อดีตปธน.ริชาร์ด นิกสัน ซึ่งเป็นประธานาธิบดีถึง 1 สมัยครึ่ง เพราะในสมัยที่ 2 ของเขา ต้องตัดสินใจลาออกหลังจากรับตำแหน่งได้เพียงประมาณ 2 ปี ไม่อย่างนั้นก็จะต้องถูกถอดถอนจากสภา จากความผิดในการให้การเท็จ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม ทั้งๆ ที่พรรครีพับลิกันของเขาครองเสียงข้างมากใน 2 สภา...แต่หลักฐานเรื่องที่สนง.ใหญ่พรรคเดโมแครต ถูกแอบบุกเข้าไป (ที่อาคารวอเตอร์เกต) เพื่อไปแอบซุกซ่อนติดตั้งไมโครโฟน เพื่อแอบดักฟังความลับของพรรคเดโมแครต และเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ริชาร์ด นิกสัน ชนะเลือกตั้งเป็นปธน.ครั้งที่ 2 ในปี 1972 ด้วยคะแนนนิยมที่สูงมาก แต่ก็ต้องมาตกม้าตายด้วยการตัดสินใจชิงลาออกก่อนจะถูกถอดถอนจากสภา โดย ส.ส.และ ส.ว.ฝ่ายรีพับลิกันนั่นแหละ ที่ทนฝืนต่อหลักฐานและการกระทำของนิกสัน ที่ถูกเปิดเผยโดยอัยการพิเศษที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภา จนต้องยอมเปลี่ยนจุดยืนมายกมือเพื่อถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งปธน. (มิฉะนั้น เหล่าส.ส. ส.ว.เหล่านี้ก็จะถูกฐานเสียงของตนลงโทษ ว่ายังไม่ยกมือต่อต้านการถอดถอนนิกสัน ทั้งๆ ที่หลักฐานออกมาชัดถึงการกระทำผิดของนิกสัน ทั้งให้การเท็จต่ออัยการพิเศษ และขัดขวางกระบวนการยุติธรรม-โดยไปปลดรมต.และรมช.ยุติธรรม เพราะรัฐมนตรีทั้งสองไม่ยอมปลดอัยการพิเศษตามการกดดันของนิกสัน)
นิกสันจะชูมือทั้งสองข้างเป็นรูปตัว “V” คล้ายๆ กับที่อดีตนายกฯ อังกฤษ (เซอร์ วินสตัน เชอร์ชิล) ชูมือเป็นกำลังใจให้แก่คนอังกฤษ และฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตัว “V” เป็นอักษรย่อว่า “Victory” คือ ชัยชนะของอังกฤษและสัมพันธมิตร ที่จะต้องชนะเท่านั้นต่อฝ่ายนาซีหรือฝ่ายอักษะของฮิตเลอร์และมุสโสลินี
สำหรับนิกสัน จะมีถึง 2 “V” คือ Double Victories คือมากกว่าชนะครั้งเดียว...แล้วกลับต้องแพ้ในสภาจนเกือบหวิดถูกถอดถอนอย่างเป็นทางการ
ล่าสุด มีภาพของนายโรเจอร์ สโตน มือเซียนนักเล่ห์กลทางการเมืองอย่างโชกโชน ที่จงรักภักดีต่อนิกสันมาก (ทั้งๆ ที่สมัยเป็นเด็กนักเรียนมัธยม เคยช่วยฝ่าย John F.Kennedy หาเสียงแข่งกับนิกสัน...ขณะเขายืนเข้าแถวรอตักอาหารในโรงอาหารทุกครั้ง ได้เริ่มพูดคุยกับเพื่อนๆ นักเรียนในแถวว่า...มีข่าวว่า นิกสันสนับสนุนให้นักเรียนทั่วสหรัฐฯ ต้องเรียนหนังสือในวันเสาร์ด้วย เท่านั้นเองกับข่าวโคมลอยเป็น Fake News ที่เขาสร้างขึ้นเพื่อทำลายนิกสัน...และการเลือกตั้งครั้งนั้น... JFK ชนะขาดลอย)
