xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดการ์ด “ลุงตู่” Level infinity ปิดประตูแพ้ The end of ทักษิณ

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เปรี้ยงปร้างติดลมบน

หลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไฟเขียวรับรอง “พรรคพลังประชารัฐ” ปล่อยออกจากจุดสตาร์ท ใส่เกียร์ห้าแบบรอบไม่ตก ดึงคนดัง บิ๊กเนม ดาวฤกษ์ เสริมทัพไม่หยุด จนถึงเดดไลน์ปิดตลาด

สะสมไพร่พลเนื้อ อดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส. อดีตผู้สมัคร หลายร้อยชีวิตทำเอาพรรคพวก “เพื่อไทย -ประชาธิปัตย์” โวยวายลั่นตลาด หลังเปิดโกดังเช็กสตอก ที่สูญเสียไปให้กับ “พลังดูดท่อซิ่ง” ถ้วนหน้า ฟาก “ค่ายสีฟ้า”พรรคประชาธิปัตย์ สรุปความเสียหาย โดนไปร่วม 20 ราย หนักกว่าเพื่อนก็ “เพื่อไทย” โดนกระชากไปมากกว่า 40 ชีวิต หลายชื่อสุดเซอร์ไพร์ส เลื่อนลั่นยุทธจักร ทำเอา “บิ๊กระบอบทักษิณ” ได้แต่มองตาปริบๆ และที่ฮือฮาสุดช่วงปิดตลาด “ทีมงานชากังราว” นำมาโดยหัวหน้าทีมอย่าง “เสี่ยต๋อง”วราเทพ รัตนากร ที่แม้ติดโทษแบน ลงเล่นไม่ได้ แต่ก็ขนเด็กในเครือมาทั้ง 5 ชีวิต ทั้ง “เพื่อนตายนายโอ๊ค”ไผ่ ลิกค์ หรือ ไผ่ วันพอยท์- ปริญญา ฤกษ์หร่าย-อนันต์ ผลอำนวย- พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ และ สุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ที่เดิมอยู่ในโควตาปาร์ตี้ลิสต์ หรืออย่าง อำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ผูกขาดแห่งเมืองลิง จ.ลพบุรี นั่นก็ระดับมวยหลัก

กลุ่มภาคอีสานที่ว่าแน่ๆ ยังแห่แหนกันไปแบบไม่หวั่นกระแส “ทักษิณฟีเวอร์” ท้าชน “เสาไฟฟ้า” ทั้งทีมงาน สุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลราชธานี ที่เฮโลกันไปร่วม 10 ชีวิตทีมงานโคราช วิรัช รัตนเศรษฐ อดีตส.ส.นครราชสีมา ยกครอบครัวพร้อมลูกหาบตัวดีๆ ไปเสริมทัพช่วงชิงพื้นที่ใหญ่ 14 ที่นั่งเมืองย่าโม

ผนึกกำลังร่วมกับ “นักเลือกตั้งอาชีพ” ที่ตีตั๋วมาล่วงหน้า “กลุ่มเพชรบูรณ์” นำมาโดย สันติ พร้อมพัฒน์ หรือ “ก๊วนเลย” ของ ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข แล้วยังมีตัวดีๆจากบูรพาทิศ จ.สระแก้ว “หลานป๋าเหนาะ”ฐานิสร์ - ตรีนุช เทียนทอง ที่ทำเอา ผู้เฒ่าเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย เสียเซลฟ์ไม่น้อย

แล้วยังมีระดับ “ดาวฤกษ์” จาก “(อดีต) กลุ่มสามมิตร” ของ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน-อนุชา นาคาศัย ที่พากันมา 60-70 ชีวิต โดยเฉพาะ “สุริยะ” ซึ่งเป็นที่รับรู้ว่า “เป็นกองหลังที่เหนียวแน่น” เพียงใด และ “กลุ่มบ้านริมน้ำ” ของ สุชาติ ตันเจริญ อดีตรองประธานสภาฯ ที่มากันไม่ต่ำกว่า 30-40 ชีวิต

ทำเอากระแส “พลังประชารัฐ” ตูมตามไม่ต้วมเตี้ยมอีกต่อไป

งานนี้นอกจากฝีไม้ลายมือของ “เลขาฯสนสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ที่โชว์ฟอร์ม “มือประสานสิบทิศยุค 4.0” ได้สมราคา แล้วยังมีแบ็คอัพแรงหนุนจาก “เครือข่ายทอปบูต” ออกแรง-ออกทุน เสริมทัพจนกลายเป็น “ม้าตีนปลาย” ไล่โขยกพรรคเก่า-พรรคใหญ่ จนหนทางต่อท่ออำนาจ สานต่อภารกิจที่คั่งค้างดูจะสดใส

