xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เสร็จมั้ย...เสร็จมั้ย... ถอดรหัส 5 โจ๋รุมโทรม “เด็ก ป.5” “กระบวนการยุติธรรม” (ยังคง) มี “ปัญหา”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

พ่อเด็กหญิงผู้เสียหาย
ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ท่ามกลางบรรยากาศ “ดี” ที่ช่วยกระตุ้น “พลังเชิงบวก” ในสังคมไทยให้ชุ่มชื่นหัวใจ กับกรณีที่เด็กนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 “โรงเรียนวัดสุทธิวราราม” ให้ความช่วยเหลือชาวจีนที่คิดสั้นจะกระโดดสะพานตากสินฆ่าตัวตาย ก็บังเกิดข่าว “ร้าย” ที่เป็น “พลังเชิงลบ” เบียดแทรกเข้ามาให้เกิดความหดหู่ในจิตใจขึ้นอีกครั้ง

นั่นก็คือข่าว “วัยรุ่นอย่างน้อย 5 คน” รุมโทรม “เด็กหญิงชั้น ป.5” อายุ 12 ปี ที่จังหวัดสระบุรีภายในร้านทุกอย่าง 10 บาท อำเภอเมือง จังหวัดสระบุรี

เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นที่รับรู้ของสังคมเมื่อ “พ่อ” ของเด็กหญิงรายดังกล่าวโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ซึ่งสร้างความสะเทือนใจให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ได้รับรู้เป็นอย่างมาก

“เหตุเกิดกับลูกสาวผมเอง ซึ่งโดนวัยรุ่น 5 คนนี้ ฉุดไปรุมโทรม ข่มขืนเรื่องราวรายละเอียดเป็นยังไงอันนี้ผมไม่รู้ และไม่อยากรู้ด้วย ผมรู้แค่ลูกผมเดินอยู่ข้างถนนแล้ววัยรุ่นพวกนี้ฉุดเข้าไปในร้าน แล้วร่วมกันกระทำชำเรา แค่นี้ครับ จากในคลิป จะมี 2 ช่วงนะครับ ช่วงแรกคือ ตอนประมาณ 5 ทุ่ม ของวันที่ 16/12/2561 ซึ่งตอนนั้นผมอยู่ กทม. เพื่อนก็โทร.มาบอกว่า ลูกสาวเราถูกข่มขืน แต่จับตัวเด็กที่ทำได้หมดแล้ว ตอนนี้กำลังเคลียร์กับพ่อแม่ ของเด็กทั้ง 5 คนนี้อยู่ จากที่ผมฟังๆ มาก็ประมาณว่า หนึ่งในนั้นมีชายคนนึง เป็นญาติของเด็กทั้ง 5 อ้างว่าตัวเองเป็น อบต. แล้วจะมายัดเงินให้ เพื่อให้เรื่องจบ ไม่ต้องแจ้งความไม่ต้องถึงโรงพัก จากตอนแรกบอกให้ 30,000 บาท คุยไปคุยมา ต่อเหลือ 10,000 บาท ซึ่งตอนนั้น ผมไม่อยู่ในเหตุการณ์ ผมก็โทร.คุยกับเพื่อน ก็บอกว่าให้แจ้งความเลย ไม่เอาเงิน จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด แต่ทางเพื่อนก็ตัดสินใจอะไรไม่ใด้ ก็รอจนกว่าผมมาถึง ให้ผมมาเคลียร์เอง

“ ตำรวจโทร.หาผม คุยประมาณว่า เป็นห่วงอนาคตเด็กเ_ย 5 คน นั้น เหมือนจะให้ผมไม่เอาเรื่อง ผมก็ งง ตอนนี้กลัวว่า ทาง อบต.จะมีเส้นสาย มีเล่ห์เหลี่ยมมาก ช่วยฝากโซเชียล ช่วยทีคับและขณะนี้ได้ปล่อยตัวเด็กทั้ง 5 คนไปแล้ว ผมก็ถามทำไมถึงปล่อย พี่ตำรวจบอกว่า ไม่มีหน้าที่ที่จะจับกุม ทั้งนี้ ในกรณีดังกล่าวมีผู้มาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่มาให้กำลังใจ พร้อมถามว่าทำไมตำรวจถึงได้ปล่อยตัวผู้ต้องหา”พ่อของเด็กหญิงเหยื่อรุมโทรม โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว

ปมประเด็นของเรื่องนี้นำมาซึ่งคำถามมากมาย

ทั้งปัญหา “รุมโทรม” ที่ยังคงมีให้เห็นอยู่เป็นระยะๆ ทั้งที่ตกเป็นข่าวและที่ไม่ตกเป็นข่าว