โรเจอร์ สโตน ฉายแววมือเล่นกลทางการเมืองตัวฉกาจมาตั้งแต่เด็ก จนเมื่อเร็วๆ นี้ทาง Netflix ได้ทำสารคดีชื่อ “Get Me Roger Stone” คือ “ให้ไปตามตัวโรเจอร์ สโตน มาเดี๋ยวนี้” เพื่อหาทางแก้ลำจากฝ่ายเสียเปรียบ พลิกเป็นรุกทางการเมืองทันที ซึ่งวีรกรรมช่วยทรัมป์ขณะกำลังเพลี่ยงพล้ำทางการเมืองสุดขีด เมื่อมีการปล่อยเทป (Access Hollywood) ที่อัดไว้เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ออกมาเผยให้เห็นความกักขฬะของทรัมป์ต่อสตรีเพศ เป็นการอัดเทปโดยทรัมป์ไม่รู้ตัวว่าไมโครโฟนยังเปิดอยู่
นั่นเป็นบทบาทที่โรเจอร์ สโตน ถนัดมาก จึงมีการมอบหมายจากผู้สั่งการหมายเลข 1 (หมายถึงทรัมป์) ถึงหมายเลข 2 ให้ไปตามโรเจอร์ สโตน มา...นี่เป็นสำนวนที่อัยการพิเศษขอให้ศาลออกหมายจับนายโรเจอร์ สโตน กรณีการล้วง E-mail ความลับระหว่างฮิลลารี คลินตัน และผู้จัดการฝ่ายหาเสียงของเธอ นาย John Podesta...วิธีการคือ ความลับนี้ได้มาจากหน่วยงานข่าวกรองของรัสเซีย แล้วนำมาให้นายโรเจอร์ สโตน เพื่อนำไปเผยแพร่ผ่านวิกิลีกส์ของนายJulian Assange ที่แอบพำนัก (หนีหมายจับของสหรัฐฯ) อยู่ที่สถานทูตเอกวาดอร์ในลอนดอน
ใน E-mail นี้มีความเห็นขัดแย้งหลายๆ อย่างที่ John Podesta ได้เขียนบ่นให้ลูกน้องเขาฟังว่า ฮิลลารีดื้อและไม่ยอมออกมารับผิดในที่สาธารณะกับกรณีเธอไปยกมือ (สมัยเป็น ส.ว.นิวยอร์ก) มอบอำนาจให้ปธน.บุช บุกแบกแดด เพื่อโค่นซัดดัม ฮุสเซน ด้วยข้อกล่าวหาว่า ซัดดัมกำลังสะสมอาวุธร้ายแรง (Weapons of mass destruction) เช่น ปรมาณู, เคมี, ชีวภาพ ซึ่งต่อมาพิสูจน์ได้ว่า ซัดดัมไม่มีอาวุธร้ายแรงเหล่านี้เลย และ John Podesta พยายามกล่อมให้ฮิลลารี ออกมายอมรับว่า เป็นการยกมือที่ผิดก็ด้วยหลักฐานขณะนั้นทำให้เธอตัดสินใจผิด...แต่เธอไม่ยอมท่าเดียว...จนใกล้จะลงคะแนนเลือกปธน.ปี 2016 แล้ว เธอถึงทำตามที่ John Podesta แนะนำ
ข้อมูลความดื้อของฮิลลารีกับสงคราม Iraq War ได้ถูกเผยออกมาในวิกิลีกส์ ก็ด้วยฝีมือของโรเจอร์ สโตน นี้แหละ และเป็นข้อมูลทำลายผู้ที่จะลงคะแนนให้ฮิลลารี (ทั้งคนที่อาจเคยรักเธอ หรือคนที่เป็นอิสระ)
เช้าตรู่เกือบ 6 โมงเช้าที่ Fort Lauderdale ที่รัฐฟลอริดา วันศุกร์ที่ 25 มกรา หน้าบ้านของโรเจอร์ สโตน มีกองทัพ FBI ไปเปิดไฟ (ยังมืดอยู่) ตะโกนพร้อมหมายจับให้มอบตัว ทำให้โรเจอร์ สโตน โกรธมาก เขาถูกหมายศาลไปเข้าคุก แต่ในที่สุดก็ได้ประกันตัวสูงถึง 250,000 เหรียญ (เกือบ 10 ล้านบาท) โดนเข้าไป 7 กระทง-มีทั้งการให้การเท็จ (กับคณะลูกขุนใหญ่ที่อัยการพิเศษจัดทำสอบเรื่องบทบาทของเขาต่อการประสานกับฝ่ายรัสเซีย และนำข้อมูลลับไปเผยแพร่ทำลายคู่แข่งของทรัมป์ ซึ่งเขาปฏิเสธโดยสิ้นเชิง) รวมทั้งการขัดขวางกระบวนการยุติธรรม และการข่มขู่พยาน (ก็คนที่รู้เห็นกับการสั่งของทรัมป์ ผ่านคนที่มาตามเขานั่นเอง)
