xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ส่องสนาม กทม. “ปชป.” ส่อขาดทุน “พท.”มีลุ้นตีตื้น-พรรคอื่นอดแจ้งเกิด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หายไป 3 ที่นั่ง สำหรับเก้าอี้ผู้แทนราษฎร เมืองบางกอก

หดจาก 33 เหลือเพียง 30 เขตให้ช่วงชิงกัน แต่ยังคงเป็นพื้นที่ต่อสู้กันของเจ้าสัมปทานเดิมอย่าง “ค่ายสีฟ้า” พรรคประชาธิปัตย์ เจ้าของ 24 ที่นั่งเดิม กับ “ค่ายสีแดง” พรรคเพื่อไทย ที่คว้ามาได้ 9 ที่นั่งจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2554

อย่างไรก็ดีการต่อสู้รอบนี้ต่างจากเดิมพอสมควร ตามสูตร “จัดสรรปันส่วนผสม” ในรัฐธรรมนูญ 2560 ทำให้ “เครือข่ายทักษิณ” กดสูตร “แตกแบงก์พัน” ขยายสาขาขึ้นมาใหม่อย่าง พรรคไทยรักษาชาติ เอาไว้เก็บ “แต้มหล่นน้ำ” ในเขตที่โอกาสชนะน้อย เพื่อสะสมเป็นที่นั่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ

ฉายภาพชัดเจนใน 30 เขตของ กทม. ที่ เพื่อไทย เลือกส่งเฉพาะเขตที่เล็งเห็นผลแค่ 22 เขต ส่วนอีก 8 เขตไม่ส่งตัวผู้สมัคร และเติมเต็มด้วยผู้สมัครในสีเสื้อ ไทยรักษาชาติ แทน

ขณะที่ “แชมป์เมืองบางกอก” อย่าง ประชาธิปัตย์ ถือนโยบาย “ไม่มีสาขา” ส่งเต็มพิกัด 30 เขต เช่นเดียวที่ส่งครบ 350 เขตทั่วประเทศ

และยังเป็นเหตุให้แทบทุกพรรคการเมืองเฮโลกันส่งผู้สมัครร่วมลุ้นในพื้นที่ กทม.มากเป็นประวัติการณ์ ด้วยมีจำนวนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้งราว 5 ล้านเสียง คิดเป็นถึงเกือบ 10% ของทั่วประเทศให้ช่วงชิง โดยหลายพรรค อย่างพรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ พรรคภูมิใจไทย หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทย ก็หวังถึงได้ที่ ส.ส.เขตใน กทม.เลยทีเดียว

ภายหลังจากที่สมัครกันเสร็จสรรพ รวมทั้งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรอง ส่งผู้สมัครเข้าลู่ ก็เห็นหน้าค่าตาผู้สมัครกันอย่างครบถ้วนว่าใครเป็นใคร พร้อมทยอยเปิดตัวนโยบายเพื่อคน กทม.ออกมาแทบทุกพรรคแล้ว

เมื่อพิจารณาทั้งปัจจัยตัวบุคคล กระแสพรรค นโยบายต่างๆ บวกสถิติเก่าเลือกตั้ง 2554 รวมทั้งเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เมื่อปี 2556 ก็ยังคงต้องยกให้ ประชาธิปัตย์ มีภาษีดีกว่า เพื่อไทย อยู่เป็นช่วงตัว

รับกับ “อัตราต่อรอง” จาก “สถาบันได้เสียที่กฎหมายไม่รับรอง” เปิดราคาเฉพาะสนามเลือกตั้งเมืองบางกอก โดยใช้ ประชาธิปัตย์ เป็นตัวตั้ง ที่ 20 ที่นั่ง สูงต่ำบวกลบ

ทีนี้มาดูแนวโน้มการต่อสู้เป็นรายเขตผ่าน “โพลลับ” หรือผลสำรวจความนิยมอย่างไม่เป็นทางการกันบ้างว่า ตรงตามที่ “สถาบันได้เสีย” วิเคราะห์ไว้หรือไม่

เริ่มตั้งแต่เขต 1 (พระนคร-สัมพันธวงศ์-ป้อมปราบศัตรูพ่าย-ดุสิต ยกเว้นแขวงถนนนครไชยศรี) เจ้าของเก้าอี้อย่าง เจิมมาศ จึงเลิศศิริ จากประชาธิปัตย์ รายนี้ทำพื้นที่แข็งโป๊ก แถมได้เจออดีต ส.ส.ต่างถิ่น อย่าง “หญิงลี” ลีลาวดี วัชโรบล จากเพื่อไทย ที่มีฐานเสียงเฉพาะเขตดุสิตเท่านั้น ทำให้ “เจิมมาศ” น่าจะเข้าป้ายสบายๆ