ต้องยอมรับว่านาทีนี้ “พลังประชารัฐ” ของ อุตตม สาวนายน - สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ พรั่งพร้อมกว่าเพื่อน

ตัวบุคคลที่ไล่เก็บมา เพื่อเป็น “ต้นทุน” ในแง่ที่นั่ง ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร ไม่ต้องไปริเริ่มตั้งไข่ใหม่ถือว่าเข้าเป้า ที่ “ยิงตรงเป้า” มากกว่า ต้องยกให้ “นโยบายรัฐ” ที่ทยอย “เปิดการ์ด” ออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ละชุดถือเป็น “อาวุธหนัก” กระชาก “ความเชื่อมั่น-คะแนนนิยม” ให้กับรัฐบาล คสช.ในช่วงโค้งท้ายก่อนวางมือจากอำนาจ ส่งให้ “รัฐบาลเลือกตั้ง”

แต่จะพูดให้ถูก “ชุดนโยบาย - แพคเกจประชารัฐ” ที่ทยอยออกมา ถือเป็นการกระตุ้นพลังให้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ในฐานะ “ว่าที่ผู้เสนอชื่อเป็นนายกฯ” ของพรรคพลังประชารัฐ อย่างเห็นได้ชัด

กลายเป็นการ์ดพลังระดับ infinity อัพเลเวลขั้นสุด จนอาจจะเรียกว่า “ไร้เทียมทาน” โดยเฉพาะการเปิดการ์ด “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หรือ “บัตรคนจน” ที่ออกมาหลายล็อต ตั้งแต่มาตรการเร่งด่วนช่วงแรก ค่าเดินทางเดือนละ 500 บาท ส่วนลดซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท/ 3 เดือน ค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค 200-300 บาท/เดือน อันประมวลผลมาจากการสำรวจความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย

อานิสงส์ไม่ได้ตกต้องเฉพาะคนจนเท่านั้น ยังช่วยร้านค้าปลีกขนาดเล็กในชุมชนท้องถิ่นและร้านค้าย่อย ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน อีกด้วย

ล่าสุด “ลุงตู่ สายเปย์” กดปุ่มมาตรการช่วยเหลือคนยากคนจนกว่า 14.5 ล้านคนทั่วประเทศชุดใหม่ ที่ถือเป็น “ของขวัญปีใหม่” ทำเอาเฮลั่นกันทั่วประเทศ ไล่เรียงคร่าวๆ ค่าน้ำประปา-ไฟฟ้าเดือน ธ.ค. 2561-ก.ย. 2562 แบ่งเป็น ค่าไฟ 230 บาท/เดือน/ครัวเรือน ค่าน้ำ 100 บาท/เดือน /ครัวเรือน, ค่าเดินทางไปรักษาพยาบาล 1,000 บาท สำหรับผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปถอนเป็นเงินสดได้, ค่าใช้จ่ายทั่วไปเดือน ธ.ค. 2561-ม.ค. 2562 จำนวน 500 บาท/คน ที่เรียกว่าเป็น “โบนัสปีใหม่” ถอนเป็นเงินสดได้ และค่าเช่าบ้านคนจนอายุ 60 ปีขึ้นไป เดือน ธ.ค. 2561-ก.ย. 2562 เดือนละ 400 บาท ที่ถอนเป็นเงินสดได้เช่นกัน

กลายเป็นผลงานในแพคเกจ “ประชารัฐ” ที่จับต้องเป็นรูปธรรม เกทับบลัฟ “ประชานิยม” ยี่ห้อเก่าของ ทักษิณ ชินวัตร เสียสนิท

สะท้อนผ่านผลการสำรวจ “รังสิตโพล”ของ มาหวิทยาลัยรังสิต ในหัวข้อ“อยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง” ออกมา ปรากฏว่าผลสำรวจครั้งล่าสุดที่เพิ่งทำเมื่อ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา “ลุงตู่” นำลิ่ว 27.06% มี “เจ๊หน่อย” คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย ตามมาห่างๆ 18.16% และ “เฮียมาร์ค”อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ 15.55% มาเป็นที่ 3

ข้อแตกต่างที่ทำให้ “รังสิตโพล” ถูกพูดถึงมากอยู่ที่ “ความละเอียด” ที่ใช้จำนวนกลุ่มตัวอย่าง ครั้งละ 8,000 ตัวอย่าง ใน 350 เขตเลือกตั้ง ใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ในทางวิชาการย่อมมี “ความน่าเชื่อถือ” มากกว่าโพลสำนักอื่นที่สำรวจแค่ 1 พันตัวอย่างเศษๆ

