xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

24มีนาฯ เลือกตั้งชัด แต่"ยุบพรรค"ยังต้องระแวง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ชุดใหญ่ไฟกระพริบ วันเดียวรู้เรื่อง หลังมีพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งออกมาในช่วงสาย คล้อยบ่ายเกือบเย็น คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เด้งรับ ประชุมเคาะวันเลือกตั้งทันควัน ไม่รีรอขอใช้โควตา 5 วันเต็มลิมิต

ช้ากว่ากำหนดการเดิม 1 เดือน เลื่อนมา 24 มีนาคม ให้ประชาชนเดินเข้าคูหา ขณะที่วันรับสมัครส.ส. กกต. เคาะเป็น 4-8 กุมภาพันธ์ ทุกอย่างลงล็อก ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งหรือหวาดระแวงว่าการเลือกตั้งจะเจอ“โรคเลื่อน”เล่นงานอีกต่อไป

ทำเอาหลายกลุ่ม โดยเฉพาะ “คนอยากเลือกตั้ง”ที่ออกมาป้วนเปี้ยนกดดันทุกโมงยาม สงบปากสงบคำ หลังกกต.เกาให้จนหายคันเป็นที่เรียบร้อย

ต่อแต่นี้ ไม่มีเรื่องให้ออกมาปั่นป่วน เพราะได้สิ่งที่ประสงค์สมใจแล้ว หากยังหาเงื่อนไขเคลื่อนไหว จะกลายเป็นตัวปัญหาและคงไม่มีใครให้ราคา เพราะทุกสายตาพุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้ง และบรรยากาศหาเสียง

ขณะที่หุ้นในกระดานทะยานขึ้นเป็นประวัติการณ์ สถานการณ์ในประเทศภาพรวม“สุดแฮปปี้”สมหวังที่จะได้เลือกตั้ง หลังจากร้างลามาตั้งแต่ปี 2554 ไม่รวมปี 2557 ที่สถานการณ์ไม่ปกติ จนต้องมีอันเป็นโมฆะ

การแสดงความชัดเจน ไม่สร้างความคลุมเครือ การเป็นลดความกดดันและแรงเสียดทานรัฐบาลไปในตัว คนในประเทศมองข้ามช็อตไปถึงหน้าตาของรัฐบาลหน้าว่าจะเป็นไรแล้ว

ประชาชนมีความหวัง ความเชื่อมั่นในประเทศขึ้นสูงปรี๊ด เอื้ออำนวยให้รัฐบาลชุดปัจจุบันฉกฉวยโอกาสปั่นคะแนน โกยแต้มจากโครงการต่างๆ ไม่มีอะไรต้องมาทิ่มแทง คอยตอมให้รำคาญใจ เหมือนแต่ก่อน

เปลี่ยนบรรยากาศม็อบกวนเมือง มาเป็นสงครามระหว่างพรรคการเมืองในสนามเลือกตั้ง เพื่อหาคะแนนเสียงให้ตัวเอง เปลี่ยนหมู่บ้านกระสุนตก จากรัฐบาลที่เป็นฝ่ายรับแต่เพียงผู้เดียวไปให้นักการเมืองสายอาชีพ หารเอาไปบ้าง โดยเฉพาะวาทกรรมใส่ร้ายป้ายสีกันไปมา
 
จากนี้ แต่ละพรรคเดินหน้ากันเต็มสูบ มีเวลาอีกร่วม 2 เดือน ในการไฮปาร์ก โพนทะนาหาเสียงให้ตัวเองเข้าไปมีอำนาจ หน้าสื่อแต่ละวันเป็นการเบิ้ลบลัฟกันไปมา โชว์นโยบายหาเสียงแบบเปรี้ยงๆ รายวัน

ตลอดจนการร้องเรียนการกระทำผิดกฎหมาย ที่หนนี้มีเยอะแน่ โดยเฉพาะบรรดาพรรคใหญ่ทั้งหลาย ที่เป็นตัวแปรทางการเมือง ใครพลาดยุคนี้ 4.0 มีมือถือ ถ่ายเก็บกันได้หมด ใครโฉ่งฉ่าง ไม่ระวังอาจพากันพังทั้งพรรคได้

ขณะที่ วันที่ 4-8 กุมภาพันธ์ นอกจากสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ไฮไลต์สำคัญน่าจะอยู่ที่ บัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรี ที่แต่ละพรรคจะเสนอ โดยเฉพาะ“พลังประชารัฐ”ที่พร้อมจะเสียบคานหาม “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขึ้นเป็นผู้นำสมัยสอง

จะได้รู้กันเสียที ที่ว่าเป็นพรรคที่สร้างขึ้นมาเพื่อรองก้น “บิ๊กตู่”จริงแท้ประการใด หลังก่อนหน้านี้รับรู้กันถ้วนทั่วมาพอสมควร ว่า ชัวร์ 100% ซึ่งจะถือเป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรก

แต่ใช่ หรือไม่ใช่ คงไม่ต้องรอทางการขนาดต้องดูกระดาษที่ “พลังประชารัฐ”ยื่นให้กกต. เพราะคงไม่ใช่อยู่ดีๆ “พลังประชารัฐ”จับชื่อไปยัดเองแบบเงียบเชียบ
 
ระดับ“บิ๊กตู่” เปิดตัวการเมืองมันต้องเปรี้ยงปร้าง สมราคาว่าที่นายกฯ สมัยสอง ต้องเล่นละคร ทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่ กับเรื่องนี้มาก่อน ตามคิวที่บอกตลอดว่า ยังไม่มีใครทาบทาม และยังไม่ได้ตัดสินใจ

