xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกเขี่ย “สุดารัตน์” “ทักษิณ” ดัน “ชัยเกษม” ปรับโหมดแตกหัก

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังเลือกตั้งความชุลมุนวุ่นวายก็เกิดขึ้นตามคาด

ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งรัฐบาล ที่ยังไม่มีฝ่ายไหนทำได้เหมือนในอดีต ที่ไม่กี่วันก็เริ่มมีความชัดเจน

แม้ “พรรคเพื่อไทย” จะถือสิทธิ์จำนวน ส.ส.มากที่สุด แพ็กกับพันธมิตร 6 พรรคการเมืองลงนามสัตยาบันร่วมกันในการไม่สนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สืบทอดอำนาจ

โดยเคลมว่า 7 พรรคการเมือง รวบรวมเสียง ส.ส.ได้ถึง 255 ที่นั่ง เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎร เพียงพอต่อการตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ทว่า ก็ติดกับดัก “รัฐธรรมนูญมีชัย” ที่มีด่านสำคัญ ส.ว. 250 เสียงร่วมโหวตเลือกนายกฯ ทำเอาไปต่อไม่ได้
ชัยเกษม นิติสิริ
 แล้วยังเจอ “สูตรคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์” ที่ยังไม่สะเด็ดน้ำ ซึ่งหากเป็นไปตามทิศทางที่หลายสื่อ และนักวิชาการคำนวณ ก็จะทำให้ 255 เสียงของ 7 พรรคการเมือง ที่เรียกตัวเองว่า “ฝ่ายประชาธิปไตย” หรือที่มวลชนตรงข้ามเรียกว่า “ฝ่ายสืบทอดอำนาจทักษิณ” อันประกอบด้วย พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อชาติ พรรคประชาชาติ พรรคพลังปวงชนไทย และ พรรคเศรษฐกิจใหม่ ของ “ลุงมิ่ง” มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ไม่ได้มาร่วมลงสัตยาบัน แต่รับปากว่ามาแน่ จะหดหายไปถึง 10 ที่นั่ง และมี ส.ส.เพียง 245 เสียงกลายเป็น “เสียงข้างน้อย” ไปทันที ยังไม่รวม “ใบแดง -ใบส้ม-ใบเหลือง” ที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมชักอีกนับร้อยเขตตามกระแสข่าวด้วย

เมื่อตัวเลขยังไม่ไฟนอล ก็ไปต่อกันไม่ได้ เช่นเดียวกับอีกฝ่าย นำโดย พรรคพลังประชารัฐ ที่มีชื่อ “บิ๊กตู่” เป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็นนายกฯแต่เพียงผู้เดียว ที่คว้าที่นั่ง ส.ส.มาได้เป็นอันดับ 2 แต่ก็ยึด “ป๊อปปูล่าร์โหวต” คะแนนเสียงรวมทั่วประเทศสูงสุด เป็นหลักยึดแล้วแสดงสิทธิ์การรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ก็ยังสอยเท้ารอจังหวะให้ตัวเลขทั้งหมดนิ่งเสียก่อน หากแต่ใน “ทางลับ” ก็มีรายงานว่า พรรคที่เหลือนับ 20 พรรคการเมืองที่คาดว่าจะมีที่นั่ง ส.ส. จะร่วมหัวจมท้ายอยู่ฝั่งนี้

ดีดลูกคิดตามสูตรที่เชื่อกันในตอนนี้ ก็จะได้เสียง 255 เสียง เพียงพอยึด “เสียงข้างมาก” ได้

แต่ก็มีปัญหาที่ “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ ภายใต้การนำของ “อู๊ดด้า” จุรินทร์ ลักษณวิศษฏ์ หัวหน้าพรรครักษาการ ที่ยังมีความเห็นแตกเป็น 2 ฝ่ายในพรรคและถกเถียงจนทุกวันนี้ก็ยังไม่จบ ซึ่งหากไม่มา “ยกพรรค” ก็ยุ่งไม่น้อย แต่ก็ยังพอหายใจคล่องด้วยความชัดเจนคงต้องรอไปถึง 9 พฤษภาคม 2562 เดดไลน์ประกาศรับรอง ส.ส.อย่างเป็นทางการอย่างน้อย 95% ของ กกต.นู่น