ทั้งปัญหาการปฏิบัติงานของ “เจ้าหน้าที่” ดังเช่นที่พ่อของเด็กหญิงคนดังกล่าวบอกว่า ตำรวจ สภ.สระบุรี พยายามเจรจาเพื่อให้เกิดการประนีประนอมยอมความด้วยเหตุที่หลายคนถึงกับอ้าปากค้างว่า “เป็นห่วงอนาคตกลุ่มวัยรุ่น” รวมทั้งมีการปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปโดยอ้างว่า “ไม่ใช่เหตุซึ่งหน้า”
ชาวสระบุรีรวมตัวหน้าร้านขายของ ตรงข้ามวิทยาลัยอาชีวะสระบุรี หวังดูหน้า 5 วัยรุ่นรุมโทรมเด็กหญิง 12 ปี (ภาพจากเฟซบุ๊ก ศุภัคศร อากาศโสภา)
ที่สำคัญคือ ในวันที่มีการไปแจ้งความดำเนินคดีนั้น “ร้อยเวรเจ้าของคดี” ไม่ได้มีการลง “บันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน” เพราะเห็นว่า คดีกำลังอยู่ระหว่างการเจรจา และยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ขณะที่สถานีตำรวจภูธรสระบุรีต้นเรื่องของร้อยเวรพยายามแก้ตัวว่า เป็นนายตำรวจใหม่ที่ยังไม่มีประสบการณ์ ซึ่งเป็น “ข้ออ้าง” ที่ฟังไม่ขึ้น เพราะนี่คืองานพื้นฐานที่ไม่จำเป็นต้องอาศัยประสบการณ์อันยาวนานในการทำคดี หากแต่เป็นเรื่องที่สอนกันในโรงเรียนตำรวจทุกระดับชั้นอยู่แล้ว

นอกจากนั้นยังมีปัญหา “เส้นสาย” จากผู้มีอำนาจบาตรใหญ่ในสังคมที่พยายามเข้ามาแทรกแซงคดี ดังกรณีของ “อบต.” ที่ทำตัวเป็นศาลเตี้ย เรียกเหยื่อเข้าไปสอบสวน ที่หนักกว่านั้นคือใช้คำไม่เหมาะสม เช่น ถามว่าคนไหนเสร็จบ้าง และกล่าวหาว่าเด็กมั่วกันอีกต่างหาก

อย่างไรก็ดี หลังมีการเผยแพร่พฤติกรรมของ “อบต.” คนดังกล่าวออกไป สังคมก็ได้รุมประณามและกดดันอย่างหนัก กระทั่ง สิริชัย ประทุมมา ปลัด อบต.ผึ้งรวง ได้มีการพูดคุยกับทาง นายก อบต. และสมาชิก อบต.ผึ้งรวง มีความเห็นในที่ประชุมว่า ประธานสภาคนนี้ ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งอีกต่อไป ซึ่งจะมีการเชิญมาพูดคุยและขอให้ยื่นหนังสือลาออกภายในวันนี้ และหากไม่ยินยอม ก็จะมีทำหนังสือถึงนายอำเภอ เพื่อพิจารณาวาระเร่งด่วน ให้มีการลงคะแนนเสียง ถอดถอนออกจากตำแหน่งอีกด้วย

และในที่สุด “ นายสังวาลย์ สิทธิปัญญา ประธานสภา อบต.ผึ้งรวง อ.เมืองฯ จ.สระบุรี” ก็จำต้องลาออกจากตำแหน่ง

จากเหตุการณ์ข้างต้นจะเห็นว่า “กระบวนการยุติธรรม” ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขเป็นการเร่งด่วน

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความเจ้าของแฟนเพจเฟซบุ๊ก ทนายคลายทุกข์ ได้โพสต์ถึงข้อกฎหมายในเรื่องดังกล่าวว่า โดยข้อเท็จจริงแล้ว การกระทำชำเราในลักษณะเป็นการโทรมหญิง ถ้าเป็นการกระทำแก่เด็ก อายุยังไม่เกิน 13 ปี มีความผิดตามมาตรา 277 วรรคสี่ มีโทษจำคุกตลอดชีวิต แต่เมื่อผู้กระทำความผิดอายุต่ำกว่า 18 ปี ถ้าศาลเห็นว่าไม่สมควรพิพากษาลงโทษก็ให้จัดการตามมาตรา 74 โดยใช้วิธีการสำหรับเด็ก หรือจะลดมาตราส่วนโทษลงกึ่งหนึ่งก็ได้ ไม่สามารถยอมความได้ ถึงแม้ผู้กระทําความผิดจะเป็นบุคคลอายุไม่เกิน 18 ปี