เขต 2 (ปทุมวัน-บางรัก-สาทร) “มาดามตุ๋ย” อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ ยังเหนือกว่าคู่ปรับเก่า มล.ณัฐพล เทวกุล ที่รอบนี้พลัดสีเสื้อมาอยู่ ไทยรักษาชาติ หลายช่วงตัว เช่นเดียวกับ เขต 3 (บางคอแหลม-ยานนาวา) ที่ “ชายภิ” มล.อภิมงคล โสณกุล จากประชาธิปัตย์ ยังเป็นต่อ พงษ์พิสุทธิ์ จินตโสภณ จากไทยรักษาชาติ หลายเสาไฟฟ้า

ส่วน เขต 4 (คลองเตย-วัฒนา) เป็นการชนกันของอดีตคนกันเอง “เสี่ยเจมส์” อนุชา บูรพชัยศรี อดีต ส.ส. 2 สมัย จากประชาธิปัตย์ วัดกับ “ส.ก.น้อง” กรณิศ งามสุคนธ์รัตนา อดีต ส.ก.คลองเตย 2 สมัยจากค่ายเดียวกัน ที่คราวนี้ย้ายสังกัด ขึ้นเล่นการเมืองสนามใหญ่ ในนามพลังประชารัฐ โดยมี “เสี่ยเบน” วรพงษ์ ตันติเวชยานนท์ จากพรรคไทยรักษาชาติ รอสอดแทรก หากไม่เกิดการตัดแต้มของฐานเสียงประชาธิปัตย์กันจนเกินไป ก็ยังน่าจะเป็น “อนุชา” คว้าเก้าอี้เป็นสมัยที่ 3

เขต 5 (ห้วยขวาง-ดินแดง) โฆษกป้ายแดง ธนา ชีรวินิจ เจ้าของแชมป์ ต้องชนกับ ประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตประธานสภากรุงเทพมหานคร จากเพื่อไทย คู่นี้เด่นกันคนละเขต “ธนา” เป็นอดีต ส.ก.ดินแดง 4 สมัย ส่วน “ประเดิมชัย” ก็ยึดหัวหาดห้วยขวางมายาวนาน มองในแง่ประสบการณ์สนามใหญ่คงต้องถือหาง “ธนา” อดีตแชมป์ 2 สมัยไปก่อน คล้ายกับ เขต 6 (ราชเทวี-พญาไท-จตุจักร เฉพาะแขวงจตุจักร-แขวงจอมพล) ที่ “เสี่ยเอ๋” อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี จากประชาธิปัตย์ ลงชนกับ “เสี่ยตุ่น” ประพนธ์ เนตรรังษี จากเพื่อไทย ที่เพิ่งอัพเกรดมาจากสนามท้องถิ่น ประเมินด้วยสายตา “เสี่ยเอ๋” ยังเป็นต่อ

เขต 7 (บางซื่อ-ดุสิต เฉพาะแขวงถนนนครไชยศรี) หน้าใหม่ทั้งคู่ “ผู้กองมาร์ค” ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ สุรนาทยุทธ์ จากเพื่อไทย วัดกับ “หมอเอ้ก” คณวัฒน์ จันทรลาวัณย์ จากประชาธิปัตย์ สูสีดู๋ดี๋ นับถึงเวลานี้ฝ่ายหลังยังดีกว่า เขต 8 (ลาดพร้าว-วังทองหลาง ยกเว้นแขวงพลับพลา) เพื่อไทยโยก “หมวดเจี๊ยบ” ร.ท.หญิงสุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกคนดังมาลงที่เขตนี้ หลังไปไม่รอดที่เขตบางแคงวดก่อน เจอของแข็ง “ดร.ต๋อย” สรรเสริญ สมะลาภา รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เพิ่งขึ้นชั้นประธานภาค กทม.อีกต่างหาก ระดับนี้ประธานภาคคงไม่ยอมเสียท่าให้

เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร ยกเว้นแขวงจตุจักร-แขวงจอมพล) “เสี่ยอ๊อบ” สุรชาติ เทียนทอง ทายาท “ป๋าเหนาะ” เสนาะ เทียนทอง ยังปักหลักรักษาเก้าอี้ โดยมีผู้ท้าชิงฟอร์มดีอย่าง “รองฯ แต้ม” พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตตำรวจนครบาลคนดัง ที่เพิ่งชิมลางเลือกตั้งหนแรก แต่ก็ประมาทไม่ได้

