ขณะที่กำลังส่งต้นฉบับนี้ เกิดเหตุการณ์ตกใจสุดขีดของชาวฝรั่งเศสที่ของรักของหวงของเขาอายุพันปีที่เป็นทั้งรากเหง้า, ทั้งประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่ฝังอยู่ใน DNA ของชาวฝรั่งเศส กำลังถูกไฟเผาไหม้ตลอดคืนวันที่ 15 เมษายน นั่นคือมหาวิหาร Notre Dame (อ่านว่า น็อทร์ ดาม แบบฝรั่งเศส; หรือถ้าอ่านแบบอังกฤษคือ นอเทรอดาม ชื่อแปลว่า “คุณผู้หญิงของเรา” หรือ “คุณแม่ของเรา” หรือ “แม่พระของเรา”)
ความเก่าแก่ของโบสถ์ยักษ์ที่ประชาชนฝรั่งเศสสมัยกลางได้ทุ่มเทด้วยความรัก และความศรัทธาทางศาสนาใช้เวลาสร้างถึง 150 ปีจึงเสร็จสมบูรณ์ คือสร้างแบบวิจิตรจริงๆ (ทั้งไม้โอ๊คที่จัดสร้างอย่างหนาแน่นขนาดเป็นเสมือนป่าบนโครงสร้างใต้หลังคาโบสถ์ รวมทั้งกระจกสีแบบโบราณที่วิจิตรงดงาม และออร์แกนเก่าหลายร้อยปีที่ได้รับการบูรณะและยังส่งเสียงกังวานกระหึ่มในพิธีทางศาสนาที่ยังจัดอยู่ทุกๆ อาทิตย์;ในช่วงนี้เป็นช่วงพิธีศักดิ์สิทธิ์ในการถูกตรึงกางเขนของพระเยซูเจ้า และการฟื้นกลับขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์) และได้เคียงคู่กับประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศสถอยหลังไปถึง 850 ปี (เก่ากว่าสมัยสุโขทัย ซึ่งนาทีนี้สุโขทัยของเราไม่หลงเหลือโบสถ์วิหารที่ยังสืบทอดทำพิธีให้แก่ประชาชน คงเหลือแต่พระพุทธรูปสมัยสุโขทัยที่ชาวบ้าน และชาววังได้ทุ่มเทด้วยความรัก และศรัทธาในพุทธศาสนาได้จัดสร้างขึ้น)
โบสถ์ Notre Dame หรือมหาวิหารคู่บ้านคู่เมืองของฝรั่งเศสเป็นพันปีนี้ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองปารีสด้วย โดยชาวปารีเซียนจะสูดหายใจเข้าออกทุกวันก็จะมีชีวิตที่คุ้นเคยกับโบสถ์เก่าแก่สวยงามแห่งนี้ ไม่ใช่อยู่ไกลแบบสุโขทัยและกรุงเทพฯ ซึ่งเราต้องเดินทางไปหลายร้อยกิโลเมตรจากกรุงเทพฯ จึงจะได้พบกับโบราณสถาน โบราณวัตถุของทั้งที่สุโขทัยและอยุธยา ซึ่งเป็นราชธานีเดิมของเรา แต่ Notre Dame อยู่ในชีวิตประจำวันของชาวปารีสตลอดพันปีที่ผ่านมา
เป็นโบราณสถานที่ผ่านร้อนผ่านหนาว และทนทานอย่างน่าประหลาดที่แคล้วคลาดจากปฏิวัติ (เลือด) ฝรั่งเศสปี 1789, สงครามล้างโลกถึง 2 ครั้ง คือ สงครามโลกครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 โดยเฉพาะรอดพ้นจากการทำลายล้างของฝ่ายนาซีมาได้อย่างมหัศจรรย์
