xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

รู้ยัง “เปรมชัย” ติดคุกเพราะ “ไก่” รู้ยัง “เปรมชัย” ไม่ได้ฆ่า “เสือดำ” จับตาแก้อุทธรณ์เอาผิดร่วมกันล่า-ครอบครองซาก

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องบอกว่าคำตัดสินคดีเสือดำให้จำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต บิ๊กบอสอิตาเลียน-ไทย 16 เดือน ไม่รอลงอาญา “ไม่โดนใจ” สังคมสักเท่าไหร่ เพราะมีเสียงพึมพำตามมาว่า “เจ้าสัวเปรมชัย” ซึ่งเป็นหัวหน้าใหญ่ของคณะล่าเสือดำนั้นหลุดข้อหาสำคัญ ต้องโทษไม่สาสมความผิด ซ้ำยังยกเอากรณีคำตัดสิน “คดีฆ่าหมีขอ” ขึ้นมาเปรียบเทียบอีกต่างหากว่า “ทีมล่าหมี” เจอคุกหนักกว่า “ทีมล่าเสือดำ” ด้วยเหตุฉะนี้ จึงจำต้องจับตา “การอุทธรณ์คดี” สู้กันต่ออีกยก โดยเฉพาะการเอาผิดเจ้าสัวเปรมชัย ในข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ฯและครอบครองซากเสือดำที่ศาลชั้นต้นยกฟ้อง

นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ตั้งข้อสังเกตเป็นปมใหญ่ๆ 3 ปม ภายหลังศาลตัดสินคดีว่า “..... 1. คำตัดสินว่าเปรมชัยสนับสนุนการล่าสัตว์ป่า เขาว่าน่าจะเป็นเรื่องทางอาญา ดังนั้น คดีล่าสัตว์ป่า ร่วมกันล่า หายไปจากเปรมชัย ใช่ไหม? 2. ไม่โดนครอบครองซากเสือ ทั้งๆ ที่กินหางคาหม้อ ใช่ไหม? 3. นายธานี ที่เป็นพราน ตามข่าวว่าตลอดการขึ้นศาลอ้างว่าป่วยไม่ได้ขึ้นให้การ โดนตัดสินล่าสัตว์ป่า 2 ปี 7 เดือน เปรียบเทียบกับคดีหมีขอ นายตาต้า สารภาพว่ายิงหมีขอ 3 ปี กว่าๆ อันนี้วิเคราะห์จากคำตัดสินเพื่อถอดบทเรียนจากคดี และพยานหลักฐานไว้เป็นความรู้ต่อไป รอดูว่าทางอัยการจะอุทธรณ์อย่างไร หรือไม่”

ในเวทีเสวนา “1 ปี คดีเสือดำ กับคำตัดสินที่รอคอย” ซึ่งชมรมนักข่าวสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร จัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 มี.ค. 2562 ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย นายศศิน ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า เจ้าสัวเปรมชัย ใช้เทคนิคทางกฎหมายค่อยๆ ถอยห่างออกไปจากคดีล่าเสือดำ จนศาลยกฟ้องในข้อหาครอบครองซากเสือดำและร่วมกันล่าสัตว์ฯ โดยมีความผิดแต่เพียงเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเท่านั้น ขณะที่ นายธานี ทุมมาศ นายพราน เป็นคนรับผิดในทุกข้อหา ก็ไม่เคยขึ้นให้การในชั้นศาลเลย ปิดโอกาสที่จะซักถามและซัดทอดไปถึงนายเปรมชัย

นั่นเป็นข้อสังเกตใหญ่ๆ ที่คาใจประธานมูลนิธิสืบฯ และผู้คนในสังคม พร้อมกับจับตาว่าอัยการจะแก้อุทธรณ์ในคดีนี้อย่างไร หลังจากเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายเปรมชัยยื่นอุทธรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จำคุก “เจ้าสัวเปรมชัย” 16 เดือน

คดีใหญ่สะเทือนป่าทุ่งใหญ่นเรศวรนี้ สืบเนื่องจากกรณีที่ นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก นำกำลังเข้าจับกุม นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการ บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คน เข้าไปลักลอบล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา เก้ง พร้อมอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนจำนวนมาก เหตุเกิดระหว่างวันที่ 4-6 ก.พ. 2561

หลังการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 เจ้าหน้าที่ตำรวจสรุปสำนวนส่งให้อัยการภาค 7 มีความเห็นสั่งฟ้องนายเปรมชัย กรรณสูต และพวกรวม 4 คน รวม 10 ข้อหา ต่อมาเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2561 อัยการภาค 7 แถลงผลการพิจารณาคดีนายเปรมชัย กรรณสูต กับพวก รวม 4 คน ตามคำชี้ขาดอัยการสูงสุด ฟ้องนายเปรมชัย 6 ข้อหา และผู้ต้องหาคนที่ 2-4 คนละ 5-8 ข้อหา ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 219/2561

ใน 6 ข้อหา ที่อัยการสั่งฟ้อง ประกอบด้วย ฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต, ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสียหรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย, ฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

หลังจากผ่านการสอบพยานโจทก์ จำเลย ไปเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2561 ทั้งฝ่ายโจทก์ จำเลยได้ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีนี้ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งศาลจังหวัดทองผาภูมิ ได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มี.ค. 2562

เมื่อถึงวันนัดตัดสินคดี ศาลจังหวัดทองผาภูมิ อ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.219/2561 ที่อัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) จำเลยที่ 1 นายยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 นางนที เรียมแสน จำเลยที่ 3 และนายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 รวม 6 ข้อหา โดยคำพิพากษาที่ศาลจังหวัดทองผาภูมิ แจกจ่ายต่อสื่อมวลชน สรุปความผิดและการถูกลงโทษของจำเลยแต่ละคน ดังนี้

โทษจำเลยที่ 1 (นายเปรมชัย กรรณสูต) ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน, ข้อหาเป็นผู้สนับสนุนให้ผู้อื่นล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 8 เดือน, ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (ไก่ฟ้าหลังเทา) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 2 เดือน รวมจำคุก 16 เดือน ยกฟ้องข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ)

จำเลยที่ 2 (นายยงค์ โดดเครือ) ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน รวมจำคุก 13 เดือน ยกฟ้องข้อหาร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ข้อหาร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ

จำเลยที่ 3 (นางนที เรียมแสน) ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน และปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ยกฟ้อง ข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต ข้อหาร่วมกันพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร

จำเลยที่ 4 (นายธานี ทุมมาศ) ถูกลงโทษข้อหาร่วมกันมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 3 เดือน ข้อหาร่วมกันมีซากสัตว์ป่าคุ้มครอง (เสือดำ) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 4 เดือน ข้อหาร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต จำคุก 6 เดือน ข้อหาพยายามล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 4 เดือน ข้อหาล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำคุก 1 ปี ข้อหาเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติ จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน ไม่มีข้อหาใดยกฟ้อง

ส่วนค่าเสียหายทางแพ่ง ให้จำเลยที่ 1 และที่ 4 ร่วมกันชำระค่าเสียหาย จำนวน 2,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่ผู้ร้อง (กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช)

หลังเสร็จสิ้นการตัดสินคดี นายกิจจา อาลีอิสเฮาะ ทนายความ นายเปรมชัย กรรณสูต ยอมรับคำตัดสินของศาล แต่จะยื่นอุทธรณ์แน่นอน พร้อมทั้งใช้หลักทรัพย์ประกันตัว นายเปรมชัย พร้อมพวก โดยนายเปรมชัย จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ประกันตัวคนละ 400,000 บาท จำเลยที่ 3 รอการลงโทษปรับ 10,000 บาท จำเลยที่ 4 ประกัน 500,000 บาท ด้านนายเปรมชัย พูดก่อนขึ้นรถกลับว่า “ผมขอโทษครับ”

สำหรับคดีฆ่าหมีขอ ที่ถูกหยิบยกนำมาเปรียบเทียบกับคดีเสือดำนั้น สืบเนื่องจากนายวัชรชัย สมีรักษ์ หรือปลัดแมน ปลัดฝ่ายป้องกันอำเภอด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี กับพวก ถูกเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี จับกุมในคดีล่าหมีขอ เหตุเกิดบริเวณป่าเขาพลู หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค เมื่อวันที่ 7 ต.ค.2561 พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรี ยื่นฟ้องจำเลยทั้งหมด 13 คน

ต่อมาเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2562 ศาลจังหวัดกาญจนบุรี พิพากษาจำคุกนายตาต้า ชาวกระเหรี่ยง มือยิงหมีขอ จำเลยที่ 13 เป็นเวลา 7 ปี 2 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีลดโทษเหลือจำคุก 3 ปี 7 เดือน ปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกไม่รอลงอาญา และให้นายตาต้า ชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน 561,350 บาท แก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ด้วย ส่วนจำเลยอีก 6 คน ที่เหลือถูกลงโทษทั้งจำคุกและปรับลดหลั่นตามกระทงความผิด ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง โทษจำคุกรอลง อาญาไว้ 2 ปี สำหรับอดีตปลัดอำเภอ กับพวกอีก 6 คน ถูกแยกฟ้องเป็นอีกคดีเพราะให้การปฏิเสธ ศาลนัดพร้อมปลายเดือน เม.ย. 2562

