสภาพเศรษฐกิจในรัฐที่เขาพาเจ้าสาวไปเที่ยวพักผ่อนนั่นแหละ และแน่นอนที่จะนำเครื่องบินเจ็ตของทางการไปใช้ในการเดินทาง

รวมทั้งการพาเจ้าสาวไปดูสุริยุปราคาในรัฐที่มองเห็นได้; และแทงบัญชีไปประชุมกับหน่วยงานท้องถิ่นในรัฐนั้น

สาเหตุที่ต้องเอาเครื่องบินเจ็ตของทางการ หรือของทหารไปรับ-ส่ง ก็เพราะเป็นรัฐที่เล็กมาก และไม่มีไฟลต์ของเครื่องบินพาณิชย์ที่จะบินได้ ในกำหนดการอันแสนแน่นเอี้ยดของท่านรมต.มนูชิน ที่จะบรรจุได้!

เมื่อเกิดการตรวจสอบโดยสภา ในที่สุดภรรยาดาราแสนสวยของรมต.มนูชิน ก็จำต้องจ่ายค่าอาหารการกินเองย้อนหลังขณะร่วมเดินทางไปกับรมต.คลัง ในเที่ยวที่สามีแทงบัญชีไปประชุมเรื่องงานบังหน้าการไปฮันนีมูนนั่นเอง

ด้านรมต.ผิวดำคนเดียวของทรัมป์ก็ไม่เบา เขาคือ คุณหมอเบน คาร์สัน ที่เคยเป็นศัลยแพทย์ผ่าตัดสมองที่มีชื่อเสียงมาก และได้ลงสมัครแข่งกับทรัมป์เมื่อปี 2016 และเคยมีคะแนนนำในพรรครีพับลิกันเกินหน้าทรัมป์ด้วย แต่ต่อมาทรัมป์ก็ชนะการดีเบต แล้วทำให้คุณหมอเบน คาร์สัน ตัดสินใจหันมาให้การสนับสนุนทรัมป์-และเมื่อทรัมป์ชนะเลือกตั้งได้เข้าทำเนียบขาว เขาก็ได้รับการตบรางวัลในฐานะเป็นคนผิวดำที่มายืนสนับสนุนทรัมป์แต่ต้น (แทบไม่มีคนผิวดำมาให้การสนับสนุนทรัมป์เลย) ได้เป็นรมต.กระทรวงเคหะและการพัฒนาเมือง

เดือนแรกที่เข้ามา ก็เคี้ยวงบประมาณรัฐสนุก โดยเปลี่ยนห้องทำงานใหม่หมด (รมต.ทุกคนของอเมริกาทำอย่างนี้ทั้งนั้น-ไม่ต่างจากบ้านเรา)-งบเปลี่ยนห้องทำงาน-ห้องน้ำส่วนตัว-โต๊ะทำงาน-โต๊ะประชุม โต๊ะรับแขกในห้องรมต. เป็นงบสูงมาก-ซึ่งน่าจะไปใช้สร้างโรงพยาบาลแก่คนยากจนได้สบายๆ

สำหรับคุณหมอเบน เคี้ยวหนักข้อกว่าคนอื่น จนกรรมาธิการในสภาถึงกับขอตรวจสอบคือ เขาสั่งทำตู้เก็บถ้วยชามและโต๊ะยาวสำหรับการรับประทานอาหาร (นัยว่า ประชุมไปด้วยและรับประทานอาหารด้วย) เป็นชุดแบบไม้สวยงาม ราคาเป็นล้านบาท ซึ่งเมื่อถูกกรรมาธิการสภาขอตรวจสอบ เขาบอกว่า เขาทำตามคำแนะนำของภรรยา (โอ๊ย-ภรรยาเข้ามาบริหารเคี้ยวงบด้วยรึนี่?)...โดยเรื่องจบลงที่เขาต้องส่งคืนตู้และโต๊ะเจ้าปัญหานี้ เพราะเป็นงบที่สูงมากๆ เกินกว่าจะมาใช้เป็นโต๊ะอาหาร-ประชุมในห้องทำงานรมต.

นอกจากนั้น เขาเคยสร้างภาพด้วยว่า เขาได้ลงไปดูที่ห้องเก็บของเก่ากระทรวง เพื่อไปหาเฟอร์นิเจอร์เก่าๆ นำมาปรับใช้กับห้องทำงานใหม่ของเขา...ที่ไหนได้...ภาพที่สร้างก็อย่างหนึ่งซึ่งตรงข้ามกับความฟุ่มเฟือยไร้ขีดจำกัด และไร้ยางอายของคนเป็นรมต. (ใหม่แกะกล่องแบบคุณหมอเบน)

ยังมีรมต.อีกหลายคนในรัฐบาลทรัมป์ที่เคี้ยวงบสนุกสนาน ไม่ว่าในการเดินทางด้วยเครื่องบินเหมาลำ โดยอ้างว่าบินด้วยเครื่องบินพาณิชย์ธรรมดาไม่ได้ เพราะตารางที่รมต.วางไว้มันไม่มีไฟลต์บิน!

