xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ตั้งรัฐบาลช้า เพราะ“แย่งชามข้าว”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ยืดเยื้ออัดอึด แม้แต่ประชาชนยังบ่นรำคาญ สำหรับความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ที่คาราคาซังมาครบ 2 เดือนเต็ม นับตั้งแต่วันเข้าคูหา 24 มีนาคม จนถึงวันนี้ ยังไม่มีบทสรุป

ปกติในอดีต แค่ปิดหีบไม่เกิน 24 ชั่วโมง พรรคอันดับ 1 จับมือพรรคร่วม ประกาศจัดตั้งรัฐบาลเสร็จไปนานแล้ว แต่นี่ยังไม่สะเด็ดน้ำอะไรเลย ทั้งที่จะเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดแรกกันอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า

โดยเฉพาะบรรดาพรรคแทงกั๊กทั้งหลาย นำโดย พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญในการชี้ขาดว่า ฝ่ายไหนจะกุมชัยเข้ามามีอำนาจรัฐ

เล่นบทยึกยักตั้งแต่ตอนปิดหีบจนถึงตอนนี้ไม่เลิกไม่รา เอาแต่ท่องคาถายึดหลักนู่น ยึดหลักนี่ แต่จริงๆเป็นแค่ไม้หลักปักขี้เลน

หลักใหญ่ที่ติดหล่มคือ ยังแบ่งผลประโยชน์กันไม่เป็นที่พึงพอใจต่างหาก อย่างพรรคภูมิใจไทยของ “เสี่ยหนู”อนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคที่ชาวบ้านชาวช่องรู้กันถ้วนทั่ว ที่ดึงเชงอยู่นี่ไม่ใช่เพราะยังไม่รู้ว่าจะเลือกข้างไหน ระหว่างขั้วเพื่อไทย หรือขั้วพลังประชารัฐ

หากแต่“ภูมิใจไทย”มันอยู่กับท็อปบูตมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่ยังไม่มีพรรคพลังประชารัฐเสียด้วยซ้ำ มีการวางเกมและทางที่จะเดินกันในสนามเลือกตั้งมานานนมว่าแต่ละคนจะเล่นบทไหน

ที่สำคัญ หากพรรคภูมิใจไทยไม่คิดจะมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐจริง เหตุใดจึงไม่ไปอยู่กับพรรคเพื่อไทย หรือไปร่วมลงสัตยาบันกับอีก 6 พรรคการเมืองตั้งแต่วันแรกๆ ทั้งที่ข้อเสนอจากฝั่งนี้มหึมา และหอมหวานกว่าเก้าอี้กระทรวงมหาดไทย หรือกระทรวงคมนาคม อย่างที่กำลังต่อรองจะเอาให้ได้

“หญิงหน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย ถึงขนาดยอมยกเก้าอี้นายกรัฐมนตรีให้กับ “เสี่ยหนู”แลกกับการจับมือจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสกัดการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

แถมยังอัดโปรโมชันพิเศษ อยากได้กระทรวงไหนให้บอก ขอแค่“เสี่ยหนู”ยอมยก ส.ส.อีก50 ชีวิต มาร่วมกันตั้งรัฐบาล แต่“ภูมิใจไทย”ก็นิ่งไม่ไป

“เสี่ยหนู”เคยประกาศว่าจะอยู่กับรัฐบาลเสียงข้างมาก วันนี้พรรคเพื่อไทยเองก็เป็นพรรคที่มีส.ส.เขตในมือเป็นอันดับ 1 แถมเมื่อร่วมกับพรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคเพื่อชาติ พรรคเศรษฐกิจใหม่ และพรรคพลังปวงชนชาวไทย ก็ถือว่า มีเสียงเป็นกอบเป็นกำ

หาก“ภูมิใจไทย”เข้าไปร่วมอีก จะกลายเป็นเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรทันที แต่ “เสี่ยหนู”ก็ยังกั๊ก ไม่ประกาศว่าจะอยู่ขั้วไหน นั่นหมายความว่า แท้จริงแล้วพรรคบุรีรัมย์ มีคำตอบในใจเป็น “พลังประชารัฐ”มาตลอด แต่วันนี้ที่เล่นตัว ไม่ใช่เพราะหลักการ

ทว่าเป็นเพราะเสียงระหว่างพรรคพลังประชารัฐ กับพรรคเพื่อไทย ก้ำกึ่งกัน ทำให้พรรคขนาดกลางอย่าง“ภูมิใจไทย”และ“ประชาธิปัตย์”กลายเป็นพรรคที่มีคุณค่า ตัดสินชะตาชีวิตได้ว่า ใครจะเป็นรัฐบาล

มันก็เลยทำให้มูลค่าของทั้งสองพรรคสูงลิ่ว ความต้องการในการแลกเปลี่ยนกับการยอมเข้าร่วมรัฐบาลก็สูงขึ้นตามไปด้วย ถามว่าถ้าวันนี้พรรคพลังประชารัฐ มีปริมาณส.ส.มากกว่านี้อีกสักหน่อย และพรรคประชาธิปัตย์ ยอมจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แต่โดยดี “ภูมิใจไทย”ต่างหากจะเป็นพรรคแรกๆที่กระโจนเข้ามา ตามสูตรการเมืองที่ว่า มาก่อน เลือกก่อน!