ช่วงเวลานี้ก็เลยเป็นช่วง “เซ็กบิล” หลังจบศึกเลือกตั้ง เห็นจะๆ คงเป็นที่ พรรคเพื่อชาติ หนึ่งสาขาของตระกูลเพื่อ ที่วุ่นวายเรื่องเงินๆ ทองๆ ตั้งแต่ช่วงรับสมัคร จนมาถึงเลือกตั้งจบ ที่ผู้สมัคร ส.ส.หลายสิบชีวิตเฮโลมาทวงถามเงินค่าใช้จ่ายช่วงหาเสียงที่ “บิ๊กเพื่อชาติ” รับปากว่าจะรับผิดชอบตั้งแต่ช่วงหาเสียง แต่ปรากฏว่า จนหลังวันที่ 24 มีนาคม 2562 กลับติดต่อแกนนำพรรคไม่ได้เลย

“ผู้สมัครส.ส.เดือดร้อนกันทั่วหน้า ตอนหาเสียงพวกเราลุยกันอย่างเต็มที่ พอจะไปทวงถามเงินสนับสนุน ไม่ได้รับคำตอบ เหมือนกับหลอกให้เราหาเสียงไปก่อน สุดท้ายผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ได้คะแนนไป ได้เป็นส.ส.โดยที่ไม่ได้ทำอะไร แต่พวกผู้สมัครส.ส.เขต ที่ลุยหาเสียง บางคนเป็นหนี้ ได้รับความเดือดร้อน” นายพนาสันต์ สุนันต๊ะ ผู้สมัครส.ส.เขต2 สุโขทัย พรรคเพื่อชาติ โวยวาย

ที่สำคัญ 2 คีย์แมนหลักอย่าง “ตุ๊ดตู่” จตุพร พรหมพันธุ์ กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ก็ได้ประกาศสละเรือ ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการของพรคเพื่อชาติอีกต่อไป ในขณะที่ “ยุทธ ตู้เย็น” ยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์อีกคนก็หายเข้ากลีบเมฆไปเช่นกัน จนผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อชาติ นัดหมายกันมากว่า 60 คน หารือกับคณะผู้บริหารพรรคเรื่องการเยียวยางบสนับสนุนการเลือกตั้ง ก่อนได้ข้อสรุปเบื้องต้น ต้องเคลียร์กันจบภายใน 7 วัน

หรือ “พรรคพลังปวงชนชาวไทย” หนึ่งในพรรคเครือข่ายทักษิณ ที่มี “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” เป็นที่ปรึกษา ก็ถูกบรรดาผู้สมัคร ส.ส.รวมตัวกันร้องกองปราบปราม ดำเนินคดีกรรมการบริหารพรรค ฯ หลังถูกเบี้ยวออกเงินหาเสียง1.5 ล้านบาทเช่นกัน
นายนงค์ ดำหมาน หรือนายหนังตะลุง ฉายา “นงค์ บางรัก” หนึ่งในผู้สมัคร ส.ส.ตรัง เขต 1 พรรคเพื่อชาติ ที่ออกมาทวงเงินจากผู้ใหญ่ในพรรคหลังจากควักเงินส่วนตัวไปหาเสียงราว 7-8  แสนบาท
“สืบเนื่องจากทางกรรมบริหารพรรค ได้ชักชวนให้ผมและผู้เสียหาย ซึ่งมาจากหลากหลายสาขาอาชีพ ร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค รวมทั้งให้ลงสมัคร สส.สังกัดพรรคพลังปวงชนไทย ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา โดยยื่นข้อเสนอว่า หากมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย โดยทางพรรคจะออกค่าใช้จ่ายให้คนละ 1.5 ล้านบาท เป็นงบประมาณตามที่ กกต. กำหนด แต่กลายเป็นว่า ลูกพรรคทั้งหมด 269 ราย ที่ลงรับสมัครตำแหน่ง ส.ส.เขตทั่วประเทศ ต้องนำเงินส่วนตัวสำรองจ่ายก่อน แต่เมื่อทวงถามไป ทางพรรคก็เบี่ยงบ่ายและอ้างว่าจะชดเชยคืนให้เรื่อยมา จนถึงปัจจุบันยังไม่มีใครได้รับเงินคืน หรือคืนไม่ครบตามวงเงินที่กำหนด ทั้งที่ทาง กกต.ได้มอบเงินสนับสนุนพรรคกว่า 30 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามตนและลูกพรรคบางส่วน เคยไปร้องเรียนกับคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ร้องขอให้ยุบพรรค พลม. เนื่องจากกรรมการบริหารพรรคผิดสัญญา”นายสุบัน สุวรรณรัตน์ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังปวงชนไทย (พลท.) เขต 4 จังหวัดสงขลา กล่าว