เมื่อครั้นนักบุญฌาน ดาร์ก หรือ Joan of Arc ได้รับประกาศให้เป็นนักบุญ ก็เกิดขึ้นที่โบสถ์แห่งนี้ โดยเธอเป็นคาทอลิกที่เคร่งศรัทธาต่อพระเจ้า และถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด; ถูกล่าจนถูกจุดไฟเผา แต่เธอก็ยืนยันในความยิ่งใหญ่ของพระเป็นเจ้า แม้ตัวเธอจะถูกบังคับให้ละทิ้งพระเจ้า และต่อมาเธอได้รับการสถาปนาจากวาติกันให้เป็นนักบุญ ก็ที่โบสถ์แห่งนี้เมื่อพันปีมาแล้ว
นโปเลียน โบนาปาร์ต ก็ทำพิธีบรมราชาภิเษกเป็นจักรพรรดิ...ก็ที่โบสถ์แห่งนี้ โดยสมเด็จพระสันตะปาปาขณะนั้นได้เสด็จมาทำพิธีทางศาสนาให้ และทรงมอบมงกุฎจากพระหัตถ์ของพระสันตะปาปาเข้าสู่พระหัตถ์ของนโปเลียน โดยนโปเลียนได้รับมงกุฎมาแล้ว ได้นำขึ้นสวมบนศีรษะของตนด้วยมือของตนเอง เสด็จเสวยราชสมบัติเป็นพระจักรพรรดิ...ก็ที่โบสถ์ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้
โบสถ์หรือมหาวิหารแห่งนี้ ได้ประกอบพิธีทางศาสนาทั้งการรับศีลแก่สมาชิกพระราชวงศ์ที่เพิ่งมีประสูติกาล, พิธีราชาภิเษกสมรส หรือพิธีศาสนาต่อพระบรมศพของอดีตกษัตริย์ และพระราชวงศ์ฝรั่งเศสอีกหลายชั่วอายุคน และรวมทั้งพิธีรับศีลต่างๆ ของประชาชน ตลอดจนพิธีสวดเช่น Easter หรือคริสต์มาสทุกๆ ปีไม่เคยหยุด
ปีนี้กำลังอยู่ในช่วงสำคัญคือ อาทิตย์ศักดิ์สิทธิ์ในการรำลึกถึงการถูกตรึงกางเขนของพระเยซู และการฟื้นของพระองค์เพื่อเสด็จกลับสู่สวรรค์ ซึ่งคล้องจองกับฤดูใบไม้ผลิเสมอ คือ เป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ (ที่พระเยซูฟื้นขึ้นมา) ของเหล่ามวลมนุษย์ ซึ่งจะต้องเคารพและปฏิบัติตามคำสั่งสอนทางศาสนาที่ให้มนุษย์รักใคร่สามัคคีกันอยู่ในศีลในธรรม (บัญญัติ 10 ประการในศาสนาคริสต์) ไม่เบียดเบียนฆ่าแกงหรือเกลียดชังกัน รู้จักเสียสละดังเช่นที่พระเยซูได้เสด็จมาไถ่บาปมนุษย์เมื่อ 2 พันกว่าปีมานี้
Notre Dame ผ่านการบูรณะทั้งเล็กทั้งใหญ่บ้างมาตลอด และขณะนี้ก็กำลังอยู่ในช่วงของการบูรณะใหญ่ (ทำให้ได้มีการลำเลียงภาพเขียนหาค่ามิได้ออกไปแล้วบางส่วน) ที่ได้งบทั้งจาก UNESCO (ในฐานะได้รับประกาศเป็นมรดกโลก...แบบสุโขทัยหรืออยุธยาของเรา) และทั้งจากรัฐบาลฝรั่งเศส และภาคเอกชน ห้างร้าน รวมทั้งจากประชาชนได้ลงขันกัน
เมื่อไฟเริ่มลุกลาม มีพยานหลายคนเห็นว่า เกิดจากบริเวณหลังคาโบสถ์ที่ต่อเชื่อมกับส่วนที่เป็นทาวเวอร์ ไม่ใช่ไหม้มาจากพื้นล่าง!!