ที่น่าสนใจคือ “บทวิเคราะห์” เหตุและผลของคะแนนนิยมขึ้นหรือลง เพราะอะไร สอดรับไปกับ “ความเป็นจริง” โดย สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต ในฐานะ “ผอ.โพลรังสิต” วิเคราะห์ตามหลักวิชาการไว้อย่างเห็นภาพว่า ทิศทางความนิยม ทักษิณ ชินวัตร เริ่มเสื่อม จากปัจจัยความแตกแยกภายในเครือข่ายตัวเอง ส่วนนโยบายโดนใจ ที่เคยผันเป็นกระแส “ทักษิณฟีเวอร์” ก็ถูกนำมาแก้ไข ต่อยอด จนมนต์ขลังที่ชื่อ “ประชานิยม” จืดจาง โดยเฉพาะแคมเปญ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ”ที่ “รัฐบาล คสช.”ยิงสลุตออกมา จน “ลิ่วล้อทักษิณ”โวยลั่นว่า “หาเสียงล่วงหน้า”ก็ชัด

“วันนี้ถ้าดูคะแนนนิยมส่วนตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ซึ่งผมสำรวจมา 4 หน ชนะแค่ 3 หน แต่ครั้งสุดท้าย เริ่มชนะเยอะ ส่วนคะแนนนิยมพรรค แพ้มาตลอด แต่วันนี้พลิกกลับมาชนะ เหตุผลที่พลิกกลับมาชนะ ผมคิดว่ามาจากเรื่องบัตรคนจน”

ผลพวงตกไปสู่ “พลังประชารัฐ” ที่ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า สนับสนุน “ลุงตู่อยู่ต่อ”ที่แนวนโยบายจะต้องล้อและสานต่อไปกับสิ่งที่รัฐบาล คสช. ทำอยู่ ขณะเดียวกันก็บังคับ “ขั้วตรงข้าม”ต้องแทงสวน ค้านทุกเรื่องไปในตัว

กลายเป็นจุดที่ “ได้เปรียบ” ที่รู้ว่า พรรคอื่นก็ไม่กล้าประกาศยกเลิกบัตรคนจนไหมล่ะ แนวโน้มแบบนี้ “สังศิต” ฟันธงเปรี้ยง ยิ่งใกล้เลือกตั้ง “พปชร.”จะยิ่งทิ้งห่างมากขึ้น เปรียบเป็น “พายุ”กวาดพรรคเพื่อไทยตกลู่ เป็นพรรคแรกตั้งแต่เลือกตั้งปี 2544

นอกจากนี้ก็ยังเอาใจคนไทยกลุ่มอื่นๆ ด้วย อาทิ งบประมาณ 1.8 หมื่นล้านบาท ช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนยางและคนกรีดยาง 1.4 ล้านคน ที่เดือดร้อนจากราคายางตกต่ำ, เงินเพิ่มเบี้ยหวัดบำนาญให้ข้าราชการ ผู้มีรายได้น้อย 5.2 หมื่นคน และขยายเพดานบำเหน็จดำรงชีพข้าราชการบำนาญที่มีอายุ 70 ปีอีก 1.5 แสนคน ด้วยงบประมาณ 8.1 หมื่นล้านบาท

รัฐบาลเตรียมแจกบัตรสวัสดิการที่ค้างอยู่ให้กับผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ป่วยติดเตียงที่ตกสำรวจอีก 3.1 ล้านคนด้วย ภายในวันที่ 1 ม.ค. 2562 พร้อมเตรียมขยายกรอบ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” ให้กว้างมากขึ้น ขยายกลุ่มเป้าหมายให้ทั่วถึง อีกอย่างน้อย 1 ล้านรายทั่วประเทศ ผ่านการอำนวยความสะดวกในการลงทะเบียนที่กำลังจะออกมาเร็วๆนี้

และเชื่อเหลือเกินว่า นโยบายในทำนองนี้จะออกมาอีกเป็นระยะในช่วงก่อนวันหย่อนบัตร เช่น โครงการเกี่ยวกับ “ข้าว” ในลักษณะคล้ายๆ กับการประกันราคาหรือรับจำนำ เช่น โครงการเรียนฟรีผ่านบัตรคนจน เช่น โครงการพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้าน เป็นต้น