จ่ออุทธรณ์เอาผิดร่วมกันล่าฯ-ครอบครองซากเสือดำ
คดีฆ่าเสือดำเพิ่งจบยกแรกที่ศาลชั้นต้น ยกสองสู้กันต่อในชั้นศาลอุทธรณ์ นายศศิน เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายจะเดินหน้าอุทธรณ์ โดยฝ่ายโจทก์คือ อัยการ กับกรมอุทยานแห่งชาติฯ อาจจะต้องการให้โทษหนักขึ้นหรือไม่ ส่วนฝ่ายจำเลยคือนายเปรมชัย อาจจะมุ่งเป้าต่อสู้เพื่อให้คำตัดสินจำคุกเหลือเพียงรอลงอาญา หรือโทษลดลงหรือไม่ หากฝ่ายกฎหมายของนายเปรมชัย เก่งจนสามารถเพิ่มน้ำหนักของการกระทำว่าขาดเจตนาหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์

นายศศิน ยังต้องข้อสังเกตด้วยว่า คำตัดสินคดีของนายเปรมชัย ตามความผิดหลัก คือ สนับสนุนการล่าสัตว์ป่า ยังคงมีข้อสงสัยว่าเหตุใดข้อหาครอบครองซากเสือดำจึงหลุดไป ทั้งที่ตามข่าวพบว่ามีการต้มหางเสือกินกัน และผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า ระบุว่า เป็นหางเดียวกับหนังและเลือดที่มีดทำครัว เขียง และคราบเลือดที่ใบหญ้าบริเวณนั้น

ขณะที่ นายธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 ผู้ที่นำนายเปรมชัย เข้าไปในป่าและถูกศาลตัดสินฐานล่าสัตว์ป่า มาขึ้นศาลด้วยอาการป่วยและไม่ขึ้นให้การ อัยการก็ไม่มีโอกาสซักนายธานี เพื่อเชื่อมโยงไปหานายเปรมชัย เพราะใช้เทคนิคทางกฎหมายสู้ ดึงนายธานี ออกมาเพื่อไม่ให้เชื่อมโยงไปถึง เป็นไปได้หรือไม่ ต่อมานายธานี ก็รับ นายเปรมชัย ก็ค่อยๆ หลุดจากเสือมาเรื่อยๆ จากเป็นหัวหน้าคณะก็เป็นผู้สนับสนุน

ส่วน “หัวหน้าวิเชียร” นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรฝั่งตะวันตกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งบอกว่าหลายคนงงกับคำตัดสินที่ออกมา... อาจมีความรู้สึกว่าไม่ตรงใจ แต่ “หัวหน้าวิเชียร” ก็ “... เคารพการตัดสินของศาลชั้นต้น ส่วนตัวมีความเห็นว่า นายเปรมชัย กรรณสูต หนึ่งในจำเลยควรได้รับโทษมากกว่านี้ โดยเฉพาะการครอบครองซากเสือดำบริเวณแคมป์เหตุใดถึงถูกยกฟ้อง .....” ซึ่งส่วนนี้ได้มีการคุยกับนายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อดีตหัวหน้าชุดพญาเสือ ว่าจะมีการอุทธรณ์ในข้อหาที่ถูกยกฟ้องออกไป

“หัวหน้าวิเชียร” สะท้อนว่าคดีเสือดำทำให้สังคมได้เห็นความศักดิ์สิทธิ์และการบังคับใช้กฎหมาย ไม่เลือกแบ่งชนชั้น ฐานะ ในส่วนของตนเองและเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่ฯ เรื่องของการซูเอี๋ยหรือเรียกรับผลประโยชน์ คนทุ่งใหญ่ถือว่าเป็นพื้นที่ที่ได้รับการปลูกฝังมานาน และก็มีเหตุการณ์ตัวอย่างซึ่งในอดีตมีผู้มีอิทธิพล ข้าราชการระดับสูงมาล่าสัตว์ป่าก็เป็นข่าวใหญ่โต แต่ท้ายที่สุดคนที่เป็นลูกน้องก็เป็นผู้ที่รับโทษแทน ส่วนคนที่เป็นผู้บงการก็ลอยนวล คนทุ่งใหญ่ก็เจ็บช้ำน้ำใจมาพอสมควร และคดีนี้มันก็หมุนกลับมาซ้ำรอย