ย้อนกลับมาภายใน พรรคเพื่อไทย แม้จะทำได้ตามเป้าคว้าที่นั่ง ส.ส.มาเป็นที่ 1 ตามคาด แต่ตัวเลข 137 ที่นั่งที่มาจาก “ระบบเขต” ล้วนๆ ก็ถือว่าผิดฟอร์มไปไม่น้อย ซึ่งก็มีปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะการเดินหมากพลาด “แตกแบงก์พัน” ไปเป็น พรรคไทยรักษาชาติ แล้วเล่นเกมเสี่ยงจนพรรคถูกยุบ ทำแต้มหายไปเฉยๆ 100 เขตเลือกตั้ง

ความเสื่อมของ “มนต์ทักษิณ” ในภาคอีสาน ที่ทำให้โดนเจาะพื้นที่ในหลายจังหวัด หรือความไม่ได้เรื่องของอดีตผู้แทนฯของพรรคเอง เห็นได้ชัดที่ “เมืองปากน้ำ” จ.สมุทรปราการ ที่สอบตกยกจังหวัด หายไปถึง 7 ที่นั่ง ทั้งที่เคยเป็นหนึ่งใน “เมืองหลวงของคนเสื้อแดง” เคยมีคะแนนเสียงจังหวัดเดียวมากกว่าคพแนนเสียงของภาคใต้ทั้งภาคเสียอีก

แม้จะพาลโทษกติกาเลือกตั้ง หรือการพูดเอาเปรียบจากอำนาจรัฐ แต่ในหมู่มวลว่าที่ ส.ส. หรือ ส.ต. (สอบตก) ก็ซุบซิบกันหึ่งว่า เป็นเพราะแนวยุทธศาสตร์ภายใต้การนำของ “หญิงหน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรคมีปัญหา

โดยเฉพาะ “น้ำเลี้ยง” ที่เหือดแห้ง ไม่เหมือนสมัย “เจ๊ ด.” กำกับดู

กลายเป็นปมที่ทำให้ “บางกลุ่ม” ก่อหวอดไม่ยอบรับการนำของ “หญิงหน่อย” โดยเฉพาะภายหลังเลือกตั้งที่มีการบังคับให้ว่าที่ ส.ส.ของพรรคลงนามในสัตยาบันว่าจะไม่กลายพันธุ์เป็น “งูเห่า” ท่ามกลางกระแสข่าวที่ว่า มีการบังคับให้เซ็นต์ใบลาออกจากสมาชิกพรรคไว้ล่วงหน้าด้วย
กลุ่มผู้สมัครพรรคพลังปวงชนชาวไทย หนึ่งในพรรคเครือข่ายทักษิณ ที่มี “พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร” เป็นที่ปรึกษา รวมตัวกันร้องกองปราบปราม ดำเนินคดีกรรมการบริหารพรรค ฯ หลังถูกเบี้ยวออกเงินหาเสียง1.5 ล้านบาท
ไว้เป็นไม้ตาย หากมี “งูเห่า” เกิดขึ้น ก็จะใช้ “ใบลาออก” ดังกล่าวดิ้นพ้นสถานภาพ ส.ส.ทันที