พอศาลให้ประกันตัว แต่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เขาก็ชู 2 มือแบบนิกสันเป๊ะ เพื่อแสดงว่า เขาคลุกอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่เขาอายุแค่ 19 เท่านั้น ที่ไปช่วยหาเสียงให้ทั้งเรแกน, ต่อมาก็คุณพ่อบุช และมีกลวิธีที่ Attack, Attack และ Attack เท่านั้น จะไม่ยอมเป็นฝ่ายตั้งรับในการเมือง จนมาตั้งสำนักงานวิ่งเต้น (lobbyist firm) พร้อมกับอดีตประธานหาเสียงคนที่สองของทรัมป์คือนายPaul Manafort กลายเป็นบริษัทวิ่งเต้นที่โด่งดังมากในยุค 1980’s และสูงสุดปี 1990’s มีบริษัทใหญ่ๆ เป็นลูกค้าเช่น News Corp ของ Rupert Murdoch และผู้นำเผด็จการมือเปื้อนเลือดเต็มไปหมด เช่น F.Marcos, นายพลMobutu Seko แห่ง Congo และบริษัทของทรัมป์ก็เป็นลูกค้ามาตั้งเกือบ 40 ปีที่แล้ว
เขาใกล้ชิดกับนักการเมืองระดับสำคัญๆ ของพรรครีพับลิกัน โดยเป็นที่ปรึกษาทั้งอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการของปธน.รีพับลิกันมาแทบทุกคนในช่วงชีวิตของเขา โดยเฉพาะกับนิกสัน ที่โรเจอร์ สโตน สามารถช่วยพลิกให้นิกสันชนะถล่มทลายที่นิวยอร์กได้โดยวิธีแยบยล จนเมื่อนิกสันออกมาจากทำเนียบขาวแล้ว เขาก็รับใช้นิกสันในฐานะตัวแทนติดต่อกับทำเนียบขาว...เขาลงทุนสักรูปหน้านิกสันไว้ที่ต้นคอ เพื่อแสดงว่าเขาใกล้ชิดนิกสันขนาดไหน
พอได้ประกันตัวออกมาบ่ายวันศุกร์ เขาก็พูดทันทีว่า จะไม่มีทางเปิดปากให้การทำลายทรัมป์ เหมือนกับอดีตทนายความส่วนตัว (Michael Cohen) ของทรัมป์เคยพูดเอาไว้
แต่พอทรัมป์รีบทวีตว่า นายโรเจอร์ สโตน ไม่ได้อยู่ในทีมหาเสียงของทรัมป์ช่วง 2015-16 เลย เป็นการตัดเชือกของทรัมป์ (ต้องตัดความสัมพันธ์ว่า-ไม่รู้ ไม่เห็นกับการกระทำใดๆ ของหลายคนที่อยู่ในทีมหาเสียงของทรัมป์ ทั้งอย่างเป็นทางการ และไม่เป็นทางการ) นายโรเจอร์ สโตน ก็เดินสายไปตามรายการทีวี และพูดว่า จะให้ความร่วมมือกับอัยการพิเศษ ซึ่งเขาอาจให้ความร่วมมือพูดความจริงที่จะทำให้ทรัมป์ต้องลำบาก (ในฐานะผู้สั่งการ) อย่างที่จำเลยหลายคนที่อัยการพิเศษสามารถต่อรองลดโทษเพื่อแลกกับการพูดความจริงเรื่องทรัมป์กับการสมคบกับรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้ง
นี่เป็นใบเสร็จอีกใบที่กำลังจะมัดตัวทรัมป์ให้ดิ้นไม่หลุด และอาจนำไปสู่การถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งได้