ดังนั้น จากที่ง่ายจึงยาก เพราะพรรคพลังประชารัฐเองก็ต้องการเก็บกระทรวงสำคัญเอาไว้ในมือ ในขณะที่ “ภูมิใจไทย”ก็ขยับข้อแลกเปลี่ยนที่สูงขึ้น ให้สมน้ำสมเนื้อกับพรรคตัวแปร ทั้งที่คนทั้งสองพรรคมีคอนเนกชันที่แน่นแฟ้นดีกว่าพรรคอื่นๆ

ไม่มีใครไม่รู้ว่า ทำไม “ภูมิใจไทย”ถึงเล่นตัวได้ลื่นไหลขนาดนี้ อย่างที่ทราบกัน ยี่ห้อ“พ่อใหญ่บุรีรัมย์”เนวิน ชิดชอบ เขี้ยวลากดินยิ่งกว่าใคร ยิ่งรู้ว่า สำคัญยิ่งต้องโกยเข้าหน้าตักให้ได้มากที่สุด เก้าอี้กระทรวงเกรด เอ หลายตัวที่ได้ในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คือเครื่องการันตีถึงจุดยืน

คล้ายกับของพรรคประชาธิปัตย์ แต่พรรคเก่าแก่ดูจะซับซ้อนกว่า เพราะมีปัญหาเรื่องความแตกแยกภายในจากสองสาย นั่นคือ สนับสนุน กับไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ฝ่ายไม่สนับสนุน นำโดย“นายหัว”ชวน หลีกภัย และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่ค่อนข้างอีโก้สูง ขณะที่ฝ่ายสนับสนุน นำโดย“ถาวร เสนเนียม”ส.ส.สงขลา ซึ่งยังหาทางลงไม่ได้ว่า สุดท้ายพรรคจะไปทิศทางไหน

แต่คนก็เชื่อว่า ถึงอย่างไรพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่ไปร่วมกับพรรคเพื่อไทยแน่นอน มันอยู่ที่ว่าจะร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ หรือจะไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ เพราะหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเท่านั้น

ซึ่งโอกาสจะร่วมลงเรือแป๊ะ แตะมือกับพรรคพลังประชารัฐ มีสูงกว่า วันนี้ถ้าไม่ติดบารมี “นายหัวชวน”หลายคนคงเห็นด้วยกับส.ส.สายนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เรื่องก็จะไม่ยากเท่านี้

นอกจากนี้ ถ้ามายังมีเรื่องของโควตารัฐมนตรีเข้ามาผสมอีกปัญหาหนึ่ง เพราะการที่ยอมกลืนเลือดมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ต้องคุ้มค่ากับการนำทรัพยากรไปกอบกู้ชื่อเสียง และเกียรติยศของพรรคคืนมาเหมือนในอดีต

การจับมือร่วมรัฐบาลมันเลยอืดเป็นเรือเกลือ

ชาวบ้านชาวช่อง กองเชียร์ ไม่แฮปปี้ กับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะสุดท้ายแล้วต่างก็มองผลประโยชน์ของพรรคตัวเองเป็นตัวตั้งมากกว่าเสียงประชาชน

จะเอากระทรวงนั้นกระทรวงนี้ ไม่ได้อยู่ที่ตรงตามนโยบายของพรรคหรือความสามารถที่ตัวเองถนัดหรือไม่ แต่ใช้ตรรกะเรื่องความใหญ่ และงบประมาณของกระทรวงนั้นๆ เป็นตัวตัดสิน

ประเทศไปไม่ได้ เพราะนักการเมืองแบ่งเค้กไม่ลง จ้องเอาแต่ได้กันอย่างเดียว

สะท้อนภาพว่า ต้องการเข้าไปกอบโกย หาผลประโยชน์ ถอนทุนที่ลงทุนลงแรงไปหลายในช่วงเลือกตั้ง ไม่ได้หวังจะแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนจริงๆ

อ้างว่า จะเอากระทรวงเกรดเอ มาสานต่อนโยบายของพรรค แต่ไม่ยอมตอบรับร่วมรัฐบาล เพราะกระทรวงที่ได้ไม่ถูกใจ

ประกาศข่มขู่ว่า จะไปจัดตั้งขั้วที่ 3 แต่ความจริงเป็นสงครามจิตวิทยา ปล่อยข่าวหวังกดดันให้พรรคแกนนำ ยอมคายเก้าอี้มาให้ ทั้งที่ความเป็นจริง “ขั้วที่ 3”ที่ว่าเกิดขึ้นยากมากทางการเมือง

หากไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ “ภูมิใจไทย”และ “ประชาธิปัตย์”กล้าไปจับมือกับพรรคเพื่อไทย และพรรคอนาคตใหม่ หรือไม่ คำตอบคือ ก็ “ไม่กล้า”อยู่ดี

ฉากพ่อแง่แม่งอน โดนคนนินทาหมาดูถูกกันทั่วคุ้งทั่วแควหมดแล้วว่า แค่ “ปั่นค่าตัว”เรียกราคา

ไม่มีใครเชื่อแล้วว่า ประชาชนมาก่อนอย่างที่หาเสียง!




กำลังโหลดความคิดเห็น