ปรากฏการณ์ 2 อย่างทำให้โลกสั่นสะเทือนจากการดิ้นพราดๆ ของชายยผมสีฟักทองแห่งทำเนียบขาว
อันแรกคือ การส่งเรือรบบรรทุกเครื่องบินบึ่งด่วนไปอยู่น่านน้ำใกล้อิหร่าน เพื่อข่มขู่ด้านการทหารว่าสหรัฐฯ มีสมรรถนะพร้อมจะจัดการกับอิหร่านกรณีที่อิหร่านตอบโต้อย่างตาต่อตา-ฟันต่อฟัน โดยประกาศเมื่อครบรอบ 1 ปีที่ทรัมป์ฉีกสัญญาข้อตกลงเลิกคว่ำบาตรอิหร่านแลกกับให้อิหร่านหยุดพัฒนานิวเคลียร์ (10 ปี)-ปธน.โรฮานี (สายพิราบ) ประกาศถอนข้อผูกพันบางส่วนในสัญญานั้น ซึ่งไม่เพียงอิหร่านจะเดินหน้าพัฒนานิวเคลียร์ต่อไป แต่ยังจะทดลองขีปนาวุธพิสัยใกล้ด้วย นี่ยังไม่นับที่ผู้นำอิหร่านได้ออกมาคำรามว่า อาจปิดช่องแคบฮอร์มุซ (ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงน้ำมันดิบของโลก จากอ่าวเปอร์เซีย-ออกสู่ตลาดโลก) ซึ่งจะทำให้น้ำมันพุ่งกระฉูด และกระทบแน่ๆ ต่อฐานเสียงของทรัมป์ที่อเมริกา เพราะสินค้าทุกอย่างจะปรับราคาขึ้นตามต้นทุนที่ทะยานตามต้นทุนน้ำมัน และทรัมป์หวั่นมากๆ ถึงราคาน้ำมันที่จะกระทบเศรษฐกิจสหรัฐฯ
อันที่สองคือ การทวีตประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าจากจีนมูลค่า 2 แสนล้านเหรียญ โดยอ้างว่า การเจรจากับจีนถึงทางตัน--สหรัฐฯ ไม่พอใจที่จีนกลับไปกลับมา--เพราะการเจรจาที่ดำเนินมาตั้งแต่ต้นพฤศจิกายนถึง 6 เดือนเต็ม และทรัมป์ยอมผ่อนปรนไม่ตั้งกำแพงภาษีของสินค้า 2 แสนล้านเหรียญ (เมื่อ 1 มกราคมที่ผ่านไป)...และเมื่อ 1 มีนาคมที่เป็นเส้นตายที่เพิ่งผ่านข้ามมาก็เช่นเดียวกัน ถึงกับยกเลิกแผนขึ้นภาษีนี้ไปอย่างไม่มีกำหนด!
เป็นการจู่โจมแบบไม่คาดคิด ที่ประกาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 5 พฤษภานี้...ว่า...จะขึ้นภาษีจาก 10% เป็น 25% ในวันศุกร์ที่ 10 พฤษภานี้ และทางจีนก็มีปฏิกิริยาทันที...แต่เริ่มแรก, รองนายกฯ จีนบอกว่า ระวังการเดินทางไปดี.ซี.เพื่อเจรจาต่อไป (ซึ่งก่อนหน้านั้นการประกาศของทรัมป์เพียงไม่กี่วัน-ทั้งทีมเจรจาของทรัมป์และ Larry Kudlow- ที่ปรึกษาเศรษฐกิจของทำเนียบขาวออกมาส่งสัญญาณว่า การเจรจาสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ใกล้ยุติเต็มที น่าจะมีข่าวดีภายในปลายพฤษภานี้แหละ)
แต่ในที่สุด รองนายกฯ จีนก็ออกมาแถลงว่า จะยังเดินทางมาเจรจาที่ดี.ซี. จะถึงดี.ซี.วันพฤหัสฯ ที่ 9 พฤษภานี้ ก่อนหน้ากำหนดเส้นตายของทรัมป์เพียง 1 วัน!
