xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เก็บภาษี “ทาสหมา-แมว” อลเวง “ลุงตู่” เสียฟอร์มสั่งทบทวนอีกแล้วครับทั่น

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เกิดกระแสวิพากษ์อย่างหนัก สำหรับ “กฎหมายขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง” ที่มีการพูดคุยกันมาสักพักใหญ่ๆ หลังจากคณะรัฐมตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบกับ “ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ฉบับ พ.ศ... แก้ไขเพิ่มเติม 2557” เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยเริ่มนำร่อง “หมาแมว” เป็นลำดับแรก

เรื่องใหญ่ใจความสำคัญ มิใช่สังคมไม่เห็นด้วยกับกฎหมายฉบับนี้ แต่คาใจกับ “ค่าใช้จ่าย” ในการขึ้นทะเบียนที่ต้องเสียถึง 450 บาทต่อตัวว่าทำไมถึงแพงเช่นนี้ และหากฝ่าฝืนมีโทษปรับแรงถึง 25,000 บาท กระทั่งกลายเป็นกระแสดรามาโจมตีรัฐบาลอย่างหนัก บางรายถึงขั้นเตลิดเปิดเปิงไปถึงขั้นกล่าวหาว่า รัฐบาลต้องการหารายได้จากการนี้ไปโน้น

เพราะเมื่อตรวจสอบข้อมูล “สัตว์เลี้ยง” ของไทยใน ปี 2561 โดยระบบ Thai Rabies Net (ณวันที่ 12 มี.ค. 2561) พบว่า ประเทศไทยมีสุนัขและแมว จำนวน 4,623,811 ตัว โดยเป็น สุนัข จำนวน 3,525,333 ตัว และ แมว จำนวน 1,098,478 ตัว ซึ่งในจำนวนนี้ไม่มีเจ้าของ 104,212 ตัว คำนวณคร่าวๆ หากนำร่องขึ้นทะเบียนหมาแมวสำเร็จ นับเฉพาะหมาแมวที่มีเจ้าของ 4,519,599 ตัว จะมีค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นมากกว่า 2,000 ล้านบาทกันเลยทีเดียว

ด้วยเหตุดังกล่าว เรื่องของหมาแมวจึงขยายวงกลายเป็นประเด็นทางการเมืองและถูกหยิบยกไปโจมตีในโลกสังคมออนไลน์ในทันทีที่ “เสธ.ไก่อู-พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด” โฆษกรัฐบาลเปิดแถลงข่าวเพื่ออธิบายรายละเอียดหลังจบการประชุม ครม.

หนักเข้าทนถูกด่าไม่ไหว รัฐบาลจึงจำต้องเสียฟอร์ม “อีกแล้วครับทั่น” ด้วยการสั่งทบทวนกฎหมายฉบับดังกล่าวในวันถัดมาทันที ซึ่งถ้าจะว่าไป นี่ไม่ใช่เหตุการณ์แรกที่ “รัฐบาลลุงตู่” มีพฤติกรรมในทำนองนี้ เพราะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับกรณีกฎหมายห้ามนั่งกระบะหลัง จนต้องยกเลิกการบังคับใช้ไปในท้ายที่สุด หรือกรณีการเพิ่มโทษปรับผู้ที่ไม่พก “ใบขับขี่” เป็นต้น

มองในแง่ดีก็ต้องใช้คำว่า “รับฟังความคิดเห็นของประชาชน”

แต่ถ้ามองในแง่ร้ายก็ต้องบอกว่า “ทำไมถึงไม่เตรียมการอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ” ในสาระสำคัญ

สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ. ที่กรมปศุสัตว์เสนอมานั้น มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันการทอดทิ้งสัตว์ในที่สาธารณะ และการป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ทำให้ประชาชนทั่วไปได้รับความปลอดภัยด้านสุขอนามัย รวมถึงการควบคุมป้องกันโรคติดต่อจากสัตว์สู่คน โดยกรมปศุสัตว์ นำร่าง พ.ร.บ. ฯ ไปรับฟังตาม มาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยตั้งแต่ 16 ก.ค. - 1 ส.ค. 2561 ในเว็บไซต์ฯ ก่อนมีการแก้ไขและเสนอร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว ซึ่งพิเคราะห์ดูแล้วก็ต้องยอมรับว่า มี “เจตนาดี”