ว่ากันว่า ทางพรรคมีการเรียกประชุมพรรคด่วน เพื่อให้ลงนามในเอกสาร 2 ฉบับดังกล่าว พร้อมปล่อยข่าวว่าจะมี “ค่าน้ำหมึก” กลับไปคนละ “5 กิโลฯ” แต่วันจริงทางแกนนำพรรคกลับมี “หมายแทรก” นัดแถลงข่าวลงสัตยาบันกับพันธมิตร 7 พรรคการเมืองที่โรงแรมหรูตรงข้ามที่ทำการพรรคในช่วงเวลาเดียวกัน

เป็นเหตุให้ว่าที่ ส.ส. และ ส.ต. (สอบตก) ที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาจากทั่วประเทศบางส่วนคอยไม่ไหว หนีกลับไปก่อน ที่สำคัญยังไร้วี่แวว “กระเป๋าหนัก 5 กิโลฯ” อย่างที่หวังไว้ด้วย ทำให้มีหลายคนไม่ได้ลงนามในสัตยาบันหรือในหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคแต่อย่างใด

โดยอ้างว่าการลงนามในเอกสารสำคัญไม่ใช่ “มติพรรค” แต่เป็นคำสั่งการของประธานยุทธศาสตร์พรรคฯที่หลายก๊วนไม่ยอมรับด้วย

ขณะเดียวกันก็มี “ข่าวเสี้ยม” หลุดออกมาจากภายในพรรคเพื่อไทยเอง กับข่าวที่มีสัญญาณจาก “คนต่างแดน” ให้เลือกสลับแคนดิเดตนายกฯจากเดิมที่ “หญิงหน่อย” มีภาษีดีที่สุด มาเป็น ชัยเกษม นิติสิริ แทน

ซึ่งเรื่องนี้ “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรค ออกมาแก้ข่าวทันควันว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรค มี 3 คน คือ “คุณหญิงสุดารัตน์-ชัยเกษม” และ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ทั้งหมดยังทำหน้าที่ตามที่พรรคมอบหมาย และวันนี้ยังไม่ใช่เวลาของการมาเลือกนายกฯ รวมทั้งตีกันด้วยว่าข่าวที่ออกมาพยายามก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในพรรค

ถอดรหัสคำของ “เสี่ยอ้วน” แล้วก็ไม่ได้ปิดประตูตายว่าจะไม่มีการเปลี่ยนตัวจาก “หญิงหน่อย” ผู้ที่พันธมิตรหลักอย่าง “เสี่ยเอก” ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ออกปากให้การสนับสนุนอย่างเต็มปากเต็มคำ

อย่าลืมว่า เกมเหี้ยมๆอย่าง “เสร็จนาฆ่าโคถึก เสร็จศึกเขี่ยทิ้ง” นั้น “คนต่างแดน” ถนัดนัก

แล้วอย่าลืมว่า “ชัยเกษม” คืออดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ตัดฟางเส้นสุดท้ายด้วยการยืนยันต่อหน้า พล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงที่เป็นผู้บัญชาการทหารบก(ผบ.ทบ.) ว่า “รัฐบาลรักษาการจะไม่ลาออก” นำมาซึ่งประกาศยึดอำนาจ

ดูแล้วถูกสเปก “นายใหญ่” มากกว่า หากต้องการปั่นอุณหภูมิการเมืองให้เข้าโหมด “แตกหัก” อย่างที่พยายามอยู่.




กำลังโหลดความคิดเห็น