สำหรับขั้นตอนการอุทธรณ์คดีนั้น นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด บอกว่า ต้องรอดูคำพิพากษาฉบับเต็มก่อนนำเสนอความเห็นว่าจะอุทธรณ์หรือไม่ อย่างไร ภายใน 30 วัน หรือถ้าไม่ทันก็ขอขยายเวลา ส่วนข้อหาหากจะอุทธรณ์ตามความเห็นของนายโกศลวัฒน์ คงเป็นข้อหาที่อัยการยื่นฟ้อง คือ ข้อหาร่วมกันล่า และอีกข้อหาตามความเห็นของ “หัวหน้าวิเชียร” ก็คือ ร่วมกันครอบครองซากเสือดำ ซึ่งเป็นสองข้อหาที่นายเปรมชัย หลุดรอด

การหลุดพ้นข้อหาการครอบครองซากเสือดำของเจ้าสัวเปรมชัย ยังทำให้ทีมนิติวิทยาศาสตร์ ที่เก็บวัตถุพยานหลักฐาน มีความกังวล โดย ดร.กณิตา อุ่ยถาวร ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้โพสต์ข้อความและภาพหลักฐาน ผ่านเฟซบุ๊ก Kanita Ouitavon จั่วหัวว่า “กำลังรู้สึกงงงวยที่ Wildlife Forensics unit (DNP-WIFOS)” บอกเล่าความรู้สึกหลังคำตัดสินของศาล

“ทั้งๆ ที่บอกตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกังวล..แต่พอเอาเข้าจริงๆ กลับรู้สึกกังวลขึ้นมาเฉยๆ ซะอย่างนั้น มีอยู่จุดหนึ่งที่ทำให้รู้สึกเช่นนั้น ก็คือการยกฟ้องคุณเปรมชัยเรื่องการครอบครองซาก "เสือดำ" ค่ะ...

ดร.กณิตา เคารพและเชื่อมั่นในคำตัดสินของศาลและไม่ได้มีอคติหรือมีเจตนาจับผิดจำเลย แต่ขอทบทวนสิ่งที่ทีมนิติวิทยาศาสตร์ ได้เก็บวัตถุพยานทั้งหมด ทั้งชิ้นเนื้อ รอยกระสุน หางเสือต้มซุปในหม้อ กระดูกในลำธาร ลำไส้ มีดหลายเล่ม เขียง เลือดบนใบไม่ คราบเลือดบนดิน ล้วนแต่มาจากเสือดำตัวเดียวกัน จากนั้นนำมาประมวลผลเชื่อมโยงกันเพื่อตอบว่าเกิดเหตุการณ์อะไรบ้างในที่เกิดเหตุ ลำดับเหตุการณ์ก่อนหลัง ผู้เกี่ยวข้องมีพฤติกรรมอะไร มีเจตนาอะไร

“... การเห็นรอยกระสุน เห็นมีดทำครัวและเขียง เห็นซุปในหม้อ เห็นกระดูกที่ทิ้งแล้ว เห็นที่หมกซาก ย่อมบอกได้ว่าตรงนี้มีพฤติกรรมการล่า มีการฆ่าสัตว์ให้ตาย มีการชำแหละ มีการปรุงอาหาร มีการบริโภค มีการซุกซ่อน ฯลฯ เกิดขึ้น มีใครอยู่ตรงนั้นตอนนั้นบ้าง ก็เชื่อมโยงกันไป.. แล้วพฤติกรรมเหล่านี้มันอยู่ในนิยามความหมายของการครอบครองซากสัตว์ป่ารึเปล่าเอ่ย?? (อันนี้คือไม่รู้จริงๆ ค่ะ)...”

สำหรับเคส “เสือดำ” ดร.กณิตา ยอมรับว่า “เป็นเคสที่มีความซับซ้อนมากที่สุดเคสนึงในประสบการณ์การทำงาน ซึ่งได้พยายามทุ่มเททำให้ดีที่สุด...แต่ก็อาจจะมีหลายจุด หลายประเด็นที่คงต้องไปเรียนรู้เพิ่มเติมอีกมาก ความติดใจในเรื่อง การพบ “ซุปหางเสือในหม้อ” กับการพบ “ซากไก่ฟ้าหลังเทาในกะละมัง” แต่ได้ความผิดเรื่องการครอบครองไก่ฟ้าเพียงอย่างเดียว อาจเป็นอะไรที่ข้าพเจ้าไม่มีความเข้าใจมากนัก.. คงต้องไปศึกษาเพิ่มเติม หรือไปค้นคว้าหานิยามของคำว่า “การครอบครองซากสัตว์ป่า” ให้ดีขึ้นกว่านี้ก่อนนะคะว่ามันคืออะไร?”

#เสือดำไม่ตายฟรี แต่คนที่ร่วมล่าฯและครอบครองซาก จะสาวไปถึง "เจ้าสัวเปรมชัย" หรือไม่ อย่างไร รอลุ้นกันยกต่อไปในชั้นศาลอุทธรณ์


กำลังโหลดความคิดเห็น