xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“รัฐบาลแห่งชาติ”สูตรมโน ติด“ทักษิณ”ไม่มีวันเป็นจริง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เป็นของคู่กัน ทุกครั้งที่จ่อจะเกิดสงครามการเมืองระหว่างสองขั้ว สำหรับ “สูตรรัฐบาลแห่งชาติ”ก็จะมีการพูดถึง เพื่อหวังเป็นน้ำดับความขัดแย้ง

แต่จนรอดจนรอด มันก็เป็นแค่อุดมคติ ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริงในทางปฏิบัติ เพราะความขัดแย้งในประเทศเดินมาไกลกว่า จะจูบปากเพื่อส่วนรวม

นักการเมืองสามารถพูดคุยกันได้ก็จริง แต่เรื่องจะร่วมงานกันมันอีกเรื่อง พิสูจน์มาแล้วสมัย พญาชาละวัน “เสธ.หนั่น”พล.ต.สนั่น ขจรประศาสตร์ ขาใหญ่การเมืองยังมีชีวิตอยู่ เคยชูโปรเจกต์รัฐบาลปรองดอง แต่ล้มตั้งแต่เริ่มทำ

การเมืองสองฝั่งไม่มีใครยอมใคร สารพัดเงื่อนไขถูกโยนขึ้น กลายเป็นว่า เละตุ้มเป๊ะกว่าตอนทำ “บิ๊กบัง”พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหารเข้าใจดี เพราะอุตส่าห์ไปเป็นหนังหน้าไฟ สุดท้ายโดนถอนหงอกลูบคมเสียไม่เหลือร่องรอยประธาน คมช. ในวันวาน

กระทั่งเงียบหาย เรื่องปรองดองเพื่อชาติผ่าทางตันเป็นแค่นามธรรม แต่ไม่มีวันเกิดขึ้นจริง เงื่อนไขใหญ่ๆ วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า อยู่ที่“คนแดนไกล” ทักษิณ ชินวัตร

พรรคเพื่อไทยยังไม่พ้นเงาอดีตนายกรัฐมนตรี ดีกรีคดีเป็นหางว่าว การจะเข้ามาร่วมตั้งรัฐบาลแห่งชาติ มันจะติดหล่มอยู่ตรงนี้

การเมืองอีกขั้วไม่มีวันยอม เพราะโจทย์ใหญ่คือไม่ต้องการให้ “ทักษิณ”กลับประเทศ หรือมีอำนาจใดๆ ในทางลับหรือเปิดเผย ขณะที่พรรคเพื่อไทย ต่อให้ประกาศว่า ไม่มีใครบงการ แต่อมโบสถ์มา 7 วัดก็ไม่มีเชื่อน้ำคำ

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า ทุกวันนี้พรรคเพื่อไทยต่อสู้เพื่ออะไร นอกจากมีอำนาจ ก็คือหาหนทางกลับแผ่นดินแม่แบบเท่ๆ ให้“นายใหญ่”ซึ่งเงื่อนไขนี้ ไม่มีทางยินยอมพร้อมใจยอมรับกันได้จากอีกฝั่ง

อย่าว่า แต่พรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่มีวันเผาผี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ลงทุนลงแรงถอนรากถอนโคนมา 5 ปี และหาทางอยู่ต่ออีก 4 ปี ก็ไม่ยอมเสียของแน่

แน่นอนหน้าที่คสช.หลักๆ คือ อยู่ในรักษาความสงบในช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่อีกเป้าหมายหนึ่งคือ การลบชื่อ “ทักษิณ”และแผงอำนาจฝั่งนี้ให้หมดสิ้น หลังฝังรากลึกมาเป็นสิบปี

การกำจัดทักษิณ มาถึงยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาถึง เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ และ พานทองแท้ ชินวัตร ที่ส่อแววจะจบแบบเดียวกัน มันเห็นได้ชัดว่า ต้องการล้างบางแบบถาวร ไม่ให้คงอยู่ในทางการเมือง ดังนั้น คงไม่ยอมให้กลับมามีอำนาจต่อรองอีกหน

โปรเจกต์รัฐบาลแห่งชาติ จึงไม่มีทางเกิด ความคิด คสช. เห็นได้ชัดตั้งแต่การออกแบบรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้เจอทางตัน ให้สามารถหยิบจับนายกฯคนนอกได้ แก้เดดล็อกในอดีต ไม่ต้องมาเสนอนายกฯ มาตรา 7 กันอีก

ทางของ คสช.มีทางเดียวตั้งแต่ต้นคือ ล็อกชื่อนายกรัฐมนตรีเอาไว้ให้ชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา”เพื่อมาทำภารกิจตัวเองให้เสร็จสิ้น ซึ่งหนึ่งในภารกิจนั้นคือ ล้างระบอบทักษิณให้หมด สูตรรัฐบาลแห่งชาติ จึงไม่ต่างอะไรกับการตั้งต้นใหม่

รัฐบาลแห่งชาติอาจฟังดูดี แต่ไม่มีอยู่จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานการณ์การเมืองวันนี้ ไม่ต้องพูดถึงพรรคเพื่อไทย แต่เอาตัวใหญ่อย่าง“ทักษิณ” ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะต้องมาต่อรองอะไรแล้ว

สัญญาณมันเห็นกันจะๆ มาตลอดตั้งแต่ก่อนวันเลือกตั้ง จนหลังเลือกตั้ง แสดงให้เห็นแล้วว่า สำหรับคนนี้ๆ ไม่มีประตูเปิดให้อีก

