xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ซาลาเปาตื่นตูม “จีทูเจี๊ยะ ล็อต 2” หลอน “เจ๊แดง” ล่องหนไร้ร่องรอย เตรียมตีทะเบียน “สัมภเวสีหนีคดี”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ล่องหนไร้ร่องรอย ถามหากันให้ควั่ก แค่ “หลบ” หรือ “หนี” ยังไม่คอนเฟิร์ม

รายของ “เจ๊แดง” เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ น้องสาว ทักษิณ ชินวัตร ที่มีกระแสข่าวหนาหูว่า หนีมรสุมลูกใหญ่ ไปซุกหัวอยู่ “เมืองนอก” ซะแล้ว

หลังการตรวจสอบคดีทุจริตระบายข้าว ล็อต 2 อีก 8 สัญญา จำนวน 14 ล้านตัน ที่ขายให้กับรัฐวิสาหกิจจีน 4 ราย ที่อยู่ในมือ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใกล้จะสรุปความผิดในไม่ช้านี้

ตามเสียงเข้มๆ ของ “บิ๊กกุ้ย” พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. ที่ตอบคำถามสื่อถึงความคืบหน้าคดีระบายข้าวจีทูจี ล็อต 2 ที่ว่ากันว่าสั่งการไต่สวนเพิ่มเติม “ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง” หลายราย 6-8 รายชื่อ เป็นรายชื่อที่ “ต่อยอด” ได้จากคำสารภาพเพิ่มเติมของเหล่าผู้ต้องโทษคดี “จีทูเจ๊” ในเรือนจำหลายราย

ไม่ใช่แค่ตัว “เจ๊แดง” เท่านั้น สามีอย่าง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เคยมีชื่อคั่ว “ว่าที่แคนดิเดตนายกฯ” ทั้งพรรคเพื่อไทย หรือพรรคเพื่อธรรม พรรคในเครือข่ายชินวัตร ก็ยังหายหน้าหายตาไปด้วย

ถ้าจำไม่ผิด ความเคลื่อนไหวของ “เจ๊แดง - สามี” หายไปแทบจะทันที หลังการตีข่าวเป็นระยะๆ เกี่ยวกับคดี “จีทูเจี๊ยะ ภาค 2” เปิดหัวด้วยเด็กในเครืออย่าง นรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในคดีรีบจำนำข้าว ที่ออกมาปูดว่า มีกรรมการ ป.ป.ช.บางคน เข้านอกออกใน “เรือนจำ” บ่อยๆ จนทำให้ “ผู้ต้องขังบางคน” ยอมสารภาพเพิ่มเติม ซัดทอดมาถึง “คนตระกูลชินวัตร” ว่าเป็น “ตัวการใหญ่” ของขบวนการทุจริต “จีทูเจี๊ยะ - จีทูเจ๊”

ซึ่ง “คนตระกูลชินวัตร” นั้นหาใช่ “ยิ่งลักษณ์” อดีตผู้นำประเทศ ที่ขานั้นลอยตัวจากข้อหาโกงไปแล้วในลอตแรก โดนพิพากษาแค่ “บกพร่องในหน้าที่” แต่ก็เตลิดเปิดเปิงไปตามช่องทางธรรมชาติ

ส่งผลให้ “คนตระกูลชินวัตร” ที่ “นรวิชญ์” อ้างถึง เข้าข่ายอยู่ 2 หน่อ รายหนึ่ง นายใหญ่ “ทักษิณ” ที่ก็ว่ากันอีกว่า อยู่ไกลเกินกว่าที่จะบงการ-สั่งการอะไร อีกรายเป็น “เยาวภา” ที่แม้ไม่มีตำแหน่งแห่งที่ แต่ก็รู้กันดีว่ามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับ “ตัวละครเอก”

