ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ครบรอบหนึ่งปีการตายของ “เสือดำ” แห่งทุ่งใหญ่นเรศวร เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์2562 ที่ผ่านมา กับวันเวลาในการตัดสินคดี ใครฆ่าเสือดำ? กำลังงวดใกล้กำหนดนัดในวันที่ 19 มีนาคม 2562 จะสาวถึงคนบงการที่แท้จริงได้หรือไม่ หรือว่าจะเป็นไปตามคาดหมาย มีคนพร้อมรับผิดแทน
แต่ไม่ว่าผลของคดีจะออกมาเช่นใด ชีวิตของ นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ ที่เข้าไปล่าเสือดำ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมพวกอีก 3 คน ก็เปลี่ยนไปตลอดกาล นายพรานใหญ่ที่ชื่นชอบการล่าเป็นชีวิตจิตใจต้องวางปืนและถูกสังคมพิพากษาไปเรียบร้อยก่อนศาลจะตัดสินคดี
เป็นด้านตรงกันข้ามกับ “หัวหน้าวิเชียร” นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี ที่สังคมต่างยกย่องเชิดชู ไม่แค่ไทยแต่ไปไกลถึงสากล โดยโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) มอบรางวัลเชิดชูเกียรติความกล้าหาญ, การสร้างสรรค์นวัตกรรม และความมีจริยธรรม ให้กับหัวหน้าวิเชียร จากการปฏิบัติหน้าที่บุกเข้าจับกุมนายเปรมชัย โดย UNEP ระบุว่า ในกรณีนายวิเชียรแม้จะไม่ใช่การทำงานป้องกันอาชญากรรมทางสิ่งแวดล้อมข้ามชาติ แต่ก็ถือเป็นความสำเร็จอันโดดเด่น คณะกรรมการจึงตัดสินใจมอบรางวัลยกย่องพิเศษ (Special Commendation) ให้แก่นายวิเชียร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยไม่เกรงกลัวอิทธิพล
คดีดังข้ามปี ใครฆ่าเสือดำ? #เสือดำต้องไม่ตายฟรี มีการวิเคราะห์แนวทางคดีจาก นายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ที่โพสในเฟซบุ๊คส่วนตัว ศศิน เฉลิมลาภ เมื่อวันที่ 5 ก.พ. 2562 “1 ปี คดีเสือดำ 4 คนเข้าป่าใครติดคุก?” ว่า เจ้าสัวเปรมชัย ประธานบริษัทอิตาเลียนไทยและคณะ แอบเอาปืนที่ใช้ล่าสัตว์เข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่พบซากเสือดำที่ถูกยิง คณะเดินทางทั้งหมดโดนจับดำเนินคดีทั้งร่วมกันล่าสัตว์ป่า และครอบครองซากสัตว์ป่า ผู้ต้องหาไม่รับสารภาพ สังคมเชื่อว่าเจ้าสัวเข้าไปมีจุดมุ่งหมายล่าสัตว์ และได้ยิงเสือดำ ครบรอบ 1ปี ศาลชั้นต้นมีกำหนดฟังคำพิพากษา วันที่ 19 มีนาคม 62
นายศศิน ได้วิเคราะห์รูปคดี ดังนี้
1.ครอบครองซากสัตว์ป่า ทุกคนคงปฏิเสธไม่ได้ แต่โทษไม่มากนัก โทษปรับคงโดนแน่ แต่โทษจำคุก เดาว่าอาจจะแค่รอลงอาญา อาจจะเพราะความผิดครั้งแรก
2.คดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่พบเห็นขณะก่อเหตุยิงเสือ ได้แต่รวบรวมพยานหลักฐานกล่าวโทษทุกคนที่ร่วมในคณะ ซึ่งประกอบไปด้วยตัวเจ้าสัวเปรมชัย หัวหน้าคณะ เจ้าของรถ เจ้าของปืน ลูกน้องคนสนิท เจ้าหน้าที่บริษัทอิตาเลียนไทย ผู้หญิงที่ไปทำครัวให้ และชาวบ้านที่ว่ากันว่าเป็นพรานป่า
