"ฝั่งขวาเจ้าพระยา"
"โชกุน"
ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีวันที่ 2 มกราคม ประเดิมรับศักราชใหม่ ด้วยการอนุมัติร่างพระราชกฤษฎีกา ยุบเลิกสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ..... โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
นับเป็นองค์การมหาชนแห่งแรก จากทั้งหมด 39 องค์การที่ถูกยุบ หลังจากตั้งมาได้เพียง 4 ปีกว่า จะเต็ม 5 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึง
ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว รายการการประเมินผลองค์การมหาชนของคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.ซึ่งเสนอให้คณะรัฐมนตรีรับทราบเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560 ระบุว่า สำนักงานพัฒนาพิงคนครต้องปรับเปลี่ยนสถานะของหน่วยงานภายใน โดยโอนหน่วยงานภายในไปสังกัดหน่วยอื่นๆ
หน่วยงานสังกัดพิงคนคร คือ สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี และศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เชียงใหม่ สวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ถูกโอนไปอยู่ในความดูแลขององค์การสวนสัตว์ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ ศูนย์ประชุมนานาชาติ ถูกโอนไปให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง
สำนักงานพัฒนาพิงคนคร เกิดขึ้นในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยการผลักดันของ “เจ๊แดง วังบัวบาน “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่ต้องการให้เชียงใหม่เป็น “เยาวภาบุรี “ เลียนแบบสุพรรณบุรีที่กลายเป็น “บรรหารบุรี”
ในการประชุมระดมความคิดเห็นแนวทางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ การพัฒนาเมืองเชียงใหม่สู่เมืองมรดกแห่งล้านนา ( The Glory of Lanna Heritage) เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2555 เจ๊แดง นั่งหัวโต๊ะ ทั้งๆ ที่ไม่มีตำแหน่งที่เป็นทางการแต่อย่างใด และยังถูกโทษแบนทางการเมือง แต่บรรดาข้าราชการตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ นายก อบจ.ในขณะนั้น จนถึงข้าราชการทุกหน่วยงานที่เข้าร่วมประชุม สยบยอมยกให้เป็นประธานที่ประชุมโดยปริยาย
การประชุมครั้งนั้น เป็นการพูดคุยเพื่อประสานแผนพัฒนาท้องถิ่น ภายใต้ยุทธศาสตร์การบริหารงานของผู้ว่าราชการเชียงใหม่ เพื่อพัฒนาเชียงใหม่ เป็นจุดหมายของการท่องเที่ยว การศึกษา การลงทุน ในภาคเหนือตอนบน และเป็นที่มาของการตั้ง สำนักงานพัฒนาพิงคนคร
หลังจากนั้นอีกเพียง 3-4 เดือน สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ก็เกิดขึ้นตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) พ.ศ. 2556 ซึ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เล่ม 130 ตอนที่ 15 เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556 โดยมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และพื้นที่เชื่อมโยงหรือต่อเนื่องกับเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพการเป็นแหล่งท่องเที่ยว ถือเป็นองค์การมหาชนน้องใหม่ ล่าสุดที่แจ้งเกิดอย่างรวดเร็ว เพราะเป็นความต้องการของเจ๊แดง
สำนักงานพิงคนคร ใช้วิธี “ชุบมือเปิบ” ใช้อำนาจบารมีของเจ๊แดงในขณะนั้น บีบเอาสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ซึ่งเดิมเป็นขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) และศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ เฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ใช้งบประมาณในการก่อสร้างหลายพันล้านบาท มาเป็นของตัวเอง
ภารกิจเป้าหมายของสำนักงานพิงคนครคือ การวางแผนพัฒนา และบริหารจัดการแหล่งท่องเที่ยว ที่พัก ศูนย์ประชุม ในเขตพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน
เป็นภารกิจที่ซ้ำซ้อน เพราะมีหน่วยงานอื่นๆ ที่รับผิดชอบดูแลอยู่แล้ว เช่น กรมอุทยานแห่งชาติ ดูแลแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติ ททท. อพท.รับผิดชอบเรื่องการตลาด และการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ดูแลในเรื่องการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรม ประเพณี ศิลปะ วิถีชีวิตชุมชน
สำนักงานพิงคนคร จึงต้องใช้วิธีชุบมือเปิบอย่างที่ว่ามา ไปขโมยเอางานของคนอื่นมาเป็นของตัว แต่นอกเหนือจากสวนสัตว์ไนท์ ซาฟารี และศูนย์ประชุมซึ่งมีอยู่แล้ว สำนักงานพิงคนครไม่มีผลงานใหม่ๆ เกิดขึ้นเลย ตลอดระยะเวลา 4-5 ปีที่ก่อตั้งมา แม้กระทั่งหัวเรือ คือ ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานก็ไม่มี เพราะเปิดสรรหามาแล้วหลายครั้ง ไม่สามารถหาผู้มาดำรงตำแหน่งได้ ในขณะเดียวกัน ก็มีการเล่นพวก เอาคนของนักการเมืองเข้าไปทำงานกินเงินเดือน และใช้งบประมาณ
สำนักงานพิงคนคร จึงมีสภาพเหมือนแดนสนธยา ที่บุคคลภายนอกไม่มีใครรู้ว่า ข้างในทำอะไรกันอยู่ กลายเป็นอาณาจักรส่วนตัวของค่ายวังบัวบานไปโดยปริยาย หลังการยึดอำนาจของ คสช.ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2557 สำนักงานพัฒนาพิงคนคร เป็นเป้าหมายหนึ่งในการตรวจสอบการดำเนินงาน เพราะมีเรื่องร้องเรียนการทุจริต จนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีคำสั่งให้พลเอกธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี สอบสวนหาข้อเท็จจริง ในขณะเดียวกัน ก็สั่งการให้ ก.พ.ร.ตรวจสอบ ประเมินองค์การมหาชนทั้ง 39 แห่ง เพราะหลายแห่งไม่มีผลงาน ภารกิจไม่ชัดเจน หรือซ้ำซ้อนกับหน่วยอื่น ในขณะที่มีงบประมาณค่าใช้จ่าย รวมทั้งเงินเดือนผู้บริหารสูงมาก
ผลการประเมิน สำนักงานบริหารพิงคนคร เป็นองค์การมหาชนรายเดียว ที่ถูกสั่งยุบ เข้าตำรา มาเร็ว ไปเร็ว