ส่วน เขต 10 (ดอนเมือง) เขต 11 (สายไหม) และ เขต 12 (บางเขน) ถือเป็น “พื้นที่อิทธิพล” ของพรรคเพื่อไทย ส่ง “เสี่ยเก่ง” การุณ โหสกุล “ผู้การป๊อบ” น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ และ “เสี่ยไก่” อนุสรณ์ ปั้นทอง ลงรักษาพื้นที่ กระแสยังดีกว่าคู่แข่งจากประชาธิปัตย์หลายช่วงตัว

เขต 13 (บางกะปิ-วังทองหลาง เฉพาะแขวงพลับพลา) อีกเขตที่ดวลกันระหว่างหน้าใหม่ ประชาธิปัตย์ส่ง “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธ์ เจ้าของสมญา “โคลนนิ่งอภิสิทธิ์” เจอ “เสี่ยปุ๊น” ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส จากเพื่อไทย โดดเด่นที่ลูกขยันกันทั้งคู่ “เสี่ยปุ๊น” ได้เปรียบตรงทำพื้นที่มาก่อน ขณะที่ “ไอติม” ได้เรื่องกระแสในภาพกว้าง จากโพลล่าสุดยังต้องให้ “อภิสิทธิ์น้อย ศิษย์สะตอ” มาวิน

ถัดมาโซน กทม.ตะวันออก อีก “พื้นที่อิทธิพล” ของพรรคเพื่อไทย บรรดา ส.ส.เก่าลงรักษาเก้าอี้พร้อมหน้าพร้อมตา ไล่ตั้งแต่ เขต 14 (บึงกุ่ม-คันนายาว เฉพาะแขวงรามอินทรา) “เสี่ยเอก” พลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ คงเอาชนะ “เสี่ยพรหม” พรพรหม ณ.ส. วิกิตเศรษฐ์ ไม่ยาก ยิ่งมี “เสี่ยแมน” แมน เจริญวัลย์ จากรวมพลังประชาชาติไทยมาตัดคะแนนให้ ก็หวานเจี๊ยบ

เขต 15 (มีนบุรี-คันนายาว ยกเว้นแขวงรามอินทรา) วิชาญ มีนชัยนันท์ คงผ่าน “เสี่ยลูกนัท” ธนัตถ์ ธนากิจอำนวย ไปได้แบบสบายๆ เขต 16 (คลองสามวา) “เดอะยุ” จิรายุ ห่วงทรัพย์ เจอศึกหนักอย่าง ฮูวันดีย๊ะ พิศสุวรรณอุเซ็ง น้องสาว สุรินทร์ พิศสุวรรณ ผู้ล่วงลับ แต่น่าจะเอาตัวรอดได้ เขต 17 (หนองจอก) แชมป์เก่า ไพโรจน์ อิสระเสรีพงษ์ ไม่เจอคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ คงฉลุยเข้าสภาอีกสมัย และเขต 18 (ลาดกระบัง) “สาวอิ่ม” ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ เปิดศึกสายเลือดกับอาแท้ๆ วิสูตร สำเร็จวาณิชย์ อดีต ส.ก.หลายสมัย ในสีเสื้อพลังประชารัฐ ดูแล้วหลานน่าจะยังดีกว่าอาเจ๊ก

ขณะที่ เขต 19-30 จากโซนบางนา ข้ามไปถึงฝั่งธนบุรี ต้องยกให้ทาง ประชาธิปัตย์ เหนือกว่าทั้งสิ้น ตั้งแต่ เขต 19 (สะพานสูง-ประเวศ ยกเว้นแขวงหนองบอนและแขวงดอกไม้) ที่ต้องบอกว่า “มาดามกุ๊ก” นาถยา แดงบุหงา สู้ศึกในพรรคลงรักษาเก้าอี้เหนื่อยกว่าอีก ส่วน เขต 20 (สวนหลวง-ประเวศ เฉพาะแขวงหนองบอนและแขวงดอกไม้) “บังมาด” สามารถ มะลูลีม ก็ไม่เจองานหนัก เขต 21 (บางนา-พระโขนง) ถือว่าทางสะดวกของ สุทธิ ปัญญาสกุลวงศ์ ที่เจอ กวีวงศ์ อยู่วิจิตร จากไทยรักษาชาติ