อย่างไรต้องเล่นให้เนียน พิธีกรรมเชิญ “บิ๊กตู่”มาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรค มันต้องยิ่งใหญ่อลังการ ต้องมีการเทียบเชิญอย่างเป็นกิจจะลักษณะ และต้องเป็นระดับ “ตัวเป้ง”ทำหน้าที่ดังกล่าวเท่านั้น จับตาไปที่ 4 รัฐมนตรี และบรรดาบิ๊กๆ ในพลังประชารัฐ ที่จะมากันพร้อมหน้าพร้อมตา

อาจมีลีลา เล่นตัวสักนิด ก่อนจะโอเคเซย์เยส ร่วมหอลงโลงแบบเปิดหน้า เข้าตำราไม่ได้เตี๊ยมกันมาก่อน ตีเนียนเพิ่งได้รับเชิญมาช่วยแก้ปัญหาประเทศ

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ จับตาได้เลย 1 -3 กุมภาพันธ์ “พลังประชารัฐ”ต้องจัดชุดใหญ่ไฟกระพริบ กับพิธีรีตองในการทำเป็นงอนง้อ “บิ๊กตู่”มาถือธงนำ

ข่าวเชิญ กับตอบรับ จะยึดหัวหาดหน้าสื่อกันหลายวัน ไปจนกระทั่งกรอกชื่อ ยื่นให้ กกต. อย่างเป็นทางการ ระดับเจ้าพ่อโปรดักชั่นทั้งหลายทำ ต้องวางต้องเซ็ตกันเป็นระบบ
 
ขณะที่สูตร “บิ๊กตู่”หนีกระแสคนยี้ กลับไปอยู่นอกบัญชี ในฐานะ “นายกฯคนนอก”ที่เริ่มมีการปล่อยเล็ดรอดออกมา แม้เป็นบันไดหนีไฟอีกหนึ่งทางเลือก แต่ดูแล้วคงยาก เพราะวิธีนั้น แม้จะมาตามรัฐธรรมนูญ แต่ไม่มีศักดิ์ศรีเท่ากับการชูอยู่ในบัญชีรายชื่อพรรค

การยอมรับจากต่างประเทศไม่สนิทใจ ไม่เหมือนมาในบัญชีรายชื่อพรรค ประการสำคัญ “พลังประชารัฐ”ลำพัง 4 รัฐมนตรี ไม่เพียงพอจะชูโรงซื้อใจคน ขณะที่ อดีต ส.ส.ทั้งหลาย ล้วนเป็นสายสีเทา ไม่ค่อยขาวทางการเมือง ถ้าไม่ใส่ชื่อ “บิ๊กตู่”เข้าไป รับรองได้ กระแสตกวูบ

คนที่จะเลือก “พลังประชารัฐ”ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเข้าใจว่า สนับสนุน “บิ๊กตู่”ถ้าไม่มีตัวชูระดับนี้ในเวทีจริง ต้องบอกว่า ลำบาก อย่างไรเสียก็ต้องมีเอาไว้เป็น“จุดขาย”โดยเฉพาะจากคนไม่เอาระบอบทักษิณ ที่เคยเป็นของ พรรคประชาธิปัตย์

ส่วน “เพื่อไทย”นั้น บัดนี้ยังไม่ชัดว่าจะเป็น “เจ๊หน่อย”คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หรือ“ชัชชาติ สิทธิพันธุ์”ที่จะขึ้นเป็นเบอร์ 1 ในบัญชีรายชื่อ หรือจะใส่ไปทั้ง 2 คน เพื่อไปไว้เช็กกระแสเปรียบเทียบกันในสนามเลือกตั้ง ว่าใครดีกว่า แล้วค่อยเคาะเมื่อถึงตอนเข้าสภา

แต่เอาเป็นว่า ไม่ว่าใครขึ้น สุดท้ายเหนื่อยและเสี่ยงทั้งนั้น เพราะลำพังชัยขนะสำหรับพรรคเพื่อไทย คงไม่ยาก แต่โจทย์ 376 เสียง นี่ต้องบอกเลยว่า เลือดตาแทบกระเด็น แม้จะรวมเสียงกับสาขา และเครือข่ายพันธมิตรของตัวเองแล้ว 

อีกทั้งต่อให้ชนะถล่มทลาย สร้างแลนด์สไลด์ ได้แบบตูมตาม แต่ดูแล้วคงอาจไม่มีวาสนาได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อย่างที่รู้กันทุกอย่างไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อ“เพื่อไทย”หากแต่เป็น“บิ๊กตู่”

ถ้า“พลังประชารัฐ”ไม่ได้ตามเป้า ขณะที่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก โลเลจะไม่เทให้ โอกาสจะใช้“แผนฉุกเฉิน”พลิกเกมมีสูง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นยุบพรรค ครอบงำพรรค ทั้ง ทักษิณ และยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ตอนนี้เริ่มมีการนำมาหมักดอง กองรอไว้ใน“กกต.”

ล่อแน่ ถ้าแพ้ อย่าลืมว่า “ท็อปบูต”ทำมา 5 ปี ดีไซน์กติกาทุกอย่างเพื่อ“ต่อท่ออำนาจ”กลายพลาดแพ้ในสนามเลือกตั้ง เท่ากับสิ่งที่ทำมา “พังหมด”จบเห่ ไม่มีความหมาย อย่างไรย่อม ไม่ยอม“เสียของ”ปล่อยอำนาจกลับไปอยู่ที่ขั้วเก่า 

โดยเฉพาะ “บิ๊กตู่” ที่จะถูกล่อเป้าเอาคืน ดังนั้น ชื่ออื่นคงหมดสิทธิ์จะนั่งนายกฯ ไม่ว่าผลเลือกตั้งออกมาอย่างไร


กำลังโหลดความคิดเห็น