3.จากข่าวที่ปรากฏพบว่าหัวหน้าคณะคือเจ้าสัวเปรมชัย ปฎิเสธไม่รับรู้ว่ามีซากเสือดำได้อย่างไร เพราะตนเองขับรถไปจากที่ตั้งแคมป์ กลับมาพบซากเสือดำ
4.เจ้าหน้าที่พบว่าคณะเปรมชัยนำหางเสือมาทำอาหารกินกันด้วย มีร่องรอยเลือดเสือในบริเวณนั้นชัดเจน และเป็นเลือดที่มี DNA เดียวกันที่มีดทำครัว และเขียงด้วย
5.การติดตามคดีทั้งหมดเมื่อเปรมชัยปฏิเสธ แต่มีประเด็นสำคัญระหว่างให้การคือ นายธานี ที่ว่ากันว่าเป็นพรานป่าพาไป ไม่ได้ขึ้นให้การทั้งสองครั้ง โดยอ้างว่าป่วย ไม่สามารถให้การได้ ดังนั้นอัยการจึงไม่ได้ซักถามพยานปากนี้ ดังนั้นจึงวิเคราะห์พอได้ว่าน่าจะไม่ได้การเชื่อมโยงการให้การไปหาเจ้าสัวเปรมชัย
6.ไม่มีใครรู้ความจริงในรายละเอียดที่เกิดขึ้นนอกจากคนทั้ง 4 คน
7.ผมเพียงหวังว่า ความความผิดของคณะผู้ต้องหาคดีนี้ จะปรากฏขึ้นตามความจริง และถูกลงโทษตามควรแก่เหตุจริงๆ เพื่อเป็นบรรทัดฐานของสังคม
ตอกย้ำถึงความคิดของนายศศินที่ว่า “การยิงเสือดำในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ผิดกฎหมายชัดเจน แต่ที่ผิดที่สุดคือการออกมาปฎิเสธความผิด ให้ลูกจ้างอีกสามคนเผชิญเคราะห์กรรม ต่อสู้ให้รอดพ้นความผิดด้วยเทคนิคกฎหมายผ่านการจ้างทนายความเก่งๆ ช่วยเหลือเพื่อให้ได้ไปถึงเป้าหมายนั้น
“ผิดที่สุดคือตั้งใจทำลายสังคม ให้สังคมเห็นว่าคนรวยทำผิดไม่ต้องติดคุก มีคนขายชีวิตแลกเศษเงิน ทำลายความตั้งใจรักษาป่าของเจ้าหน้าที่ทุ่งใหญ่ ทำลายความถูกต้องของกระบวนการยุติธรรม #1ปีเสือดำเปรมชัยทุ่งใหญ่ตะวันตก”
ขณะเดียวกัน นายศศิน ยังโพสต์รำลึกรำลึก 1 ปี เหตุการณ์ “เสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร” แบบที่ว่า สุดแสนจะเสียดายที่เจ้าสัวเปรมชัย เลือกเดินเส้นทางผิด ชีวิตเปลี่ยน ว่า “หนึ่งปีที่เสือดำทุ่งใหญ่จากไปท่ามกลางการรับรู้ของสาธารณะชนชีวิตเสือดำแลกมาด้วยการเปิดเผยด้านมืดของคนรวยเจ้าของบริษัทก่อสร้างที่ใหญ่โตและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศไทย
“นามสกุลของคุณเปรมชัย เป็นนามสกุลใหญ่ คุณพ่อเป็นนายแพทย์ และประสบความสำเร็จในการประกอบธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างดีกรีวิศวกรรมบัณฑิตจากโคโลราโดของบุตรชายคนเล็กผู้สืบสกุลกรรณสูตร บ่งบอกถึงโอกาสทางการศึกษา และความรู้ความสามารถ ที่นำมาต่อยอดบริหารกิจการของครอบครัว ขยายอาณาจักรก่อสร้างมหึมาครอบคลุมพื้นที่เกินประเทศไทยไปในระดับอาเซียน