ทั้ง “เสี่ยฮุก” บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ที่ต้องโทษจำคุก 42 ปีจากลอตแรก ที่มีสถานะเป็น “ข้าเก่าเต่าเลี้ยง” กันมาก่อน ตลอดจน “เสี่ยเปี๋ยง” อภิชาต จันทร์สกุลพร ผู้ต้องโทษในเรือนจำอีกคน ที่แม้จะมีโลโก้ “สายตรงนายใหญ่” ปะหน้าผาก แต่ช่วงรัฐบาลที่แล้ว กลายมาเป็นสมาชิก “ก๊วนบัวบาน” ชั่วคราว ถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการระบายข้าวให้แก่ “หัวหน้าก๊วน” โดยตลอด

ในห้วง “รัฐบาลปู” ก็รับรู้กันได้ถึงอิทธิพลของ “พี่แดง” ที่อยู่เหนือนายกฯ น้องสาว อาจพูดได้ว่า เป็นอิทธิพลที่เหนือกว่าด้วยซ้ำ กับฐาน ส.ส.ในสังกัด “วังบัวบาน” นับร้อยชีวิต

ส่วนงานด้านบริหาร ก็ส่ง “เด็กในบ้าน” ผงาดขึ้นเป็นเสนาบดีได้หลายราย อย่างที่ “กระทรวงพาณิชย์” ก็ได้ “บุญทรง” เป็นรัฐมนตรีว่าการ ส่วน “เยาวภา” ถูกยกให้เป็น “ผู้มากบารมี” อยู่เบื้องหลัง

ด้วยความใกล้ชิดกับก๊วนผู้ต้องโทษ “จีทูเจ๊” นี่เอง ที่ทำให้ “คุณแดง” ขวัญผวาหนักกว่าใครเพื่อน เมื่อมีข่าวว่า ผู้ต้องหาซัดทอด “คนบงการ” ใจก็ยิ่งไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

ตามรูปการณ์นี้ ถึงขนาด “คนเพื่อไทย” เองถึงกับเอ่ยปาก “เป็นกู กูก็หนี”

ยิ่ง “ข่าวลือ - ข่าวลวง - ข่าวรั่ว” ทะลักออกมาไม่หยุด โดยที่ คณะกรรมการ ป.ป.ช.เองก็ไม่ได้ ตอบรับหรือปฏิเสธ ถามประเด็นนี้เมื่อไรก็ตอบกันแบบ “ม้าเลียบค่าย” ไม่ชี้ชัดฟันธงอะไร

ประกอบกับ “ความเป็นอยู่” ของ “เสี่ยฮุก” ที่เดิมถูกเยาะว่าเป็น “บุญทรุด” ทั้งโทษจำคุกครึ่งชั่วคน พ่วงปัญหาสุขภาพที่พกเข้ามาในคุก จู่ๆ เริ่มมีสัญญาณดีขึ้น หลังอาการกำเริบหนัก ได้รับการดูแลใกล้ชิดตามหลักมนุษยชน โดย “กรมราชทัณฑ์” และ “โรงพยาบาลตำรวจ” รับตัวมาผ่าตัดรักษาอาการ “หมอนรองกระดูกอักเสบ”

เข้าเค้ากับเสียงโวยวายของ “นรวิชญ์” ที่ว่า “หากผู้ต้องหาบางคนของคดีนี้ ยอมซัดทอดทักษิณ ก็จะแลกกับสิทธิประโยชน์บางอย่างนั่นคือจำเลยผู้ซัดทอดไม่ต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำ แต่จะได้อยู่ในโรงพยาบาลราชทัณฑ์แทน”

เพราะยังไม่ทันให้หมอลงมีดผ่าตัด ก็ว่ากันว่า บางอาการของ “บุญทรง” เริ่มดีขึ้น จาก จากที่เคยพร่ำพูด “กูพูดไม่ได้” กับเพื่อนซี้ “เสี่ยปุ้ม” สุรนันทน์ เวชชาชีวะ ก่อนเข้าคุก กลายเป็น “คนฉอเลาะ” พูดหมดเปลือก ยามที่ “แขกวีไอพีแถวสนามบินน้ำ” แวะไปเยี่ยมเยือน

