คำถามว่าจะยื่นหรือไม่ยื่นดี เป็นคำถามที่ประธานสภาผู้แทนหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ฯพณฯ แนนซี เพโลซี ได้คิดตรึกตรองมาเป็นเวลาหลายเดือน นับเป็นการตัดสินใจที่ยากพอๆ กับเจ้าชายแฮมเลตของเชกสเปียร์ ตั้งคำถามว่า จะมีชีวิตอยู่ต่อไป (To be or not to be?) หรือจะฆ่าตัวตายเพื่อหนีปัญหาที่รุมเร้า; หรืออาจกำลังเป็นคำถามของสองพรรคขนาดกลางในไทยขณะนี้ที่จะต้องตัดสินใจว่า “จะร่วม หรือไม่ร่วม ตั้งรัฐบาลที่สืบต่ออำนาจดี?”
ส่วนความชัดยิ่งกว่าชัด ก็คือ การชี้ทางให้กับพรรคเดโมแครต โดยเฉพาะให้กับแนนซี เพโลซี โดยการจัดแถลงข่าวอย่างกะทันหันของโรเบิร์ต มุลเลอร์-อัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งจากรมต. (คนก่อน) กระทรวงยุติธรรมให้สอบสวนกรณีข้อกล่าวหาว่า รัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ในปี 2016 หรือไม่?
เป็นการจัดแถลงข่าวหลังจากเขาซุ่มสอบสวนเงียบๆ มาถึง 2 ปีเต็ม-ใช้เงินไป 40 ล้านเหรียญ โดยมีทีมอัยการระดับเซียนและเจ้าหน้าที่เอฟบีไอ เข้าสอบปากคำพยานและผู้เกี่ยวข้องถึง 500 คน-และได้เขียนคำให้การของคนเหล่านี้ในรายงาน (ลับ) หนา 448 หน้า ยื่นให้กับรมต.ยุติธรรมคนใหม่ นายวิลเลียม บาร์ เมื่อประมาณ 2 เดือนที่แล้ว
ปรากฏว่า นายวิลเลียม บาร์ ได้กักเก็บรายงานลับนี้ไว้จากสภา โดยตัวเองออกมาแถลงถึงรายงานนี้กับสาธารณะว่า อัยการพิเศษมุลเลอร์ สรุปว่า ทีมของทรัมป์ (ในช่วงหาเสียง) ไม่ได้สมคบกับหน่วยงานของรัสเซียทั้งสิ้น รวมทั้งปธน.ทรัมป์ (หลังเข้ารับตำแหน่งที่ทำเนียบขาวแล้ว) ก็ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ในขณะที่มุลเลอร์กำลังสอบเหล่าบรรดาลูกน้อง รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทั้งที่ทำเนียบขาว และผู้เกี่ยวข้องกับทรัมป์ (ช่วงหาเสียง) ทั้งหมด
สภาผู้แทนโดยกรรมาธิการยุติธรรมได้ยื่นขอดูรายงานลับของมุลเลอร์ เพราะไม่แน่ใจในคำแถลงของรมต.บาร์
รมต.บาร์ ยอมส่งรายงาน (ลับ) ทั้ง 3 ฉบับให้แก่กรรมาธิการยุติธรรมของสภาล่าง แต่ได้ใช้สิทธิในการขีดสีดำปกปิดข้อความลับในรายงานนี้ จนแทบจะอ่านจับต้นชนปลายไม่ได้ แต่มีย่อหน้าสรุปที่มุลเลอร์ได้เขียนไว้; ทีมของเขาไม่สามารถสรุปได้ว่า ปธน.ทรัมป์-ทั้งในช่วงหาเสียง และช่วงรับตำแหน่งแล้ว-“จะมีความผิดหรือไม่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เขาจะบริสุทธิ์ผุดผ่องเสียทีเดียว”
ทั้งรมต.บาร์ และปธน.ทรัมป์ ต่างพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกในที่ต่างๆ บิดเบือนคำสรุปของมุลเลอร์ว่า มุลเลอร์ไม่สามารถหาหลักฐานใดๆ เพื่อแสดงว่า ทรัมป์และทีมหาเสียงได้สมคบกับหน่วยงานรัสเซียในการแทรกแซงการเลือกตั้ง รวมทั้งมุลเลอร์สรุปว่า ทรัมป์ไม่ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม (เช่น สั่งให้ลูกน้องและคนรอบข้างของทรัมป์ไปให้การโกหกต่อกรรมาธิการสภา เป็นต้น)
รวมทั้งการทวีตของทรัมป์ก็ปรักปรำว่า อัยการพิเศษและอดีตผอ.เอฟบีไอ (เจมส์ โคมี) รวมทั้งเหล่า ส.ส./ส.ว./กรรมาธิการฝ่ายเดโมแครต เป็นพวกขี้แพ้ (เลือกตั้ง) ชวนตี พยายามล่าพ่อมดว่าทรัมป์สมคบกับรัสเซีย
มุลเลอร์จึงจัดแถลงข่าวเอง โดยก่อนหน้านั้น มุลเลอร์ได้โทรศัพท์ถึงรมต.บาร์ 2 ครั้ง เพื่อบอกว่าที่รมต.บาร์แถลงนั้น ไม่ตรงกับการสรุปรายงานของเขา และมุลเลอร์ได้เขียนบันทึกช่วยจำเป็นลายลักษณ์อักษรถึงรมต.บาร์ เพื่ออธิบายว่า รมต.บาร์สรุปไม่ตรงกับข้อสรุปของเขา