“นี่เป็นชีวิตของคนหนุ่มที่ใช้ความรู้ความสามารถในการตัดสินใจ บริหารจัดการ อย่างน่าสนใจว่าเขาทำอย่างไรจึงเกิดมหาอาณาจักรใหญ่ได้ขนาดนี้ผมเชื่อว่าคุณสมบัติภายในภายนอกของเขาก็คงไม่ใช่ธรรมดาแต่นั่นก็ไม่ทำให้คนทั้งประเทศ หรือ เครือข่ายธุรกิจต่างชาติที่รู้จักเท่าวันที่เขาพาลูกน้องสามคนเข้าไปเที่ยวป่าเพื่อตอบสนองชีวิตด้านมืดของเขาในวันที่ร่วมกันล่าสัตว์ป่าในป่าอนุรักษ์ที่เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่ามรดกโลกทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก
“คุณเปรมชัย....วันที่คุณถูกเจ้าหน้าที่อนุรักษ์ป่าจับกุมสืบสวนและนำส่งตำรวจที่อำเภอทองผาภูมิพร้อมซากเสือดำที่เป็นหลักฐานในการกระทำผิดของพวกคุณ วันนั้นทำให้สังคมไทยพร้อมใจกันติดตามเรื่องของคุณและพร้อมใจกันแสดงออกในการไม่ยอมรับสิ่งที่คุณพาลูกน้องไปกระทำผิดเยี่ยงนั้นในป่าใหญ่ของพวกเรา
“หลังจากนั้นพวกเราได้รับรู้หลายเรื่องว่าป่าทุ่งใหญ่ยังคงอุดมสมบูรณ์และยังศักดิ์สิทธิ์ด้วยแรงศรัทธาของคนทำงานรักษาป่ารักษากฏหมาย และได้รับรู้พลังของสังคมไทยที่พร้อมใจกันที่จะร่วมปกป้องรักษา
“1 ปี ที่ผ่านมาแม้ชีวิตของเสือดำจะไม่ทำให้คุณสำนึกผิดและสารภาพ หรือกลับตัวกลับใจ แต่การสืบสวนสอบสวน ตลอดจนการไต่สวนของกระบวนการยุติธรรมในศาลคงทำให้คุณรับรู้อะไรบ้างว่าป่าอนุรักษ์ที่ยังมีเสือให้คุณยิง ไม่ได้อยู่คงสภาพสมบูรณ์ได้โดยธรรมชาติเหมือนสมัยรุ่นพ่อของคุณ หรือสมัยคุณหนุ่มๆที่รับงานมาสร้างเขื่อนเขาแหลมในป่าต่อเนื่องกันกับที่ตรงนี้
“แต่มันคงสภาพให้คุณเข้าไปท่องเที่ยวยิงสัตว์ป่าได้แบบนี้เพราะมีคนเสียสละทุ่มเทรักษาไว้และพวกคุณนับว่าโชคดีที่ได้รู้จักกับหัวหน้ารุ่นนี้ที่ชื่อวิเชียร ชิณวงษ์ และทีมเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าของทุ่งใหญ่อีกหลายคนแต่เสียดายเหลือเกินที่แทนที่คืนนั้น คุณจะได้ตั้งแคมป์ริมลำห้วยใส ที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช สนทนาแลกเปลี่ยนประสบการณ์รับรู้เรื่องราวการรักษาป่าของพวกเขา ซึ่งเป็นโลกอีกด้านที่เจ้าสัวที่รวยล้นจากงานก่อสร้างบุกเบิกทำลายป่าอย่างคุณจะได้เข้าใจเผื่อจะได้ให้กำลังใจคนทำงานรักษาป่าให้คงอยู่เหลือจากงานพัฒนาของคุณที่สร้างความสะดวกสบายให้พวกเรา เป็นสมดุลที่คงไว้ให้บรรเทาภัยพิบัติ เป็นต้นน้ำลำธาร คงสภาพฤดูกาล และเป็นที่อยู่ของชีวิตสปีชีส์อื่นนอกจากมนุษย์บ้าง
“ดีไม่ดีคุณอาจจะมีความรู้ ความคิดเห็นดีๆ จากความสามารถของคุณแนะนำอะไรที่จะเป็นประโยชน์จากพวกเขา และนำเรื่องราวกลับไปเล่าให้เพื่อฝูงคนรวยของคุณฟังบ้างว่า มีโลกอีกด้านที่ซ่อนตัวอยู่อย่างสง่างดงาม
“ไม่แน่นะ ผ่านมาหนึ่งปีวันนี้ เราอาจจะได้คุณมาร่วมเป็นพรรคพวก เครือข่ายร่วมมือในการอนุรักษ์ป่าก็ได้ ใครจะรู้ เพราะดูแล้วคุณก็ดูจะเป็นผู้ชายที่ชอบกิจกรรมเอาท์ดอร์เสียขนาดนั้นเสียดายที่คุณไม่ก้าวข้ามความต่างเส้นบางๆเส้นนั้นเข้ามา พวกคุณเลือกที่จะหยุดกลางทาง หลบซ่อนมิตรภาพของป่า ที่เจ้าหน้าที่ตระเตรียมต้อนรับคุณที่ลานกางเต็นท์สวยงามริมลำห้วยที่หน่วยพิทักษ์ป่าลึกเข้าไปอีกไม่ไกล