ร่ำลือกันว่า “เจ๊ด้ง” สุภา ปิยะจิตติ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานอนุกรรมการไต่สวนการกระทำผิดคดีทุจริตระบายขาย แวะเวียนไปบ่อยกว่าใครเพื่อน

แล้วหาก “ตัวละครเอก” อย่าง “เสี่ยฮุก” ซัดทอดใคร ก็คงดูจะมีน้ำหนักมากกว่าใครเพื่อน

สอดรับกับคิวที่ “เสี่ยป้ำ” เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายบุญทรง สับขาหลอก ลาออกจากพรรคเพื่อไทย โผเข้าซบพรรคพลังประชารัฐ เตรียมลงสมัคร ส.ส.รักษาพื้นที่ให้ “ป๊าฮุก” ชนกับค่ายเพื่อไทย ที่โยกรุ่นเดอะอย่าง สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ที่ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อธรรม กลับสังกัดเดิมมาลงสมัครแทน

ทุกอย่างพอเหมาะพอเจาะ จน “คนในข่าย” คิดเองเออเอง เกิดหลอนขนหัวลุก รับกับรายงานข่าวที่ “เจ๊” หอบกระเป๋าใบโต ตีตั๋วโกอินเตอร์ ปลายทาง “มหานครดูไบ” ตั้งแต่เมื่อปลายเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้พบเจอหน้า ค่าตาอีกเลย

ขนาดคนใกล้ชิด “เสี่ยแมว” วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ ถึงกับขอเว้นระยะห่าง ไม่ได้พบ “คุณนายแดง” มาราว 3 เดือนได้แล้ว

บางกระแสก็ว่าไม่ไปไหน อ้าง “คนใกล้ชิด” ว่า ไม่ได้หนี แต่โลว์โปรไฟล์ ไม่แสดงตัว ปล่อยให้ข่าวลือกระพือเรื่อยๆ

บอกเลยยิ่งลือ ยิ่งเชื่อ บ้านอื่นไม่รู้ แต่ “บ้านชินฯ” ข่าวประเภทนี้มีให้เห็นมาแล้ว 2 คน ปฏิเสธปากแฉะ สุดท้ายก็ชิ่ง

ร้อนไปถึง “แฟนคลับกิตติมศักดิ์” อย่าง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)ที่บอกเองว่า หลังติดตามข่าวพอได้ยินว่าหนีไปต่างประเทศ ก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ ปรากฏว่า ไม่พบตัว ไม่รู้อยู่ที่ไหน

ขนาด “ผู้นำประเทศ” มีลูกน้องเป็นหูตาสับปะรด ยังควานหาตัวไม่เจอ ก็น่าจะชัดซะยิ่งกว่าชัดนะว่า “ไม่อยู่แล้ว” กลายเป็น “คนตระกูลชินฯรายที่ 3” ที่ถูกตีทะเบียน “สัมภเวสีหนีคดี” ไปล่วงหน้าแล้ว

แม้กระบวนการคดียังดูจะอีกยาวไกล หากมีการชี้มูลความผิดจริง ก็ยังต้องส่งจาก ป.ป.ช. ไปเข้าศาลฎีกา แผนกนักการเมือง สู้กันอีกยาวแรมปี แต่คงตามประสา “คนรู้อยู่แก่ใจ” ที่เกิด “ตื่นตูม” ขึ้นมา

หากไม่ใช่แค่หลบ แต่หนีไปจริง คงไม่ใช่แค่ “หนีความผิด” ยังเป็นการ “หนีบาปกรรม” ด้วย เรื่องสร้างความเสียหายให้งบประมาณประเทศหลายแสนล้านบาท จากนโยบายรับจำนำข้าว ภายใต้มอตโต “ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ” นอกจากจะเป็นมูลเหตุหนึ่งทำให้ “รัฐบาลปู” อยู่ไม่ได้แล้ว ยังสร้างความเสียหายให้แก่วงการเกษตรกรรม กสิกรรม อย่างประเมินค่าไม่ได้ด้วย เมื่อมีการเข็นประชานิยมแลกกับคะแนนเสียง จนไม่คิดถึงผลพวงกระทบต่อพัฒนาการของข้าว