ส่วน อบต. ที่เข้ามาทำหน้าที่คนกลางไกล่เกลี่ยมีการใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม เช่น ถามว่ามีใครเสร็จบ้าง เป็นคำพูดที่ข่มเหงรังแกเด็ก มีความผิดตามกฎหมายคุ้มครองเด็ก และถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดวินัยของข้าราชการควรที่จะสอบสวนวินัยของทางราชการ และการใส่ร้ายเด็กว่ามั่ว มีความผิดฐานหมิ่นประมาทเด็กหญิงโดยประการที่น่าจะทำให้เสียหายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ควรดำเนินคดีกับ อบต. ให้เข็ดหลาบ

สำหรับรายละเอียดของคดีนั้น เมื่อ “ถอดรหัส” ข้อมูลจากคำให้การของนายเอ็ม (นามสมมุติ) อายุ 16 ปี เพื่อนผู้ต้องหา และผู้อยู่ในเหตุการณ์ ก็ทำให้เห็นความจริงที่ “เพิ่มมากขึ้น” จากเดิมหลายประการด้วยกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ร่วมกระทำผิดที่มีมากกว่า 5 คน และเป็นการรุมโทรมที่มี “การวางแผน” ล่วงหน้าและอาจเกี่ยวโยงกับ “นางนกต่อ” ซึ่งทำหน้าที่ล่อลวง
นายสังวาลย์ สิทธิปัญญา ประธานสภา อบต.ผึ้งรวง อ.เมืองฯ จ.สระบุรี
นายเอ็มเล่าว่า วันเกิดเหตุขณะที่ตนเองอยู่ที่ร้านของเพื่อนที่ชื่อเติ้ล ได้นัดกับสาวชื่อ ฟิล์ม ซึ่งรู้จักกันทางเฟซบุ๊กและเพิ่งคุยกันได้ไม่นานมาที่หน้าร้านตนเอง ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณ 01.00-02.00 น.

ต่อมา มีกลุ่มเพื่อนของตนได้นั่งรวมกับกลุ่มผู้ต้องหาประมาณ 7-8 คน โดย ฟิล์ม ได้เดินทางมาพร้อม น้องเจน (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ซึ่งขณะนั้น นายเบส หนึ่งในผู้ต้องหา เดินมาพูดคุยและวางแผนว่าจะลงแขกน้องเจน โดยตนเองได้ห้ามปรามเพราะกลัวว่าจะมีความผิด และได้เดินออกไปซื้อบุหรี่

นายเอ็มบอกด้วยว่า หลังจากนั้นทราบเพียงว่าเพื่อนๆ ชวนฟิล์มเข้าไปภายในร้าน และพยายามชวนน้องเจนเข้าไปด้วยแต่น้องเจนไม่ยอม กระทั่งเกิดการยื้อยุด สะบัดมือ แต่เพื่อนก็พยายามอุ้มน้องเจนเข้าไปนั่งที่โซฟาภายในร้าน และเกิดการเรียงคิวข่มขืนกันที่ด้านล่างด้านในเคาน์เตอร์ ซึ่งหลังจากที่ตนเองกลับมาจากการซื้อบุหรี่พบว่านายเบสนอนอยู่กับน้องเจนแล้ว หลังจากนั้นเพื่อนทั้งหมดจึงแยกย้ายกันไปส่งน้องเจน

กล่าวสำหรับ “คดีรุมโทรม” ตลอดรวมถึง “คดีข่มขืนและกระทำชำเรา” นั้น เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน โดยเฉพาะ “เด็ก” ซึ่งจากสถิติการรับแจ้งกรณีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ ของศูนย์ช่วยเหลือสังคม กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงแห่งมนุษย์(พม.) พบว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 - 29 สิงหาคม 2561 มีเด็กถูกล่วงละเมิดทางเพศ จำนวน ทั้งสิ้น 419 คน

ที่น่าเศร้าคือ เมื่อพลิกดูข้อมูลเก่าๆ ก็จะพบว่า “การยอมความหรือล้มคดี” เกิดขึ้นในแทบจะทุกขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม เช่น ในการแจ้งความ ผู้เสียหายต้องถูกสอบปากคำหรือเล่าเหตุการณ์ในสถานที่ร่วมกับผู้ที่มาแจ้งความในคดีอื่น รวมถึงมีความพยายามไกล่เกลี่ยจากเจ้าหน้าที่และผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ให้เห็นเสมอ ดังเช่นที่เกิดขึ้นล่าสุดที่จังหวัดสระบุรี

นี่คือปัญหาของสังคมไทยที่สามารถกล่าวได้อย่างเต็มปากเต็มคำว่า “เชื้อชั่วไม่มีวันตาย” และจำต้องแก้ไขโดยเร่งด่วน เพราะไม่ว่าจะอ้างเหตุผลอย่างไร สิ่งที่บรรดาผู้ชายทุกคนต้องสำเหนียกไว้ก็คือ “คุณไม่มีสิทธิไปล่วงละเมิดทางเพศของผู้หญิงในทุกกรณี”


กำลังโหลดความคิดเห็น