“คุณไม่รับมิตรภาพนั้น ด้วยการลั่นกระสุนปลิดชีวิตเสือดำ ที่กลางระบบนิเวศที่ถูกดูแลรักษาไว้อย่างทุ่มเทเสียสละของนักอนุรักษ์มากมายผมเสียดายแทนค่ำคืนนั้นของคุณเสียดายโอกาสที่เช้าวันรุ่งขึ้นคุณจะได้จิบกาแฟกับเสียงน้ำไหลในลำธารสวย ทักทายสารทุกข์สุขดิบกับเจ้าหน้าที่ ดีไม่ดีจะได้ถูกรับรองเลี้ยงข้าวมื้ออร่อยแบบคนรักษาป่าน้ำพริกปลากระป๋อง ไข่ต้ม กุนเชียง ผักสด กับหัวหน้าวิเชียรซึ่งผมเชื่อว่าอร่อยไม่น้อยกว่าต้มหางเสือดำหม้อนั้นเพราะมันจะเจือด้วยมิตรภาพและความจริงใจของพวกเขา
“กำลังใจจากคนใหญ่คนโตของพวกคุณที่เข้าใจ เห็นอกเห็นใจของพวกคุณที่จะแลกเปลี่ยนให้เขา นี่จะเป็นสิ่งที่เปี่ยมล้นคุณค่ามากกว่าวัตถุประเภท เสื้อผ้า รองเท้า อะไรที่คุณเสนอให้เขาหลังคุณกระทำความผิดมากมายนักและผมเชื่อว่าหากเป็นอย่างนั้น คุณกับพวกจะขับรถออกจากป่าด้วยสายตาที่มองป่ามองสัตว์ป่าด้วยทัศนะที่เปลี่ยนไป แมกไม้ ร่มไผ่ที่คุณจะขับรถผ่านออกมากว่าจะถึงเส้นทางถนนนอก มันจะสวยงามในอีกแบบ เป็นการกลับจากป่าที่อิ่มอกอิ่มใจ ได้พลังกลับมาทำการงานอะไรของคุณต่อไปในเมือง
“เสียดายค่ำคืนนั้นของคุณ คุณพลาดที่จะหยุดชีวิตของคุณที่อีกห้วยหนึ่ง บนกลิ่นคาวเลือด เชือดเนื้อลอกหนัง ทาเกลือบนซากหนังสดผืนนั้นด้วยความปราถนาจะนำมันแอบซ่อนกลับมาจากป่าเพื่อโอ้อวดชีวิตที่แอบเข้าไปทำผิดของคุณกับพรรคพวกรสนิยมเดียวกันผมเสียดายเส้นทางออกจากป่าของคุณแทนที่จะอิ่มท้องอิ่มใจออกจากป่า กลับมาต้องเหน็ดเหนื่อย หวาดกลัว จากความผิด ถูกคุมตัวออกมาส่งตำรวจและหลังจากนั้นทั้งปีที่ผ่านมา ผมเดาว่าชีวิตพวกคุณคงเปลี่ยนไปมาก และน่าจะไม่ได้เปลี่ยนไปในทางที่ดีสุขสบายขึ้นแน่นอนผมเสียดายแทนคุณจริงๆนะคุณเปรมชัย
561 ทนายจำเลยแจ้งต่อศาลว่า พยานปากที่เหลือนั้นไม่สามารถเดินทางมาได้ จึงขอสืบพยานจำเลยเพียง 4 ปากเท่านั้น และประสงค์จะยื่นแถลงการณ์ปิดคดี โดยวันที่ 25 ม.ค. 2562 ทั้งฝ่ายโจทก์ - จำเลย ได้ยื่นแถลงการณ์ปิดคดีนี้ ต่อศาลจังหวัดทองผาภูมิ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และศาลนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 มี.ค. 2562
คดีใกล้ถึงบทสรุปสุดท้ายแล้ว จับตากันให้ดี #เสือดำต้องไม่ตายฟรี
“เพียงแค่วันนี้ของปีที่แล้ว คุณจะไม่จอดรถที่ห้วยปะชิและขับไปกางเต็นท์ พักผ่อนที่ริมห้วยข้างหน่วยพิทักษ์ป่า ชีวิตคุณก็อาจจะเปลี่ยนไปเหมือนกันเพียงแต่เป็นอีกด้านหนึ่งต่างจากวันนี้ของคุณที่คงผ่านความเหนื่อยยากมามากมาย และมันก็ยังไม่จบลงง่ายๆเพราะคุณยังไม่สำนึก และยังขยายความผิด ไปสู่พรรคพวก หาทางแลกเปลี่ยนทรัพย์สินล้นฟ้ากับเทคนิคต่างๆทางกฏหมายและซื้อชีวิตคนอื่น มาแลกกับลดการรับโทษผิดของคุณ .... โชคดีเถอะนะครับคุณเปรมชัย #1ปีเหตุการณ์เสือดำทุ่งใหญ่”