ตอนนี้มีรักษาการรมต.กลาโหม (เป็นผู้ที่เข้ามาแทนท่านพลเอกเจมส์ แมตทิส ที่ทนทำงานกับทรัมป์ไม่ได้แล้วได้ลาออกไปเมื่อธันวาคมปีที่แล้ว) ได้ทำหนังสือขอลาออกโดยทรัมป์ทวีตว่า เขาอนุมัติให้ลาออก เพราะรักษาการรมต.กลาโหมบอกว่า เพื่อทุ่มเวลาให้กับครอบครัว

รักษาการกลาโหม (นายแพทริก แชนาแฮน) ทำหน้าที่รักษาการยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ คือ 6 เดือนเต็ม...กำลังรอการเห็นด้วย (Confirmation) จากวุฒิสภา แต่การเห็นด้วยยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะขบวนการตรวจสอบประวัติเกิดมีปัญหาคือ ทางเอฟบีไอมีหน้าที่ตรวจสอบประวัติว่า ไปทำอะไรไว้ในอดีต-เหมาะสมเป็นรมต.หรือไม่

ใช้เวลานานมากกับการตรวจสอบประวัติ เพราะน่าจะมีการโต้เถียงกับเจ้าของประวัติว่า ส่วนไหนเป็นความจริง ความเท็จอย่างไร? ซึ่งเป็นกระทรวงที่ไม่น่าว่างมาถึง 6 เดือนท่ามกลางปัญหาที่อิหร่าน, เกาหลีเหนือ, เวเนซุเอลา หรือจีน และรัสเซีย...แต่เพราะติดหล่มเรื่องการสอบประวัตินี่เอง

ในที่สุดก็มีการเปิดเผยว่า รักษาการรมต.กลาโหมผู้นี้เคยมีปัญหากับภรรยาในเรื่องที่เขาตบตีทำร้ายร่างกายภรรยา จนภรรยาฟ้องหย่า...เท่านั้นยังไม่พอ...ลูกชายของเขาได้รับการพิจารณาจากศาลให้พักอยู่กับแม่ แทนที่จะมาอยู่กับตัวเขา...และมีคดีที่ลูกชายคนนี้อารมณ์ร้อนมาก, ครั้งหนึ่งทะเลาะกับแม่ แล้วงัดเอาไม้เบสบอลออกมาตีเข้าที่ศีรษะของแม่จนกะโหลกร้าว (ไม่รู้ไปเรียนรู้ความโหดร้ายมาจากพ่อหรือเปล่า) ซึ่งทั้งการหย่าร้าง และลูกทำร้ายแม่-มีปรากฏเป็นข่าวหราในสื่อสิ่งพิมพ์เมื่อหลายปีมาแล้ว

ทางกรรมาธิการของวุฒิสภาก็ตั้งป้อมทันทีว่าประวัติของรักษาการรมต.กลาโหม ทางวุฒิสภาจะไม่สามารถให้ผ่านความเห็นชอบให้เป็นรมต.ได้ และนี่ทำให้เขาต้องตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้ที่รัฐบาลเสนอวุฒิสภาให้ขอความเห็นชอบ

นายแชนาแฮน เป็นอดีตผู้บริหารบริษัทสร้างอาวุธเจ้ายักษ์ของโลก คือ โบอิ้ง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่บริษัทอาวุธจะส่งผู้บริหารมาเป็นรมต.กลาโหม และเอื้อกันใกล้ชิดมากระหว่างกระทรวงกลาโหมกับผู้ผลิตอาวุธ

ทรัมป์ส่งทวิตเตอร์ว่า เขาจะให้คนใหม่มาทำหน้าที่รักษาการรมต.กลาโหมคือ อดีตผู้บริหารของบริษัทผลิตอาวุธใหญ่อีกเจ้าคือ Raytheon (เร-ธี-ออน) ชื่อคนใหม่นี้ ได้รับคำแนะนำมาจากรมต.ปอมเปโอ เจ้ากระทรวงต่างประเทศนั่นเอง เพราะเป็นเพื่อนที่เรียนทหารที่เวสต์พอยต์ด้วยกันกับรมต.ปอมเปโอ (ปอมเปโอเคยสอบได้ที่ 1 ของเวสต์พอยต์)

ตอนนี้ครม.ของทรัมป์มีแต่รักษาการเต็มไปหมดถึง 9 คน ที่ยังไม่สามารถผ่านการเห็นชอบจากสภา บางคนก็มีปัญหาเรื่องประวัติไม่ดี เพราะวุฒิสภาของการสอบแบบเข้มงวดมากยังกะเอากล้องไมโครสโคปมาส่องเหมือนเอกซเรย์ทีเดียว

ก็ได้แต่หวังว่า บ้านเราจะมีการตรวจสอบประวัติอย่างเข้มงวด ทั้งการทำผิดกฎหมาย/จริยธรรมในอดีต รวมทั้งเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนในกิจการของส่วนตน ที่อาจบดบังผลประโยชน์ของประเทศชาติด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น