แล้วยังมีตัวช่วยชั้นดีอย่าง “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง ที่กันมารับบท “ฮีโร่ของคนจน” จับงานช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อนจากหนี้นอกระบบ ทำให้ตัวเลขผู้ที่ได้รับการช่วยเหลือพุ่งไปเกือบ 1 ล้านรายทั่วประเทศ ผ่านการเจรจาไกล่เกลี่ยและทำข้อตกลงชำระหนี้ที่เป็นธรรม คืนทรัพย์สิน-ที่ดินให้ประชาชน

ผลงานออกมาเป็นชุดๆ ไม่เพียงแต่ชาวบ้านแฮปปี้ นักการเมืองก็ต้องยอมสยบ หลายรายที่ชักแถวออกมาจากพรรคเก่าเพื่อร่วมสังกัด “พลังประชารัฐ” ก็ยอมรับโดยดุษณีว่า เป็นเสียงเรียกร้องจากชาวบ้านที่โดนใจนโยบายประชารัฐของรัฐบาล จะใช้คำว่า “ปิดประตูแพ้” ก็คงไม่เกินเลยไปจากความเป็นจริงเท่าใดนัก

“ผมมั่นใจว่าเราจะชนะ” สุริยะประกาศ

ขณะที่สมศักดิ์บอกว่า “มั่นใจมาก” เช่นกัน “เพราะนโยบายของเราไม่ได้แค่แจก แค่ให้ แต่เราสอนวิธีการทำมาหากินเพื่อดำรงชีพอยู่ได้ พรรคเราจะทำเรื่องความยั่งยืนเพื่อหนีความยากจนในภาคเกษตร ทำให้ชาวบ้านและแข็งแกร่งและยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง รัฐบาลทักษิณให้หมูให้ปลา แต่เราจะให้เบ็ดให้อวน”

ส่วน “ภิรมย์ พลวิเศษ” ขยายความว่า “เป็นเพราะยุทธศาสตร์และนโยบายของพรรคที่ทำให้ประชาชนมั่นใจว่าไม่แตกต่างจากทักษิณและดีกว่าทักษิณ ซึ่งจากการลงพื้นที่เรารับรู้ว่า ประชาชนเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะในภาคอีสาน วันนี้คำว่าเพื่อไทยมันไม่ขลังเหมือนเดิมแล้วนะ”

3 ขุนพลคนสำคัญของพรรคพลังประชารัฐยืนยันด้วยความมั่นใจ

และนั่นส่งผลทำให้เกิดปรากฎการณ์มุมกลับ จากเดิมที่ “พรรคทักษิณ” คอยจ้องดูดตัวดีๆ จากพรรคอื่น มาคราวนี้ถูก “พลังดูด” เอาคืนอย่างสาสม ทำให้ “ผู้เล่น” ในมือขาดแคลน

ทำให้ยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พัน” ไม่ให้คะแนนตกน้ำ ที่คิดว่า “เหนือชั้น” ของ “ฝ่ายทักษิณ” ดูท่าจะแป้กมากกว่า การจัดวางตัวไพร่พลเข้าคอกในเครือข่าย “เพื่อไทย - ไทยรักษาชาติ” ออกไปในแนวมั่วซั่ว ดุลอำนาจการบังคับบัญชาวุ่นวาย

แผน “เดิน 2 ขา” เคียงคู่ “เพื่อไทย”สอยเขต “ไทยรักษาชาติ” เอาปาร์ตี้ลิสต์ ดูจะแตกกลางคัน อย่างการเข็นเอา “เสี่ยอ๋อย” จาตุรนต์ ฉายแสง นักการเมืองผู้เป็นสัญลักษณ์ฝ่ายประชาธิปไตย กระทั่งบรรดาแกนนำ นปช. ไปฝากไว้กับ “พรรคลูกเจี๊ยบ” อย่าง “ไทยรักษาชาติ” ที่หัวหางเต็มไปด้วย “เด็กเมื่อวานซืน” ไม่สมฐานะ “เบอร์ใหญ่”อย่าง “เสี่ยอ๋อย-โจกเสื้อแดง” ด้วยประการทั้งปวง

กะเกณฑ์แตกแบงค์พันกระจายสาขา นอกจากไม่เสริมแกร่งให้ “ไทยรักษาชาติ” แล้ว ยังตอกลิ่มให้ “พรรคแตก” เสียเอง กระแสชิงชังไม่ยอมรับ “คุณหญิงหน่อย” กระหึ่มขึ้นหนักกว่าเดิมเสียอีก

ทางการเมืองอาการไม่สู้ดี ทางบ้านยิ่งย่ำแย่ ข่าวลือแรงๆ ที่ว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เร่งเครื่องสางคดีโคตรโกง “จีทูจี ล็อต 2” ที่มีเพิ่ม “ตัวละคร” จากภาคแรก สาวลึก “ไอ้โม่ง-เจ๊โม่ง” ที่บงการ “เสี่ยฮุก”บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จนตกกระได ต้องโทษไปร่วม 40 ปี

