ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - นับเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ต้องจารึกในบันทึกประวัติศาสต์ชาติไทยอีกเหตุการณ์หนึ่งเลยทีเดียว สำหรับพิธีพระราชทานเพลิงศพ พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ จังหวัดนครราชสีมา อริยสงฆ์แห่งที่ราบสูงที่มีลูกศิษย์ลูกหาเคารพศรัทธาทั้งประเทศ
ทั้งนี้ นับตั้งแต่วันที่ 22 - 28 มกราคม2562 คลื่นสาธุชนจากทั่วทุกสารทิศ เดินทางมายัง ศูนย์ประชุมอเนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น และฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวง พระอารามหลวง เพื่อร่วมพิธีสวดพระอภิธรรม วางดอกไม้จันทน์ และกราบสรีรสังขารอย่างเนืองแน่น ก่อนที่จะมีพิธีพระราชทานเพลิงสรีรสังขารในวันที่ 29 มกราคม 2562เวลา 22.15 น. ณ เมรุลอยนกหัสดีลิงค์ฌาปนสถาน ชั่วคราววัดหนองแวง พระอารามหลวง ซึ่งอยู่บริเวณด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน จังหวัดขอนแก่น
จากนั้นในวันที่ 30 มกราคม 2562 ได้มีพิธีลอยอังคารเถ้าอัฐิบริเวณพระธาตุหล้าหนอง พระธาตุกลางลำน้ำโขง จ.หนองคาย ท่ามกลางสาธุชนสองฝั่งไทย-ลาว เฝ้าอธิษฐานจิตน้อมส่งดวงวิญญาณ “เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด” สู่ดินแดนพระนิพพาน
หลวงพ่อคูณ เป็นอริยสงฆ์แห่งที่ราบสูง ซึ่งเป็นที่เคารพเลื่อมใสศรัทธาของประชาชนเป็นจำนวนมาก ด้วย “ทานบารมี” ที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ให้ตั้งแต่ที่ยังมีชีวิตกระทั่งละสังขารไป อีกทั้ง “มรดกธรรม” ของหลวงพ่อที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ยุคกี่สมัยก็นำมาปรับได้ในทุกสถานการณ์
แม้อาจไม่รื่นหูสำหรับบางคน แต่ก็เป็นคำสอนที่ลึกซึ้งกินใจและใช้เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตได้เป็นอย่างดี
ยกตัวอย่างเช่น “10 คำคม กูให้มึง” ที่ลูกศิษย์ลูกหาจำกันได้ดี
1. ยิ่งเอามันยิ่งอด ยิ่งสละให้หมดมันยิ่งได้
2. กูให้พวกมึง รู้จักพอเพียง
3. กูทำดี เขาจึงให้ของดีกูมา
4. กูไม่เคยยินดียินร้ายในลาภยศสรรเสริญ
5. กูดีใจที่เกิดมาเป็นคนจนเพราะได้สร้างทานบารมี ถ้ากูเกิดมาเป็นคนรวย ป่านนี้ คำว่าบุญ ก็ไม่รู้จักกัน
6. เงินเป็นทาสกู กูไม่ยอมเป็นทาสเงิน
7. การทำตัวให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่นั้นง่าย แต่จะสร้างสมบุญให้มีบารมีนั้นเป็นเรื่องยาก ต้องเป็นผู้ให้ด้วยธรรมอันบริสุทธิ์จริง
8. กูจะทำให้ชาวบ้าน เพื่อตอบแทนข้าวน้ำ ที่เขาให้กูกินทุกวัน
9. เกิดมาแล้ว…รักความสงบ ให้มีศีลธรรมไว้ประจำใจทุกๆ คน โลกจะได้อยู่ชุ่มกินเย็น
10. พระไม่ได้อยู่กับคนชั่วแต่อยู่กับคนดี ให้นึกว่าพระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท
หรือคำสอนอื่นๆ อันเป็นสัจธรรมของชีวิต เรียบง่าย ลึกซึ้ง
อาทิ “อย่ามัวมองคนอื่นว่าเขาไม่ดี แต่เราต้องมองตนเองก่อนว่าดีพอหรือยัง” หรือ “คนเราเมื่อมีเมตตาให้กับผู้อื่น ผู้อื่นเขาก็จะให้ความเมตตาตอบสนองต่อเรา ถ้าเราโกรธเขา เขาก็จะโกรธเราตอบเช่นกัน ความเมตตานี่แหละ คืออาวุธ ที่จะปกป้องตัวเราเอง ให้ไปได้ตลอดรอดฝั่ง เป็นอาวุธที่ใครๆ จะนำเอาไปใช้ก็ได้ จัดว่าเป็นของดีนักแล”
แน่นอน สิ่งที่ญาติโยมจดจำหลวงพ่อคูณก็คือเอกลักษณ์ ท่านั่งยองๆ และถือไม้เคาะหัวให้ศีลให้พร บางคนเคาะศีรษะแล้วเกิดสมหวังดังใจปรารถนา นับเป็นความมหัศจรรย์เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เชื่อกันว่า เกิดขึ้นจาก “อำนาจแห่งฌาน” ที่หลวงพ่อคูณดำรงอยู่ตลอดเวลา
หลวงพ่อคูณมีชื่อเสียงในการสร้างวัตถุมงคล ตามประวัติท่านสร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกตั้งแต่สมัยบวชได้ประมาณ 7 พรรษา เริ่มจากตะกรุดโทน ตะกรุดทองคำ เพื่อฝังที่ใต้ท้องแขน ณ วัดบ้านไร่ ราวปี 2493
หลวงพ่อบอกกับผู้มาขอเสมอว่า “ใครขอ กูก็ให้ ไม่เลือกยากดีมีจน”
พระเครื่องหลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่นั้นเป็นที่นิยมและโด่งดังมีชื่อไปถึงระดับต่างประเทศ เป็นที่หมายปองของลูกศิษย์ลูกหาและนักสะสมพระเครื่อง ซึ่งหลวงพ่อเคยสอนเกี่ยวกับวัตถุมงคลเอาไว้อีกด้วย อาทิ
“วัตถุมงคลเหมือนเปลือกไม้ หากผ่านเปลือกไปได้ท่านก็จะถึงแก่น ซึ่งการฝ่าเปลือกไม้ไปได้ท่านต้องรู้จักให้ทาน...”