โดยสาระสำคัญที่สังคมสนใจอยู่ตรงที่ร่างกฎหมายฉบับนี้ กำหนดจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ ไว้ อาทิ คำร้องขอขึ้นทะเบียนฉบับละ 50 บาท, สมุดประจำตัวสัตว์ฉบับละ 100 บาท และเครื่องหมายประจำสัตว์ตัวละ 300 บาท รวม 450 บาทต่อตัว ทั้งนี้ หากเจ้าของสัตว์เลี้ยงฝ่าฝืน ไม่นำสัตว์มาขึ้นทะเบียน กำหนดโทษสำหรับความผิดของเจ้าของสัตว์ มีโทษปรับไม่เกิน 25,000 บาทต่อตัว

นอกจากนั้น ร่าง พ.ร.บ. ได้กำหนดไว้ว่า สัตว์เลี้ยงทุกประเภทต้องขึ้นทะเบียน เพียงแต่ในระยะแรกนำร่องบังคับใช้เฉพาะหมาและแมวก่อน ยังไม่ขยายไปยังสัตว์เลี้ยงในกลุ่มอื่นๆ ซึ่งขั้นตอนตามกฎหมาย เมื่อ ครม.เห็นชอบร่าง พ.ร.บ. ป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. ... เพื่อบังคับขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยง ก็จะต้องผ่านเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยตั้งคณะกรรมาธิการยกร่างและร่างข้อกำหนดหลักเกณฑ์ ก่อนบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 180 วัน นับตั้งแต่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ทั้งนี้ ชนวนเหตุที่คนเลี้ยงหมาแมวล้อมวงถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อนก็คือ “ความไม่ชัดเจน” และผู้ที่ออกกฎหมายคงคิดว่า “ไม่น่ามีอะไร” โดยเฉพาะการเรียกเก็บค่าลงทะเบียนรวม 450 บาทต่อตัว ที่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดใดๆ ซึ่งนำไปสู่คำถามว่า การที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงจ่ายเงินจำนวนนี้ไปแล้ว เจ้าของหรือสัตว์เลี้ยงของพวกเขาจะได้รับสิทธิหรือผลประโยชน์อย่างไร หรือค่าใช้จ่ายดังกล่าวเรียกเก็บเป็นรายปีหรือตลอดชีพอย่างไร

อีกทั้งยังมีคำถามในส่วนของหมาแมวจรจัดที่คนใจดีรับอุปการะ รวมทั้งหมาแมวจรจัดที่ถูกนำไปทิ้งตามวัดวาอารามต่างๆ เหล่านี้ต้องชำระค่าขึ้นทะเบียนด้วยหรือไม่อย่างไร ซึ่ง ร่าง พ.ร.บ.ฯ ไม่มีรายละเอียดแจ้งทราบ

ต่อมา เพจ Drama-addict แชร์ข้อมูลในส่วนค่าขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงว่า ค่าเครื่องหมายประจำสัตว์ตัวละ 300 บาทนั่นน่ะ เคยมีการพูดคุยคร่าวๆ ว่าจะเป็นพวกปลอกคอที่มีการบันทึกหมายเลขลง QR codeฝัง GPS สมมติหากหมาหรือแมวไปกัดใคร เจ้าของจะไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้ แต่ทั้งหมดทั้งมวลยังไม่มีการเปิดเผยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง

นอกจากนี้ ยังมีเสียงวิพากษ์หนาหูว่าการบังคับขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงตามกฎหมายดังกล่าว จะยิ่งกระตุ้นให้คนเลี้ยงบางกลุ่ม นำหมาแมวไปปล่อยมากขึ้นไปอีก แทนที่จะควบคุมจำนวนสัตว์เลี้ยงหรือป้องกันโรคระบาดตามอันเป็นวัตถุประสงค์ของ และเป็นการโยนภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชนอีกด้วย

ด้านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับเพจเกี่ยวหมาแมวหลายต่อหลายเพจโพสต์ต่างร่วมแสดงความคิดเห็น เช่น เฟซบุ๊กทาสแมวอย่าง Malee & Friends ที่โพสต์ข้อความตั้งคำถามถึงรายละเอียด “ร่าง พ.ร.บ.ป้องกันทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ ฉบับ พ.ศ... แก้ไขเพิ่มเติม 2557” ที่ไม่มีความชัดเจนจนเกิดคำถามต่างๆ นานา

“ตามข่าวขึ้นทะเบียนหมา/แมวแล้วก็ท้อใจ เบื้องต้นไม่ให้ข้อมูลประโยชน์/สวัสดิการอะไรเลยบอกแค่ว่าหมา/แมว ต้องจ่ายค่าขึ้นทะเบียน 50 บาท สมุดประจำตัว 100 บาท เครื่องหมายประจำสัตว์อีกตัวละ 300 บาท รวม 450 บาท สำหรับสัตว์เลี้ยง 1 ตัว และต้องต่อทุกปี #ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุด 25,000 บาท !!!