ทั้งสองปรากฏการณ์นี้ของทรัมป์ ถ้าดูในข่าวที่เขาแสดงออกเพื่อเอาใจฐานเสียงที่หัวปักหัวปำกับเขา ที่ทรัมป์จะต้องส่งสัญญาว่า สัญญา 5+1 ที่ให้อิหร่านหยุดพัฒนานิวเคลียร์นั้น
เป็นสัญญาที่ใช้ไม่ได้-สหรัฐฯ เสียเปรียบหรือถูกหลอก เป็นสัญญาที่โอบามาไปทำมา (ทั้งๆ ที่เป็นผลงานชิ้นโบแดงของโอบามา) ซึ่งทรัมป์ยังเสนอว่า No Deal is Better Than a Bad Deal-และทรัมป์ก็จับมือกับอิสราเอล พยายามปรักปรำว่า อิหร่านไม่ซื่อสัตย์ต่อข้อตกลงห้ามพัฒนานิวเคลียร์ และที่ปรึกษาความมั่นคง จอห์น โบลตัน (สายเหยี่ยว) ก็เดินหน้ากับหลักการที่จะโค่นล้มฝ่ายบริหารของอิหร่านทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะด้วยทำให้เศรษฐกิจอิหร่านพังครืนเมื่อกลับมาขายน้ำมันไม่ได้อีกครั้ง หรือด้วยการส่งกำลังไปหนุนประชาชนอิหร่านให้ลุกฮือขึ้นมาโค่นระบอบปฏิวัติอิสลามทีเดียว!
เรื่องจู่โจมขึ้นภาษีกับจีนในวันศุกร์นี้ ก็เพื่อเอาใจฐานเสียงที่ทรัมป์ยกความผิดต่างๆ ที่ทำให้คนอเมริกัน (ผิวขาว) ที่เคยเป็นฝ่ายเดโมแครตตกงาน เพราะถูกจีนปล้นตำแหน่งงานไป โดยเขาจะต้องพิชิตการขาดดุลการค้ามโหฬารกับจีน (ถึง 3 แสน 3 หมื่นล้านเหรียญในปีที่แล้ว-ที่ทรัมป์ย้ำว่า อดีตปธน.ของสหรัฐฯ คนแล้วคนเล่า-ทำไมไม่จัดการให้เด็ดขาด-ปล่อยให้ขาดดุลเพิ่มมากถึงขนาดนี้) ให้จงได้ ทั้งๆ ที่เขาก็รู้อยู่เต็มอกว่า ที่ขาดดุลมหาศาลนี้ ก็เพราะบริษัทอเมริกันนั่นแหละที่ไปลงทุนผลิตสินค้าในจีน (ราคาถูกกว่าผลิตที่สหรัฐฯ) แล้วส่งสินค้ามาขายในสหรัฐฯ
ทรัมป์ต้องทำขึงขังและจู่โจมแบบตั้งตัวไม่ติด เพื่อเร่งให้จีนต้องยอมให้แก่เขาให้มากที่สุด- ซึ่งจีนก็ได้พยายามมาตลอด เช่น 3-4 เดือนที่ผ่านมา ได้ออกกฎหมายเพื่อยืดหยุ่นผ่อนคลายเรื่อง Transfer of Technology และการตกลงจะซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น เป็นต้น
มีข้อสังเกตว่า ทั้งสองปรากฏการณ์เกิดขึ้นขณะที่ NYT เผยข้อมูลการเสียภาษีของทรัมป์ช่วง 1985-1994 เป็นระยะ 9 ปีที่ทรัมป์ทำธุรกิจขาดทุนมหาศาลถึง 1,100 กว่าล้านเหรียญ เพราะเขาขยายจากกิจการอสังหาริมทรัพย์ไปสู่ธุรกิจกาสิโน
เป็นการขยายเกินตัว และขาดทุนย่อยยับ เมื่อขาดทุนก็ต้องเข้าขบวนการพิทักษ์ทรัพย์ (ม.11) และไม่ต้องจ่ายภาษีถึง 9 ปีเต็ม!