ใช้วาทกรรม “ข้าวทุกเมล็ด” ตันละ 15,000 บาท ทีนี้ก็สนใจกันแต่ปริมาณ เมินคุณภาพ ช่วงทำโครงการไม่มีเงินจ่าย ก็มีชาวนาตัดสินใจแขวนคอปลิดชีพตัวเองก็หลายราย หรือผลพวงมาถึงหลายปีที่ผ่านมา ทำเอาวงการข้าวอดิ่งเหวตกต่ำไปตามคุณภาพที่ดัมป์ลงไปตามโครงการรับจำนำข้าว

กว่าจะฟื้นตัวลืมตาอ้าปากกันได้ ก็ต้องใช้เวลาถึง 5 ปีเต็มเลยทีเดียว

ถือเป็นเดิมพันสำคัญของ “รัฐบาล คสช.” เช่นกัน ในการตัดจบคดีความต่างๆเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าว ที่ต่อยอดไปถึงการระบายข้าว ที่ทั้งโกงกันแหลกลาญ ทำลายวงจรการเกษตร นำตัว “ผู้บงการ” มาลงโทษให้สาสม หากทำไม่ได้ก็เท่ากับ “เสียของ”

อย่าลืมว่าในยุค คสช.เรืองอำนาจ ก็มี “คนวงศ์สวัสดิ์” ได้รับอานิสงส์ผลบุญไปด้วย มีการปล่อยผี “สมชาย” ในคดีล้อมปราบผู้ชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย 7 ตุลาคม 2551 ที่ศาลยกฟ้อง แต่ ป.ป.ช.กลับไม่อุทธรณ์คดีไปงั้น

การรอดตัวของ “สมชาย” ครั้งนั้นทำให้ “คนวงศ์สวัสดิ์” ได้ใจ เพราะขณะเดียวกับ “เจ๊แดง” ที่ถูกมองเป็น “ผู้อยู่เบื้องหลัง” ในหลายเรื่อง ก็หาได้มีผลกระทบอะไรกับชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะทรัพย์สินที่งอกเงยขึ้นมาจากสมัย “รัฐบาลน้องสาว” โดยที่ตัวเองหลบหลีกกระบวนการตรวจสอบ ไม่ขอมีตำแหน่งใดๆ กระทั่ง ส.ส.ก็หลีกเลี่ยงไม่ลงสมัคร หาใช่ไม่ยึดติดตำแหน่ง หรือไม่สนใจการเมืองอะไรหรอก แต่รู้ว่าต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สิน นั่นเอง

ก่อนจะหายตัวไปยังมีความพยายามรีบูทขุมอำนาจของตัวเองบ่อยครั้ง ทั้งการโยนชื่อ “อาจารย์เชน” ผศ.ดร.ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ ลูกชายหัวแก้ว ขึ้นเบียด “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย หรือการไปเปิดแบรนด์ “เพื่อธรรม” ไว้เป็นฐานอำนาจใหม่ของตัวเองก็ดี

แต่ทิศทางลมไม่สู้ดี ก็เลยต้องตีธงถอยทั้งที่พรรคเพื่อไทย รวมทั้งหยุดความเคลื่อนไหวของ “เพื่อธรรม” ทันที หลัง “พี่ชาย” สั่งการให้ “อยู่นิ่งๆ” หลังกำลังเป็นเป้าหมายหลักของ “ผู้มีอำนาจ”

ไม่ใช่เฟดออกจากวงธรรมดา ยังอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยด้วย จน “นายกฯตู่” เอามาย้อนว่า ถ้าไม่โกง แล้วทำไมต้องหนี

จริงๆ ก็ไม่แปลกสำหรับคนตระกูลนี้ ทั้ง “ทักษิณ” หรือ “ยิ่งลักษณ์” ต่างยืนยันในความถูกต้องมาตลอด แต่ 2 รายแรกยื้อจนเกือบวินาทีแทบจะสุดท้าย ค่อยตัดสินใจเซย์กู๊ดบาย

