xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“เพื่อไทย”ส่งชื่อ “ชัยเกษม”หวังคว้า“เบอร์ 1 นิติบัญญัติ”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เห็นหน้าคร่าตา“ของขึ้นห้าง”ของแต่ละพรรคกันไปหมดแล้ว หลังทยอยเปิดบัญชีรายชื่อผู้ที่พรรคจะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี กันมาเป็นทิวแถว

ไม่มีอะไรเหนือความคาดหมาย คล้ายกับ“หวยล็อก”แค่รอให้เคาะออกมาเป็นทางการกันก็เท่านั้น ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่พรรคขนาดใหญ่ ในฐานะตัวเต็งแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่พรรคขนาดเล็ก พรรคขนาดกลาง เป็นเพียงสีสัน เหมือนกับแกล้มการเมืองไทย

ว่ากันตามเนื้อผ้า แกนนำจัดตั้งรัฐบาลคงกาชื่อได้แค่ 3 พรรค เมื่อวัดกันตามขนาด ศักยภาพ และพลังภายใน ประกอบไปด้วย “เพื่อไทย-ประชาธิปัตย์-พลังประชารัฐ”

“เพื่อไทย”แชมป์เก่า “ประชาธิปัตย์”มวยรองหนก่อน “พลังประชารัฐ”ที่มีพลังภายในอยู่เบื้องหลัง ดังนั้น บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีของ 3 พรรคนี้ ฟันธงได้ว่าคือ “ว่าที่นายกฯ”คนที่ 30 ของประเทศไทย

“พลังประชารัฐ”ไม่เหนือความคาดหมาย “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) มาตามสเตปที่วางกันเอาไว้ ส่วนอีก 2 รายชื่อ อย่าง “อุตตม สาวนายน”ใส่ไปเป็นการให้เกียรติในฐานะหัวหน้าพรรค ขณะที่ “เฮียกวง”สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี แนบติดเข้าไปกรณี “บิ๊กตู่”ไปต่อไม่ได้
 
สุดท้ายมีเพียงชื่อเดียวคือ “บิ๊กตู่”ที่ทั้งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เขียนมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ !

ฟากฝั่ง“ประชาธิปัตย์”ยังให้โอกาส “มาร์ค ม.7”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ขึ้นไปล้างตากันอีกหนในรอบสิบปี แม้จะรู้ดีว่าโอกาสได้เป็นนายกฯ ริบหรี่ แต่การมี “อภิสิทธิ์”เป็นตัวชูโรง ทำให้พรรคพระแม่ธรณีบีบมวยผม ยังมีราคาค่างวดในเกม“ต่อรองอำนาจ”

ขณะที่ “เพื่อไทย”แอบเซอร์ไพร์สนิดๆ นอกจาก 2 รายชื่อคือ “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ที่นั่งเบอร์ 1 และ “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”อดีต รมว.คมนาคม ที่นั่งเบอร์ 2 ดันปรากฏชื่อ “ชัยเกษม นิติสิริ”อดีต รมว.ยุติธรรม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มาเป็นอันดับ 3

ก่อนหน้านี้ไม่มีใครคาดคิด หากเป็น “เสี่ยโต้ง”กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี หรือ“พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์”ในฐานะหัวหน้าพรรค ยังพอเข้าใจได้ แต่ “ชัยเกษม”นี่แหวกม่านผ่านดงฝุ่นทะลุมาอยู่ในแคนดิเดตอันดับ 3 หน้าตาเฉย

วัดกันปอนด์ต่อปอนด์ในพรรคเพื่อไทย ยังมีอีกหลายคนที่เหมาะสมพอจะอยู่จุดนั้นได้ ไม่ว่าจะเป็น กิตติรัตน์, โภคิน พลกุล, ชูศักดิ์ ศิรินิล หรือแม้แต่สมพงษ์ อมรวิวิวัฒน์ แกนนำสายเหนือ แต่พอเป็นชื่อ “ชัยเกษม”มันเลยมีเงื่อนงำ
 
มันต้องเป็นยุทธศาสตร์อย่างหนึ่งแน่ ไม่ใช่แค่แคนดิเดตนายกฯ อันดับ 3 ของพรรค เพราะ “ชัยเกษม”ยังถือเป็นโนเนมทางการเมือง เพิ่งจะเลื่อนชั้นมาเป็นรัฐมนตรีในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์นี้เอง

ขณะเดียวกัน ไม่ได้เป็นพวก “ป๊อปปูล่า”ที่ประชาชนรู้จักมักคุ้น โผล่มาบ้างตามหน้าสื่อเวลาให้สัมภาษณ์ประเด็นกฎหมาย หรือการเมืองในซีกของพรรคเพื่อไทย อีกทั้งยังไม่มี “เพาเวอร์”หรือสมุนบริวารในพรรคเพื่อไทย เหมือนกับก๊กต่างๆ

“ชัยเกษม”มีอย่างเดียวคือ “สายตรงนายใหญ่”ทักษิณ ชินวัตร ที่มีบุญคุณกันมาตั้งแต่ยังเป็นอัยการสูงสุด (อสส.) ซึ่งมีคำสั่งไม่ฟ้องคดี ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ฟ้องร้อง “ทักษิณ”รวมถึง สั่งไม่ฟ้อง อภิมหากาพย์การทุจริตจัดซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 900 ในโครงการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ

นอกจากนี้ ยังเป็น 1 ในกรรมการกฤษฎีกา ที่ได้ร่วมทำคำวินิจฉัยเรื่องเสร็จที่ 568-569/2549 เกี่ยวกับโครงการสลากพิเศษแบบเลขท้าย 2 ตัว 3 ตัว ว่าสามารถทำได้ ซึ่งภายหลังศาลฎีกาแผนดคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัยว่า โครงการดังกล่าวมีความผิด

หลังเกษียณอายุราชการในตำแหน่ง อสส. “ชัยเกษม”กลับมาอีกครั้ง ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดยได้รับการแต่งตั้งเป็น รมว.ยุติธรรม ที่คอยทำหน้าที่แก้ต่างกฎหมายให้กับรัฐบาล ขณะที่การเลือกตั้ง ส.ส. ปี 2557 ที่โมฆะ เจ้าตัวพุ่งขีดสุดอยู่ปาร์ตี้ลิสต์ในลำดับที่ 5 ของพรรค ซึ่งเป็นอันดับที่บรรดาแกนนำและนายทุนคนสำคัญเท่านั้นที่จะได้
 
“ชัยเกษม”ยังเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย”ที่ทำให้ “บิ๊กตู่”ทำรัฐประหาร หลังถูกถามในวงหารือที่สโมสรทหารบก วิภาวดีว่า จะลาออกหรือไม่ ก่อนที่รมว.ยุติธรรมรายนี้จะบอกว่า “นาทีนี้ไม่ลาออก”ทำให้ “บิ๊กตู่”ลุกขึ้นพูดว่า“อย่างนั้นนาทีนี้ผมขอยึดอำนาจ”

ในช่วงตกต่ำ ภายหลังรัฐประหาร “ชัยเกษม”ยังเข้าๆ ออกๆ พรรคเพื่อไทย และทำหน้าที่ตอบโต้ในแง่กฎหมายให้กับพรรคมาโดยตลอด

การมีชื่อมาปรากฏในสารบบ 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคในสนามเลือกตั้งหนนี้ จึงน่าจะเป็นยุทธศาสตร์ที่ “นายใหญ่”วางเอาไว้มากกว่าการดันเข้าสู่ผู้นำบริหารประเทศ
 
เรื่องความฮอต“ชัยเกษม”สู้ “เจ๊หน่อย”และ “ชัชชาติ”ไม่ได้แน่นอน แต่ในแง่ของกฎหมาย มีความเชี่ยวกรากมากกว่า ดังนั้น บทบาทที่ถูกวางเอาไว้ให้เล่นน่าจะเป็น “ประธานสภาผู้แทนราษฎร”

“ชัยเกษม”มีความดีเดือด และไม่เกรงกลัวฝ่ายอำนาจ แถมยังแม่นเรื่องข้อกฎหมาย พรรคเพื่อไทยเลยวางตัวมาให้คุมเกมในสภา หากชนะการเลือกตั้งหนนี้

แม้จะเป็นเรื่องยากกับเก้าอี้ดังกล่าว เพราะท็อปบูต คงไม่ยอมให้ตำแหน่งนี้อยู่ในมือของพรรคเพื่อไทย หาก “บิ๊กตู่”ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมใจ แต่อย่าลืมว่า ในการโหวตเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นลำดับแรก หลังจากรับรองผลการเลือกตั้ง ฟลอร์นี้ 250 ส.ว. เข้ามาจุ้นจ้านไม่ได้ เพราะไม่ใช่การโหวตเลือกนายกฯ

หากพรรคเพื่อไทย ไทยรักษาชาติ อนาคตใหม่ เสรีรวมไทย และ เพื่อไทย มี ส.ส.รวมกันเกิน 250 หรือเกินกึ่งหนึ่งของสภา พวกเขามีโอกาสที่จะโหวตเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรชนะ อย่างน้อยไม่ได้เก้าอี้ผู้นำฝ่ายบริหาร ก็ได้เก้าอี้ผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติ 

และมันจะเป็นงานยากของ“บิ๊กตู่”เพราะแม้จะมี ส.ว.250 ตอนโหวตเลือกนายกฯ แต่ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร จะเหลือเพียงแต่ส.ส. โอกาสที่จะโดนซักฟอก โจมตี รายวัน จะทำได้ง่าย ในเมื่อประธานใหญ่ ชื่อว่า “ชัยเกษม นิติสิริ”ผู้มีบาดแผลฝังใจกับ“บิ๊กตู่”ในวินาทีรัฐประหาร

ถ้าตัด 250 ส.ว. ออกไป ในสภา พรรคเพื่อไทยจะดูมีเพาเวอร์เอามากๆ ดังนั้น ทางเดียวที่จะสกัด “ชัยเกษม”ไม่ให้นั่งอยู่ในประมุขนิติบัญญัติได้ คือ พลังประชารัฐ และสารพัดพันธมิตร จะต้องโกยคะแนน ส.ส.รวมกันให้ได้ 250 คน เป็นอย่างน้อย เพื่อคอยอารักขา“บิ๊กตู่”ไม่ให้ถูกรุมกินโต๊ะ
 
เป็นช็อตหนึ่ง ที่คนเขียนกติกาลืมคิด มัวแต่พุ่งเป้าไปที่ตำแหน่งนายกฯ แต่ไม่ได้เอะใจถึงตำแหน่งประธานสภาฯ ที่มีความสำคัญ ในฐานะประธานรัฐสภา หรือ เบอร์ 1 ฝ่ายนิติบัญญัตินั่นเอง




กำลังโหลดความคิดเห็น