ขณะที่เรื่องรัฐบาลปริ่มน้ำ แม้เบื้องหน้าอาจดูยาก เพราะคะแนนสูสีทั้งสองฝ่าย จนน่ากังวลว่าจะเกิดเดดล็อก แต่ก็เป็นที่รู้กันว่า ในทางปฏิบัตินั้น มันไม่ยากสำหรับฝ่ายถืออำนาจปัจจุบันที่จะจัดตั้งรัฐบาล

พรรคเพื่อไทยเองก็เริ่มรับรู้ว่า สู้ไม่ได้ หลัง กกต.เปิดสูตรคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อมา โอกาสในการตั้งรัฐบาลริบหรี่ ขณะที่ฝ่ายตรงข้ามมีทุกอย่างทั้งอำนาจ กฎหมาย กองทัพ และทุนทรัพย์ ถ้าจะเอาให้กันแบบเสร็จเด็ดขาด 300 เสียง ยังหาได้ด้วยซ้ำ ถ้าจะเล่นกันแรง

พรรคเพื่อไทยไม่ใช่ฝ่ายรุก หากแต่สถานะตอนนี้คือ ฝ่ายรับ แค่ลุ้นและภาวนาให้ความป๊อปปูล่าของพรรคอนาคตใหม่ ปลุกกระแสให้สถานการณ์การเมืองมันร้อนฉ่า แล้วพาไปสู่จุดที่สุ่มเสี่ยงเผชิญหน้า นอกนั้นทำอะไรแทบไม่ได้เลย

แต่จะให้จุดติด ก็ยาก เพราะแม้คนจะเข้าไปให้กำลังใจห้อมล้อม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ ปิยะบุตร แสงกนกกุล ผู้บริหารพรรคอนาคตใหม่มากแค่ไหน แต่ ถ้าให้ปลุกม็อบออกมากลางถนน มันยากที่จะไปถึงจุดนั้นได้เหมือนในอดีต

อารมณ์คนในประเทศมันจะอินกับการเมืองมากเป็นพิเศษในช่วงหลังเลือกตั้ง แต่ถ้าต้องแลกกับการให้มีม็อบกลางถนน ทุกคนยังขยาดกับสภาวะติดหล่ม วงจรเดิมๆ เป็นสิบปี

แค่แสดงออกพอหอมปากหอมคอ อุณหภูมิไม่ร้อนถึงขนาดต้องขนคนมากลางกรุง อีกปัจจัยสำคัญคือ ช่วงนี้เป็นช่วงงานมหามงคลของประเทศ เป็นช่วงที่คนไทยอิ่มเอม มีความสุข ใครเอาทุกข์มาให้ถือว่าไม่เหมาะสม การปลุกม็อบจึงตัดทิ้งไปได้เลย ที่แยกเขี้ยวใส่กันเป็นธรรมดาของมนุษย์

  ยิ่งเศรษฐกิจพังขนาดนี้ มีม็อบขึ้นมา น่าจะข้าวยากหมากแพงกันไปใหญ่ ได้ไม่คุ้มเสีย จุดนี้ประชาชนก็ชั่งใจเองได้ ว่าคุ้ม หรือไม่คุ้ม

ขณะเดียวกัน รัฐบาลแห่งชาติ มันเป็นความอยากของคนที่ไม่มีอำนาจต่อรอง เพื่อให้ตัวเองกลับมามีอำนาจ ก็ตามคิวที่คนชงข้อเสนอนามว่า เทพไท เสนพงศ์ ว่าที่ส.ส.ประชาธิปัตย์ พรรคครึ่งร้อย สายตรงอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคสีฟ้า

ประชาธิปัตย์ อาจสำคัญมากต่อการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็ไม่ใช่ว่าอยากเรียกร้องอะไรก็ได้ ในเมื่อวันนี้คนในพรรคยังแตกเป็นสองฝ่าย ระหว่างฝ่ายที่ไม่เอากับฝ่ายที่เอา“บิ๊กตู่”

หนำซ้ำ ฝ่ายที่เอา“บิ๊กตู่”ในพรรคตอนนี้ดูจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ สุดท้ายในการโหวตเลือกนายกฯ ถ้าต้องแตกหัก ยกกันไปคนละทาง คนที่พังคือ พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผมเอง

แต่หากได้ยกพรรค มันก็จะทำให้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคพลังประชารัฐ มีเสถียรภาพมากขึ้น หากแต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่คุ้นชินกับสภาวะการเป็นผู้ตาม มันยังมีความอีโก้ในตัวเองสูงลิ่ว

ครั้นจะมาโดยง่ายดาย ก็ติดกับดักอุดมการณ์ที่มัดพรรคเอาไว้ไม่ให้ไปไหน มันเลยต้องหาทางออกด้วยการเสนอชื่อ “นายกฯคนกลาง”เพื่อหาข้ออ้างให้ตัวเองในการที่จะเข้าร่วม

อย่างน้อยไม่ต้องเดินตาม“บิ๊กตู่”แล้วยังรักษาสถานะพรรคตัวเองให้มีน้ำหนักในทางการเมือง แม้จะเป็นแค่พรรคอันดับ 4

วันนี้ประชาธิปัตย์หาทางออกไม่ได้ เพราะติดกับดักตัวเอง เลยต้องโยนหินรัฐบาลแห่งชาติออกมา




กำลังโหลดความคิดเห็น