ผิดกับพี่สาว “เจ๊แดง” ที่ป่านนี้ไม่มีใครพบตัว แทงหวยกันไปแล้วว่า “หนีชัวร์” ด้วยรู้อีกว่า หากปล่อยให้กระบวนการถึงขั้นชี้มูลความผิด ก็อาจขยับตัวไปไหนมาไหนลำบาก ลำพังตัวเองก็หนักแล้ว ยังมีทรัพย์สินที่ถนอมไว้ “ที่บ้าน” ในรูปแบบ “ของสด” ที่ยังต้องเคลียร์ และหอบเอาออกไปด้วยอีก

ตามข่าวที่ว่า ก่อนหน้านี้บ้านใหญ่ตระกูล “วงศ์สวัสดิ์” ย่านแจ้งวัฒนะ ฐานบัญชาการของ “เจ๊แดง - เฮียชาย” มีการรีโนเวทปรับปรุงสระน้ำกันกะทันหัน โดยมีการขน “ของสด” ที่อยู่ใต้สระน้ำออกมามหาศาล

สิ่งที่ขนขึ้นมานั้นกลายเป็น “ภาระ” ที่ต้องรับเคลียร์ และเป็น “ภาระ” ที่ต้องแบกไปในการเดินทางไกลด้วย

เส้นทางการ “หลบ” ครั้งนี้ของ “เจ๊แดง” จึงค่อนข้างแปลกอยู่เหมือนกัน หลังตีตั๋วออกไปถึง “มหานครดูไบ” ที่พำนักหลักของ “พี่ษิณ” และเตรียมทำเรื่องขอ “วีซ่าอยู่ยาว” กับทางการเมืองผู้ดีแบบ “น้องปู” แล้ว ก็จำต้องรีเทิร์นหันหัวกลับมาที่ละแวกประเทศเพื่อนบ้านอีกครั้ง

ใช้สถานะ “แม่ยายแขมร์” ที่มีลูกสาวได้สามีเป็น “ลูกบิ๊กกัมพูชา” นั่งง่วนอยู่กับการจัดแจงแบ่งสรร “ของสด” ที่หอบออกไปได้ อาศัยบารมี “ลูกเขย” คุ้มหัว อยู่ที่ “ประเทศเพื่อนบ้าน”

ง่วนซะจน ทัวร์เอเชียรอบล่าสุดที่ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์” มาปักหมุดอยู่สิงคโปร์ ก็ยังไร้เงา “เจ๊แดง” ไปจอยด้วย ทั้งที่ปกติถ้า “สองศรีพี่น้องสัมภเวสี” ร่อนมาป้วนเปี้ยน ย่านเอเชีย-อาเซียน “ว่าที่สัมภเวสีเบอร์ 3” ไม่เคยพลาด

ก็ต้องยอมรับว่าการเดินเครื่องคดี “จีทูเจี๊ยะ ลอต 2” ในขณะนี้ อาจจะมีผลพวงทางการเมือง ขยี้ภาพโกงกินที่เกิดใน “รัฐบาลเพื่อไทย” ที่ยังเป็นแชมป์เก่าและคู่ต่อกรอันดับหนึ่งของ “พรรคพลังประชารัฐ” ที่เจือด้วย “อำนาจสีเขียว” แต่นั่นก็เป็นเพียง “ผลพลอยได้” ที่ต้องละไว้ในฐานที่เข้าใจเท่านั้น

อย่าลืมเรื่องที่ คสช.สอบตกมาตลอด คือวาระปราบคนโกง สะสางปัญหาการทุจริตคอร์รัปชั่น

การเอาผิดกับ “คนโกง” ต่างหาก ที่รัฐบาล หรือองค์กรปราบโกงอย่าง ป.ป.ช.คอยระลึกไว้เป็นภารกิจสำคัญอันดับแรก มากกว่าผลพลอยได้ทางการเมือง


กำลังโหลดความคิดเห็น