มุลเลอร์ออกมาแถลงโดยสรุปว่า มีการแทรกแซงการเลือกตั้งจากรัสเซียจริงๆ ส่วนหลักฐานว่าทีมหาเสียงทรัมป์ได้สมคบกับรัสเซียหรือไม่ เขาบอกว่าอยู่ในคำให้การทั้งหมดที่ทีมของเขาได้ทุ่มทำงาน และยังบอกด้วยว่า เขามีข้อจำกัดตามรัฐธรรมนูญที่ไม่สามารถฟ้องร้องปธน.ขณะดำรงตำแหน่ง-จึงเป็นหน้าที่ (ของสภา) ที่พึงเดินหน้าเพื่อสอบหาหลักฐานและสรุปต่อไป
มุลเลอร์ย้ำว่า เป็นหน้าที่ของปชช.อเมริกันทุกคน (รวมถึง ส.ส./ส.ว./กรรมาธิการทั้ง 2 สภาของพรรครีพับลิกัน) ที่จะเดินหน้าเพื่อตัดสินเรื่องการแทรกแซงการเลือกตั้งของรัสเซียครั้งนี้
และเขายังย้ำอีกว่า รายงานจากทีมสอบสวนของเขาไม่สามารถสรุปหรือดำเนินการต่อ ว่าทีมหาเสียงของทรัมป์รวมทั้งตัวปธน.ทรัมป์ มีความผิด (เพราะการฟ้องร้องเกิดไม่ได้ ขณะเป็นปธน.) แต่เขาก็ไม่สามารถจะสรุปเช่นกันที่ว่า ทรัมป์บริสุทธิ์ผุดผ่องปราศจากความผิดใดๆ??
เสียงของ ส.ส./ส.ว.พรรคเดโมแครตก็แตก; ก่อนการแถลงของมุลเลอร์ในวันนี้ ส.ส./ส.ว.รุ่นใหม่ๆ-เรียกร้องมาตั้งแต่รายงานถูกบิดเบือนโดยรมต.บาร์ และทรัมป์-ให้สภาล่างเริ่มขบวนการยื่นถอดถอนทรัมป์-แต่ประธานแนนซี และผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา (ชัค ชูเมอร์) บอกว่า ยังไม่สมควรยื่นถอดถอน
เหตุผลคือ ครั้งนี้ไม่เหมือนการยื่นถอดถอนนิกสัน ซึ่งตอนนั้น ทั้ง 2 สภามีเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก และมีทนายที่ปรึกษาทำเนียบขาวชื่อ นายจอห์น ดีน ที่มาให้การหมดเปลือกว่า นิกสันรู้เห็นกับการบุกเข้าทำจารกรรมในพรรคเดโมแครต โดยการถอดถอนปธน.ต้องการเสียง 2/3 ของสภา ซึ่งเดโมแครตก็สามารถโน้มน้าวจากหลักฐาน-จนทำให้ ส.ส., ส.ว.รีพับลิกันได้โอนเอียงข้ามฟากมาทางเดโมแครต-จนหากจะยื่นถอดถอน-ก็ทำให้นิกสัน ตัดสินใจลาออกก่อน
ทั้งแนนซีและชัค มองว่า ตอนนี้สภาสูงมีเสียงข้างมากเป็นรีพับลิกัน และยึดกันเหนียวแน่นมากที่อยู่ฝ่ายทรัมป์ (เพราะเศรษฐกิจยังอยู่ในอาการที่ดีมากๆ-ยังไม่ได้รับผลร้ายจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ซึ่งทรัมป์คงสามารถจัดการให้จบได้เร็ว เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้ซวนเซ) จึงไม่น่าจะได้เสียงของรีพับลิกันข้ามฟากมาอยู่กับเดโมแครต (ตอนนี้มี ส.ส.รีพับลิกันจากรัฐมิชิแกนเพียง 1 เดียวจริงๆ ที่ออกมาสนับสนุนให้เดโมแครตยื่นถอดถอนทรัมป์)
การทวีตบิดเบือนของทรัมป์บอกว่า มุลเลอร์สรุปว่า ทรัมป์บริสุทธิ์ทั้งแท่ง ได้ทำถี่มากๆ ส่งถึงฐานเสียง 45 ล้านคนของเขา รวมทั้งทีวีช่องฟ๊อกซ์ ก็ไม่เคยพูดความจริงเรื่องรายงานของมุลเลอร์ ที่สรุปว่า ทรัมป์ไม่ใช่บริสุทธิ์ผุดผ่องทีเดียว
หลังจากการแถลงวันนี้ของมุลเลอร์ อาจช่วยให้ฝ่ายนำของเดโมแครตจะประเมินอีกครั้ง ว่าตนจะยื่นถอดถอนทรัมป์หรือไม่ เพราะเหล่า ส.ส./ส.ว.เดโมแครตที่กดดันให้ยื่นถอดถอนมองว่า ถ้าไม่ยื่นก็เท่ากับละเลยการปฏิบัติหน้าที่ต่อประชาชน และการแถลงของมุลเลอร์ครั้งนี้ ก็เป็นการราดน้ำมันใส่กองไฟของฝ่ายเดโมแครต ที่ต้องการยื่นถอดถอนทรัมป์ ที่มองเห็นผลดีกับฝ่ายเดโมแครต ที่จะเดินเข้าสู่การเลือกตั้งปีหน้า-โดยทรัมป์จะต้องพะว้าพะวงกับข้อกล่าวหาต่างๆ ที่จะถูกยื่นถอดถอนในครั้งนี้