ลือแรงจนเห็นว่า “เจ๊แดง”เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เจ้าแม่วังบัวบาน ซุ้มต้นสังกัด “เสี่ยฮุก” เฟดตัวหายไปจากสารบบดื้อๆ “พรรคเพื่อธรรม” ที่ตั้งมาเป็น “พรรคสำรอง” พร้อมกับไว้รองรับสต็อกเด็กในคาถา “เจ๊” สุดท้ายต้องพับโปรเจกต์ เก็บพรรคไว้ทื่อๆ

ว่ากันว่า ที่โปรเจกต์นี้ต้องพับเร็วกว่าวัยอันควร ก็มาจากผลพวง “จีทูเจี๊ยะ-จีทูเจ๊” เนี่ยแหละ

ลือกันออกมานอกเรือนจำ ไม่เพียง “เสี่ยฮุก” เท่านั้น แต่จำเลยทั้งหลาย พร้อมใจกันเปิดปาก ให้การตรงกัน “ไอ้โม่ง-เจ๊โม่ง” คือใคร ไม่เว้นกระทั่ง “เสี่ยเปี๋ยง”อภิชาติ จันทร์สกุลพร ที่เป็นระดับมือไม้สายตรง“บิ๊กบอส”

เพราะจากเดิม “เจ๊บัวบาน”อยู่ในสถานะปลอดภัย ลอยตัวกับทุกเรื่องฉาว คาวทุจริต ไม่ได้คาดการณ์ว่า “ทหาร” จะหาช่องล่อมาถึงตัวจนได้ อุตส่าห์เก็บตัว โลว์โปรไฟล์ ขนาด “ผู้แทนราษฎร”ยังเว้นวรรคไม่ขอเป็น ดันสามี “ชายจืด”สมชาย วงศ์สวัสดิ์ ออกมาเขยื้อน หวังแก้มือเป็นนายกฯคำรบ 2

ขณะที่ “บอร์ด ป.ป.ช.”ผู้ห่อชะตาชีวิต “เจ๊” ตอนนี้ก็เดินเป็นสเตป ไม่ยอมคายสักที ว่ามีชื่อ “เยาวภา”อยู่ในลิสต์ถูกตั้งอนุกรรมการไต่สวนหรือไม่ .. ปล่อยให้ฝ่ายถูกรุกล้ำ ต้องเผชิญอาการ “วัวสันหลังหวะ” ไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม เตลิดเปิดเปิงไปพักใจอยู่ “ดูไบ” นู่น

และยังเป็น “เกมจิตวิทยา” กด “เจ๊ใหญ่” กระทบชิ่งไปถึง “พี่ชาย” ในต่างแดนค้ำหมัดไว้ ไม่ให้คิดหืออือ เดินแผนสู้ “คสช.”เต็มสูบ แล้ว “เพลย์เซฟ”รักษาชีวิต “น้องสาว” เข้าอีหรอบเดียวกับ “คุณชายโอ๊ค” พานทองแท้ ชินวัตร ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน” ที่อยู่ในโหมด “ตัวประกัน”จากคดีฟอกเงินกรุงไทย

ขืนยังดิ้น สู้ไม่เลิก อาจเจอกดปุ่มปลิดชีพล้างตระกูล ให้พ้นวงจรการเมืองไทยกันเลยโอกาสที่ “ยกครัว” ไปเป็น “สัมภเวสีหนีคดี” ทั้งตระกูลมีสูง

ในขณะที่ “ลุงตู่” และ “ทีมประชารัฐ” พลิกเกมกลับมาอยู่ในช่วง “ขาขึ้น” ฝั่ง “ฝ่ายทักษิณ” กลับต้อง “ขาขึ้นก่ายหน้าผาก” ความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สินคนในตระกูลตกต่ำ ส่งผลถึงความมั่นใจของ “ลูกทีม - กองเชียร์” อย่างเลี่ยงไม่ได้

เกมกระดานนี้อาจๆไม่ต้องรอถึง 3 เดือน รู้กันในคูหาเลือกตั้ง 24 ก.พ.62 ก็เป็นได้ สปอยล์ล่วงหน้าได้ว่า อาจจะเป็น “จุดจบ” ของ “ระบบทักษิณ” อย่างบริบูรณ์

ส่วนหลังมีรัฐบาลและเป็นอย่างไร ค่อยว่ากันอีกที.


กำลังโหลดความคิดเห็น