ปธน.มาครง หยุดกิจกรรมทุกอย่าง และรีบเดินทางจากทำเนียบที่พักไปยังโบสถ์ Notre Dame ทันที และตลอดคืนมีชาวปารีสจำนวนมากได้รีบเดินทางไปร้องเพลงสวดมนต์สรรเสริญพระแม่มารีย์ เพื่อขอให้ช่วย (คือแม่พระของเรา หรือ Our Lady ตามชื่อของโบสถ์แห่งนี้) เพื่อช่วยให้การทำงานอย่างขมีขมันของเหล่าวีรบุรุษนักดับเพลิงได้ช่วยดับไฟไม่ให้ต้องสูญเสียโบสถ์ศักดิ์สิทธิ์รากแก้วแห่งวัฒนธรรมไปทั้งหมด เขาสวดมนต์เป็นบทสวดร้องเพลงทำให้คลายความตกใจและเสียใจอย่างที่สุดที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่
ปธน.มาครง กล่าวด้วยใบหน้าเคร่งเครียด และน่าจะกลั้นน้ำตาและเสียงสะอื้นเอาไว้ พูดอย่างหนักแน่นว่า “เราจะร่วมกันสร้าง Notre Dame ให้ฟื้นกลับขึ้นมาใหม่! และเริ่มจากวันพรุ่งนี้ จะเปิดรับเงินบริจาคระดมทุนเพื่อเริ่มการฟื้นฟูทันที”
โบสถ์นี้ต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลกปีละไม่ต่ำกว่า 13 ล้านคน เพื่อมาดูรากของวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่สำคัญถ้าจำไม่ผิด ตอนทูตโกษา (เหล็ก), โกษา (ปาน) ไปเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ ก็น่าจะได้ไปเยี่ยมชมโบสถ์แห่งนี้ด้วย
รัฐบาลออกมาแถลงว่า ไม่มีหลักฐานว่าเป็นอาชญากรรม แต่น่าจะเกิดจากความบกพร่องของการ Renovation (ซ่อมแซมบูรณะใหญ่) ซึ่งแน่นอนมีการประกันภัยเอาไว้; น่าจะได้เงินคืนจากส่วนนี้
แต่น่าจะติดตามต่อไปว่า การสืบสวนถึงสาเหตุไฟไหม้ใหญ่จนโบสถ์แทบไม่เหลืออะไรมาก (เห็นว่า ประตูหน้าที่มีกระจกสีสวยงาม รวมทั้งมงกุฎหนามของพระเยซูยังรักษาเอาไว้ได้ คือ เสียหายไปถึง 2/3 ของอาคารหลัก) จะเกิดจากการกระทำของผู้ประสงค์ร้ายหรือไม่ เพราะต้นไฟทำไมไปเกิดบริเวณด้านบนของโบสถ์ ไม่ใช่จากพื้นล่าง...ยิ่งขณะนี้การใช้ Drone กระทำการต่างๆ ทั้งมิดีมิร้ายก็อาจเกิดขึ้นได้ ถ้าจะทำให้เกิดไฟไหม้
รวมทั้งการแตกพ่ายทัพ (ทางกายภาพ) ของ Caliphate หรือรัฐของกาลิบที่ซีเรียอย่างสิ้นเชิง แต่ความคิด, อุดมการณ์ และศรัทธาของเหล่า ISIS ยังดำรงอยู่อย่างไม่สามารถทำลายได้ อาจกำลังเดินหน้าทำลาย Far Enemies คือเหล่าประเทศตะวันตก ในวันสำคัญๆ ทางศาสนาคริสต์ก็เป็นไปได้เช่นกัน
แต่คำแถลงแรกของฝ่ายทางการฝรั่งเศส น่าจะทำให้ขวัญของชาวฝรั่งเศสไม่สูญเสียไปมากกว่านี้ คือ แม้ Notre Dame รอดมาได้จากภัยสงครามใหญ่ถึง 2 ครั้ง แต่ก็มาพ่ายให้กับไฟไหม้ธรรมดาๆ...จากการบูรณะใหญ่ครั้งนี้... แทนการเป็นเป้าของความเกลียดชังจากพวก ISIS หรือเหล่า Anarchists ที่กำลังประท้วงปธน.มาครง (กับนโยบายอุ้มคนรวยของเขา) ในทุกๆ วันเสาร์เป็นเวลาถึงเกือบ 6 เดือนแล้ว