เขต 22 (คลองสาน-บางกอกใหญ่-ธนบุรี ยกเว้นแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงสำเหร่) และ เขต 29 (ภาษีเจริญ-ตลิ่งชัน ยกเว้นแขวงตลิ่งชันและแขวงฉิมพลี) ของพี่น้อง สุรันต์ จันทร์พิทักษ์ - วิลาศ จันทร์พิทักษ์ ได้ชื่อว่าจอมขยันไม่ทิ้งพื้นที่ ควงกันเข้าสภาอีกหน เช่นเดียวกับ เขต 23 (จอมทอง-ธนบุรี เฉพาะแขวงดาวคะนอง แขวงบุคคโล และแขวงสำเหร่) ที่ “เจ๊นัน” นันทพร วีรกุลสุนทร ควงสามี “เฮียล้าน” สุทธิชัย วีรกุลสุนทร อดีประธานสภา กทม.ลงพื้นที่ไม่ขาด

เขต 25 (บางขุนเทียน) ยังแบเบอร์สำหรับ สากล ม่วงศิริ ส่วน เขต 26 (บางบอน-หนองแขม เฉพาะแขวงหนองแขม) ถือว่ามีสีสัน เมื่อแชมป์เก่า พ.ต.อ.นพ.สามารถ ม่วงศิริ ดวลกับคู่ปรับเก่า “เสี่ยหนุ่ม” วัน อยู่บำรุง ทายาท ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ประกาศลั่นว่าแพ้ไม่ได้ แต่ฝ่ายแรกยังทรงดีกว่า จะมีก็แต่เขต 24 (ราษฎร์บูรณะ-ทุ่งครุ) ที่ประชาธิปัตย์ส่ง สาทร ม่วงศิริ ที่ขยับขึ้นมาจาก ส.ก.บางขุนเทียน แต่ก็ข้ามเขตอิทธิพลของ “ตระกูลม่วงศิริ” มาค่อนข้างไกล คู่ต่อสู้ที่น่ากลัวต้องยกให้ นพ.สรัญ วรรณศิริกุล จากไทยรักษาชาติ ทายาท “ผู้ใหญ่เล็ก” สุวัฒน์ วรรณศิริกุล ผู้ล่วงลับ สอดแทรกด้วย ไกรเสริม โตทับเที่ยง ทายาทปุ้มปุ้ย จากพลังประชารัฐ ที่ลงนพื้นที่เก่าของ “เสี่ยตั้น” ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ พลังประชารัฐ

เขต 27 (ทวีวัฒนา-ตลิ่งชัน เฉพาะแขวงตลิ่งชัน และแขวงฉิมพลี -หนองแขม ยกเว้นแขวงหนองแขม) “เสี่ยขิง” เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เหนื่อยหน่อย หลังห่างพื้นที่ แถมเจอกระดูชิ้นโต พ.ต.ท.วันชัย ฟักเอี้ยง อดีต ส.ก.ตลิ่งชัน ของประชาธิปัตย์ ที่จำใจสลับขั้วไปอยู่กับคู่แข่งพรรคเพื่อไทย เพราะต้องการขึ้นสนามใหญ่

อีกเขตที่น่าจับตา เขต 28 (บางแค) อรอนงค์ คล้ายนก ลงรักษาเก้าอี้ เจอเบอร์ใหญ่ “เสี่ยไก่” วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย แว่วว่าเขตนี้มีล้มช้างโชว์ สุดท้ายเขต 30 (บางพลัด-บางกอกน้อย) “ดร.กานต์” รัชดา ธนาดิเรก ยังขยันและเป็ฯที่รักของคนในพื้นที่ น่าจะผ่าน พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ ไปได้

คะเนด้วยสายตา ทั้ง “ประชาธิปัตย์ - เพื่อไทย” ยังคงรักษาพื้นที่อิทธิพลตัวเองได้อย่างเหนียวแน่น โดยเพื่อไทยได้ “เสมอตัว” ไม่ต่ำกว่า 9 ที่นั่งของเดิม และมีลุ้น “ตีตื้น” บวกเพิ่มมากกว่าลดลง ขณะที่ประชาธิปัตย์ก็อยู่ราวๆ 20-21 ที่นั่ง ถือว่า “ขาดทุน” จากเขตที่หดหายไปนั่นเอง

ส่วน “พลังประชารัฐ” หรือพรรคอื่นๆ ที่ประกาศขอปักธงในเมืองกรุง ก็คงปักไม่ลง แจ้งเกิดไม่ได้แน่นอน.

กำลังโหลดความคิดเห็น