เป็นข้อมูลที่ชัดเจนมากแสดงให้เห็นถึงการเป็นนักธุรกิจที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง ไม่ใช่อย่างที่เขาคุยโวว่า เขาเป็นสุดยอดนักธุรกิจอย่างภาพที่เขาสร้างขึ้นผ่านรายการ Reality Show ที่เขาเป็นผู้ตัดสินจะจ้างหรือไล่ออกผู้เข้าแข่งขันทางธุรกิจ
ยังไม่นับรายละเอียดแหล่งของเงินกู้ที่มาจากธนาคารต่างประเทศ (ดอยซ์แบงก์ของเยอรมนี-ซึ่งอาจผ่านการฟอกเงินที่ต้นทางของเงินมาจาก Oligarchs ชาวรัสเซียรอบๆ ตัวปูติน)
ข้อมูลรายงานการเสียภาษี ซึ่งทรัมป์หวงนักหวงหนาไม่ยอมเปิดเผยต่างกับอดีตผู้สมัครปธน.ทุกๆ คนที่ยินดีเปิดให้สาธารณชนได้ดู ตั้งแต่ 1970’s คือ 50 ปีที่ผ่านมา
เรื่องการสอบสวนกรณีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง ปธน.ปี 2016 ก็กำลังงวดเข้ามา-กับรายงานการสอบของอัยการพิเศษมุลเลอร์ ที่แม้ไม่ได้ฟันธงลงไปว่า มีการสมคบระหว่างทีมผู้สมัคร (ปธน.) ทรัมป์ขณะนั้น กับฝ่ายรัสเซียหรือไม่ แต่มีคำให้การต่างๆ ทั้งจากลูกชายและลูกเขยทรัมป์ (และคณะทีมหาเสียงของทรัมป์อีกหลายคน) ที่หมิ่นเหม่อยู่ในข่ายว่าได้ร่วมมือกับฝ่ายรัสเซีย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุลเลอร์ตั้งข้อสังเกตว่า เขาจะไม่สรุปฟันธงลงไปว่า ทรัมป์ได้ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม (เพราะทรัมป์สั่งให้ทีมของเขาโกหกกับสาธารณชนและกับกรรมาธิการสอบสวนของสภา) แต่มุลเลอร์บอกว่า ไม่ได้แสดงว่าทรัมป์บริสุทธิ์ผุดผ่องทีเดียว!
ล่าสุดมีเหล่าอดีตรมต.ยุติธรรม, อัยการแห่งสหพันธรัฐ และอัยการในกระทรวงยุติธรรมจำนวนกว่า 650 คน ลงนามเขียนจดหมายเปิดผนึก โดยลงความเห็นว่า จากรายงานการสอบของมุลเลอร์ น่าจะอยู่ในข่ายความผิดของทรัมป์ในการขัดขวางกระบวนการยุติธรรมต่อการสอบเรื่องรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง
และคณะกรรมาธิการยุติธรรมของสภาล่าง-เดินหน้าดำเนินคดีต่อรมต.ยุติธรรมนาย BAR ที่ปกปิดข้อมูลรายงานของมุลเลอร์ โดยขีดฆ่าสีดำทับรายละเอียดมากมายของข้อมูล และไม่ยอมส่งรายงานเต็มฉบับ (ที่ไม่ขีดฆ่า) ให้สภา, เพื่อเป็นการปกป้องปธน.ทรัมป์
และกรรมาธิการงบประมาณสภาล่างก็ทำหนังสือขอข้อมูลการเสียภาษีของทรัมป์ย้อนหลังไป ซึ่งทรัมป์ให้รมต.คลังออกมาขวาง-ให้สภาไปฟ้องศาลเพื่อขอข้อมูล
นี่อาจเป็นคำตอบว่า ทำไมทรัมป์จึงจู่โจมทั้งเรื่องส่งเรือรบไปอิหร่าน และจะขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนแบบทันด่วนในวันศุกร์นี้ ก็เพื่อเบนประเด็นที่ตัวเองกำลังดิ้นกับข้อกล่าวหาที่ฉกาจฉกรรจ์ทั้ง 2 เรื่องตามประสาของจอมบิดเบือนอันดับหนึ่ง (Spin Doctor) อย่างที่เขากระทำมาตลอด 2 ปีครึ่งที่ผ่านมา