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะถึงวันพิพากษาคดีในวันที่ 19 มี.ค. 2562 มาย้อนไทม์ไลน์สำคัญใครฆ่าเสือดำทุ่งใหญ่นเรศวร กันเล็กน้อย
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 ตามบันทึกการจับกุมของหัวหน้าวิเชียร สรุปรวมความได้ว่า การกางเต็นท์พักแรมบริเวณริมลำห้วยปะชี ของคณะนายเปรมชัย และพวก พบการกระทำผิดจากการตรวจสอบพื้นที่พบปลอกกระสุนปืน ซากเครื่องในสัตว์ และซากสัตว์ต่างๆ รวมทั้งปืนที่ซุกซ่อนอยู่ในบริเวณที่ตั้งแคมป์ จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คนไปยังสำนักงานเขตฯทุ่งใหญ่นเรศวร ตะวันตก
เช้าวันที่ 5 ก.พ. 2561 หน.วิเชียร นำทีมเข้าตรวจสอบพื้นที่อีกครั้ง พบซากเสือดำที่ชำแหละเรียบร้อยแล้วซุกซ่อนอยู่ และได้แจ้งข้อกล่าวหาให้ทั้ง 4 คน รับทราบก่อนนำตัวส่งให้พนักงานสอบสวน จากนั้นกระแสข่าวสะพัดจับกุมประธานอิตาเลียนไทย ก็ดังสนั่น หลังจากนั้น ยังมีรายการค้นบ้านนายเปรมชัย พบงาช้างจำนวน 4 กิ่งที่ไม่มีใบอนุญาตครอบครอง นำมาซึ่งการฟ้องร้องคดีงาช้างอีก ต่อมา ในวันที่ 6 ก.พ. นายเปรมชัยและพวก ได้รับประกันตัว ท่ามกลางกระแสเรียกร้อง #เสือดำต้องไม่ตายฟรี
จากนั้น 2 มี.ค. 2561 นายเปรมชัย และพวก เดินทางไปให้ปากคำครั้งแรก ที่ สภ.ทองผาภูมิ ก่อนวันที่ 13 มี.ค. 2561 จะดำเนินการสั่งฟ้องใน 9 ข้อหา กระทั่งวันที่ 30 เม.ย. 2561 อัยการแถลงผลงานการสั่งฟ้อง นายเปรมชัย 6 ข้อหา ส่วนผู้ต้องหารายอื่นๆ คนละ 5-8 ข้อหา
ขณะที่ทนายของนายเปรมชัย ขอโอนคดีเสือดำไปยังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ เพราะมีข้อกล่าวหาเรื่องการติดสินบนเจ้าหน้าที่ ศาลได้ใช้เวลาพิจารณาเกือบ 3 เดือน และเมื่อ 27 ส.ค. 2561 ประธานศาลอุทธรณ์มีคำวินิจฉัยว่า คดีเสือดำอยู่ในอำนาจศาลทองผาภูมิ ทำให้สิ้นสุดการยื้อเวลาอีกต่อไป
ศาลทองผาภูมิ นัดวันสืบพยาน โจทย์-จำเลย ระหว่างวันที่ 27 พ.ย. - 18 ธ.ค. 2561 รวม 10 นัด โดยห้ามมิให้ทั้งสองฝ่าย นำข้อมูลในห้องพิจารณาคดีออกมาเผยแพร่เด็ดขาด เมื่อถึงกำหนดนัด 27 พ.ย. 2561 สืบพยานโจทย์ครั้งแรก หัวหน้าวิเชียร และ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล ขึ้นเบิกความซึ่งพยานโจทย์ทั้งหมดจำนวน 32 ปาก
จากนั้น 19 ธ.ค. 2561 นายเปรมชัย ขึ้นสืบพยานจำเลยเป็นปากแรก จากทั้งหมด 17 ปาก และทนายจำเลย แจ้งลดจำนวนพยานลงเหลือเพียง 6 ปาก และท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 26 ธ.ค. 2