“วัตถุมงคลของกู เน้นไปทางคลาดแคล้ว และปลอดภัยก็พอแล้ว แต่ไอ้คนที่เอาของกูไปใช้ ถ้ามันประพฤติปฏิบัติตัวไม่ดี คุณพระก็ไม่คุ้มครองดอก...”
“อย่าได้พากันประมาทและอย่าหลงงมงายเด้อ การที่พวกมึงมีวัตถุมงคลติดตัว ไม่ใช่ว่าจะทำให้เราเป็นคนเก่งกล้าสามารถนึกโอ้อวด หยิ่งยะโสโอหัง เรื่อยไปไม่ได้ แต่ให้ระลึกอยู่เสมอว่าพระมากับเรา พระไม่อยู่กับคนชั่ว จะอยู่กับคนดี ให้นึกเสียว่า พระมากับเราจะทำชั่วไม่ได้ อย่าทำตัวผิดศีลธรรม ผิดจารีตประเพณี โดยเฉพาะการกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง ให้ตั้งอยู่ในความไม่ประมาทมีเมตาธรรม...”
หลวงพ่อคูณ อริยสงฆ์ผู้มีเมตตาเป็นพระนักพัฒนา นัยหนึ่งของการสร้างวัตถุมงคลขึ้นมาก็เพื่อหาทุนขจัดความเดือดร้อนแก่ญาติโยมทั้งหลาย สร้างโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีตำรวจ วัดวาอารามต่างๆ ท่านนำเงินที่ญาติโยมมาถวายมาทำบุญไปบริจาคสร้างสาธารณประโยชน์ต่างๆ
สร้างวิทยาลัยเทคนิค หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ที่ อ.ด่านขุนทด ใช้งบประมาณในการก่อสร้างกว่า 450 ล้านบาท เพื่อให้ลูกหลานชาวด่านขุนทด ได้มีสถานที่เรียน ไม่ต้องเดินทางไปเรียนยังต่างจังหวัดไกลๆ เสียค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ ท่านได้บริจาคเงินทองเพื่อช่วยเหลือสาธารณสุขต่างๆ แต่ละเดือนเป็นเงินหลายแสนบาท และก่อนละสังขารด้วยวัย 92 ปี ในปี 2558 ซึ่งหลวงพ่อได้ระบุชัดในพินัยกรรมเรื่องการบริจาคร่างกายเป็นครูใหญ่ ให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยของแก่น เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์สืบต่อไป
นอกจากนี้ หลวงพ่อคูณ มักพูดกับลูกศิษย์ใกล้ชิดเสมอว่า “พวกมึงจงฟังกูเอาไว้ให้ดี เงินที่เขาถวายกู มานั้นมันไม่ใช่เงินของกู เขาฝากให้กูสร้างโรงพยาบาล โรงเรียน สร้างวัดวาอารามที่เขาเดือดร้อน ไปเอาของเขามาเป็นของเรานั้นไม่ได้ เงินที่เขาบริจาคมา เขายกเงินขึ้นเหนือหัวแล้วอธิฐาน ฝากให้กูเป็นธุระให้ในการก่อสร้างสาธารณกุศล อย่าได้ไปหลงว่ามันเป็นเงินของเรา หากพวกมึงไม่เชื่อกู พวกมึงจงจำเอาไว้ให้ดี สัมมาอย่างไร ก็สัมไปอย่างนั้น”
แม้กระทั่งก่อนละสังขาร หลวงพ่อคูณได้ทำพินัยกรรมเพื่อจัดการทุกอย่างให้ดำเนินไปอย่างเรียบร้อยที่สุด ท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า “กูเองไม่อยากเป็นภาระกับคนอื่น เมื่อตายไปแล้วก็อยากให้ทุกคนได้ดำเนินการทุกอย่างตามที่ได้ระบุเอาไว้ในพินัยกรรม โดยกูเองก็ได้ให้ลูกศิษย์ทั้งสี่คนเป็นผู้ดูแลทุกอย่าง หลังที่กูตายไปแล้ว ส่วนเหตุผลที่กูให้เผาศพกู ก็เพราะกูไม่อยากให้เป็นภาระ ไม่อยากให้เกิดการแสวงหาประโยชน์ใดๆ จากตัวกู...”
ทั้งนี้ แม้สิ้นสรีรสังขารแต่คุณงามความดีและคำสอนของ “เทพเจ้าแห่งด่านขุนทด” จะเป็นตำนานอมตะนิรันดรให้กับบรรดาศิษยานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนสืบไป