ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ระดับ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”นักการเมืองรุ่นถ้วยชามสังคโลก โชกโชนการเมืองทั้งใต้ดิน บนดิน คิดจะหาสมาชิกเข้าพรรครวมพลังประชาชาติ (รปช.) ไม่ต้องออกแรง“เดินคารวะแผ่นดิน”ให้คนนินทาหมาดูถูกรายวัน
แค่นั่งเฉยๆ ให้เครือข่ายไล่เกณฑ์คนก็น่าจะได้ครบตามกฎหมายไม่ยาก
แต่ที่ต้องลำบากลำบน หน้าด้านหน้าทน เพราะคนอย่าง “สุเทพ”หวังผลอะไรมากกว่านั้น ไม่เช่นนั้นคงไม่ยอมแลกให้ตัวเองด้อยค่าในสายตาชาวบ้านชาวช่อง
แน่นอน ผลลัพธ์หนึ่ง เป็นการเปลืองตัวโดนด่าเพื่อพาตัวเองและ “รปช.”ไปอยู่บนหน้าสื่อ ดึงดูดความสนใจให้ใครต่อใครรู้ว่า พรรคมีตัวตน โดยเฉพาะบรรดาสาวก กปปส. ที่ห่างหายจากสมรภูมิมานานเกิน 4 ปี
ขณะเดียวกัน ยังใช้เป็นอีเวนต์ “ปลุกแนวรบ”ที่สลบหลับใหล หลังภารกิจเขี่ย“ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”เสร็จสรรพ แล้วขยับ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สมใจ
ต้องไม่ลืมว่า โดยธรรมชาติของม็อบ เมื่อปิดจ็อบสำเร็จ ต่างแยกย้ายกันไปตามคนละทิศละทาง เหมือนแค่งานรวมการเฉพาะกิจ การรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน คอยห้อมล้อมบุคคลผู้เป็นขวัญใจทำได้ยาก เพราะแรงจูงใจไม่มาก สู้ตอนขับไล่ไม่ได้
ขณะที่กระแสสังคมส่วนใหญ่มักให้ความสนใจกับ “กลุ่มคัดค้าน” มากกว่าพวกหยอดหวานเป็นธรรมดา ที่ผ่านมา เสียงด่า“สุเทพ”จึงดังกว่า “เสียงชม”
โดยอารมณ์คนไม่เอา “ทักษิณ ชินวัตร”ฟังและเห็น “สุเทพ”โดนด่า โดนเหยียดเข้ารายวัน นานๆจะเปลี่ยนเป็นความสงสาร เหมือนฝ่ายตัวเองโดนกระทำฝ่ายเดียว หลังๆเลยเห็นแม่ยกแฟนคลับ กปปส. เริ่มปรากฏตัวให้กำลังใจมากขึ้น
แผนกตอบโต้ เริ่มมาคู่ขนานกับแผนกตามด่า อีเวนต์ “คารวะแผ่นดิน”เริ่มมีแม่ยก กปปส. ออกมาสองข้างทางบ้าง ไม่ให้ฝ่ายต้านรุมขย้ำ คืนนกหวีดกันอย่างเดียว เอาว่า แม้ยังโผล่มาสักเสี้ยวก็ยังดีกว่าวันแรก ที่โล่งโจ้ง ไม่มีใครสนใจ
อีกผลลัพธ์ทางอ้อม อีเวนต์คารวะแผ่นดินขึ้นเหนือล่องใต้ ยังได้ฉายภาพความคิดของคนในประเทศ อันทำให้คาดคะเนเห็นทิศทาง ผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไร
“สุเทพ”ได้ก้อนอิฐมากกว่าดอกไม้ แม้เข้าใจในอารมณ์มีส่วนร่วม วันนี้กับตอนปิดกรุงไล่ “ยิ่งลักษณ์”เป็นคนละเรื่อง ที่จะวัดปริมาณคนสองข้างทางระหว่างเดินคารวะ กับชัตดาวน์ประเทศ ต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ความนิ่งเงียบของแนวร่วม กับเสียงดังของฝั่งตรงข้าม ก็ทำให้เห็น“แนวโน้ม” และ “ความน่าจะเป็น”
เกือบ 5 ปีที่ “บิ๊กตู่”ยืนเด่นบนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ไม่ได้ดีพอจะลบล้างความจำ หารความรักจากแฟนคลับขั้วอำนาจเก่า หรือตื่นเต้าเร้าใจจากคนกลุ่มกลางๆ ให้มองว่า ทางนี้ฝากผีฝากไข้ได้ดีกว่าเดิม
จะบอกว่า“เสมอตัว”ยังดูดีไป แผนการปฏิรูปที่วาดอย่างไฉไล สุดท้าย 4-5 ปี คนยังมองว่า ไม่มีอะไรจับต้องได้ หนำซ้ำบางอย่างยังดูเลวร้ายกว่า โดยเฉพาะข่าวคราวทุจริตคอร์รัปชันของคนกันเอง ที่ไม่เคยมีใครได้ชดใช้ความผิดสักคน
ยามนี้ ปฏิกิริยาที่มีต่อ “สุเทพ”ย่อมกระทบชิ่งถึง “ประยุทธ์”ในฐานะที่คนรับรู้ว่า เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อข้างถนนโดนก่นด่ามหาศาล สัญญาณความนิยมก็พอเดาออก ถ้าวันนี้ต้องเข้าคูหา
โดยเฉพาะคำพูดคำจาของ “สุเทพ”ต่อยุทธศาสตร์ “แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย”ของฝั่ง “ทักษิณ”ที่ถึงกับสารภาพว่า 300 เสียง ไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่มันมีโอกาสเกิดขึ้น แม้รัฐธรรมนูญจะเขียนกติกาลำเอียงเอาไว้ขนาดไหน
ในสงครามไม่ว่าสนามสนามรบ หรือสนามฟุตบอล ต่อให้รู้ว่าเสียเปรียบคู่ต่อสู้หลายชั้น หลายชุม แต่คนเป็น “แม่ทัพ”ย่อมไม่พูดตัดรอน บั่นทอนน้ำใจให้ไพร่พล ขุนทหาร ออกอาการเสียขวัญ สั่นตั้งแต่ในค่าย
แม้แต่สมัยยังเป็นแม่บ้านประชาธิปัตย์ ตอนการเลือกตั้งปี 2554 ทั้งที่รู้ว่า “เพื่อไทย”มาแรง “สุเทพ”ยังตะแบงว่า ค่ายพระแม่ธรณีบีบมวยผมจะรีเทิร์นกลับเป็นรัฐบาลสองสมัยติด
แต่วันนี้กลับแสดงอาการ “กลัวแม้ว”ผิดแปลกกลศึกสงคราม และความเป็น “สุเทพ”เจตนาน่าซับซ้อนซ่อนเงื่อนกว่านั้นหลายชั้น ออกไปในทางส่งสัญญาณถึงใครบางคนมากกว่า
เพราะในขณะที่อดีตเลขาธิการ กปปส. พูดจาผวา “ทักษิณ”แต่องคาพยพอีกซีกหนึ่งอย่าง “พลังประชารัฐ”พรรคในสังกัดรัฐบาล กลับมั่นอกมั่นใจว่า จะกุมชัยในสนามเลือกตั้ง
โดยพรรษาทางการเมือง ว่ากันตรงๆ “ท็อปบูต”ยังเป็นรองนักเลือกตั้งอาชีพหลายขุม เหลี่ยมคู การมองทะลุยังต่างกันลิบลับ พวกลายครามอย่าง “สุเทพ”ที่แพ้มาหลายสนามรบ ย่อมอ่านออก เสียงเชียร์ “ประยุทธ์”ล้วนเป็นภาพลวงหลอกตา
ต่อให้มีกติกา และส.ว. 250 ที่นั่ง การันตีเก้าอี้นายกฯ รองก้น “บิ๊กตู่”ไปแล้วครึ่งตัว แต่ยังไม่ชัวร์กับการคืนสู่อำนาจเทอมสอง หลังเพื่อไทยและสาขา“แยกกันตี-แยกกันโต”มีโอกาสกระจายแล้วได้ไปกระจุกกันที่“รัฐสภา”
ยิ่งปรากฏการณ์ที่“สุเทพ”พบเจอ ยังบอกได้เลยว่า คนส่วนใหญ่ยังไม่ลืมรักเก่าอย่าง“ทักษิณ”จะมัวหลงกลิ่นจอมปลอมที่ทีมงานจัดฉาก เกณฑ์คนมาต้อนรับตอนลงพื้นที่ต่างจังหวัดยังไม่ได้
“สุเทพ”ต้องการส่งซิก สะกิดให้ “ท็อปบูต”ทำอะไรสักอย่างกับปฏิบัติแตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อยของฝั่งตรงข้าม
กับอีกทางหนึ่ง การประกาศให้ฝ่าย “ทักษิณ”มีโอกาสได้เก้าอี้ 300 ที่นั่ง คัมแบ็กแย่งอำนาจคืน ซึ่งขัดยุทธศาสตร์การรบ และทำลายขวัญกำลังใจไพร่พล ยังเป็นส่งแรงกระตุ้นให้มวลชนคนไม่เอาระบอบทักษิณ ตื่นตัว อย่ามัวชะล่าใจ
คล้ายๆ กับสมัยเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ “ชายหมู”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร กำลังจะเพลี่ยงพล้ำ ให้ “จูดี้”พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากค่ายเพื่อไทย “สุเทพ”ก็ต้องงัดไม้ตาย ไม่เลือกเรา เขามาแน่ ! ขึ้นมาหลอกหลอนคนกรุงให้แขยง“ทักษิณ”
เล่นแผนยัดเยียดทางเลือก แม้ “ชายหมู”ไม่ได้เรื่อง แต่ถ้าเลือกฝั่งนู้น “ทักษิณ”กลับมา สุดท้าย จึงพลิกกลับมาชนะในโค้งสุดท้าย
เหมือนกัน การบอกว่า “ทักษิณ”จะได้ 300 ที่นั่ง ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ก็เป็นการปลุกผีตัวเดิม ขึ้นมาฉายซ้ำให้คนที่ไม่เอาเพื่อไทย ต้องจำใจเลือกฝั่งท็อปบูต และแนวร่วมเพื่อไม่ให้นักโทษหนีคดีรีเทิร์น
“สุเทพ”รู้นิสัยคนไม่เอา“ทักษิณ”แค่ได้ยินชื่อก็เลือดขึ้นหน้า ยิ่งบอกว่า จะชนะกลับมามีอำนาจ ยิ่งต้องหาทางลุกมาต่อต้าน โดยการไหลคะแนนไปให้อีกฝั่งเพื่อสกัด แม้จะไม่ได้รักใคร่ หรือชอบพอ “ท็อปบูต”หรือ กปปส.แล้วก็เถอะ
โดยยุทธศาสตร์ตอนนี้ อย่าคิดถึงขนาดจะได้ ส.ส.เท่าไหร่ เอาแค่รักษามวลชนเดิมให้ได้ยังลำบาก
กระตุก “ท็อปบูต”อย่าชะล่าใจ