ประกาศขึ้นมาดื้อๆ ไม่มีแบบสำรวจ/สอบถาม หรือแถลงแนวทางอะไรออกมาก่อนหน้านี้เลย โดยให้เหตุผลว่าการขึ้นทะเบียน จะทำให้เจ้าของ ‘ควบคุม’ จำนวนสัตว์เลี้ยง และช่วยป้องกันโรคระบาด

คำถามคือ คนออกกฎหมาย ‘เข้าใจสถานการณ์’ มากน้อยแค่ไหน คนเลี้ยงหมา/แมวจรหลายคน เลี้ยงเป็นสิบๆ ตัว รับ มาเลี้ยงเอง ออกทุนเอง โดยที่รัฐไม่เคยใส่ใจดูแล ไม่เคยช่วยออกค่าพยาบาล ค่าวัคซีนอะไรมาก่อน

จำเป็นต้องเก็บ 450 บาททุกตัว !!! และ/หรือ #เก็บเงิน เราไปแล้ว สัตว์เลี้ยงของเราจะได้อะไรกลับมา ???

ในต่างประเทศ (ออสเตรเลีย) การขึ้นทะเบียนสัตว์เลี้ยงจะแบ่งเป็นหลายรูปแบบมากๆ แยกประเภททำหมัน/ไม่ทำหมัน แบบไหนขึ้นฟรี แบบไหนต้องจ่ายเงิน ผู้สูงอายุ ผู้รับบำนาญขึ้นทะเบียนฟรี และยังมีกรณีขอค่าขึ้นทะเบียนคืนได้อีก

#ขึ้นทะเบียนแล้วได้อะไร คำถามนี้ต้องตอบให้ชัดก่อน โรงพยาบาลรักษาสัตว์ของรัฐบาลมีพร้อมมากขนาดไหน ศูนย์ดูแลหมา/แมวจร มีครอบคลุมหรือยัง พื้นที่สาธารณะสำหรับสัตว์เลี้ยง มีทั้งหมดอยู่กี่แห่ง

ถึงเวลามีคนร้องเรียน มีเจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือเพียงพอหรือไม่ สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของเสียชีวิตกระทันหันจะดูแลเขาต่อยังไง

แถลงแนวทาง ตอบคำถามเหล่านี้ให้ชัดก่อน หากเห็นหนทางที่จะ #ช่วยกันแก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอน ก็เชื่อว่ามีเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่พร้อมจะสนับสนุนอยู่

แต่ถ้าดื้อรั้นประกาศออกมาแบบนี้ #ปัญหาที่ตามมา เบื้องต้นเลยก็คือ หมา/แมวจรหลายตัวจะถูกปล่อยกลับสู่ท้องถนนทันที เพราะคนกลัวที่จะต้องไปจ่ายค่าขึ้นทะเบียน

ยังไม่นับจับหมา/แมวไปทำหมัน ซึ่งค่าทำหมันแต่ละตัวก็แพงซะเหลือเกิน... เฮ้อ”

อีกทั้งตามวัดต่างๆ มีหมาแมวจรจัดอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากจะจัดการเช่นไร พระครูปลัดกวีวัฒน์ (ธีรวิทย์ ฉันทวิชโช) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชาธิวาสวิหาร ในฐานะรองเลขาธิการศูนย์พิทักษ์พระพุทธศาสนาแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงความกังวลเนื่องจากค่าขึ้นทะเบียนหมาแมว ตัวละ 450 บาท หากบ้านไหนเก็บแมวเก็บหมามาเลี้ยงไว้เป็นจำนวนมาก จะจ่ายค่าขึ้นทะเบียนไหวหรือไม่ เพราะเกรงว่าจะทำให้คนที่ไม่ไหวต่อค่าใช้จ่ายนี้นำหมาและแมวมาปล่อยวัดมากขึ้น จึงขอให้รัฐหาช่องทางที่เหมาะสมให้แก่วัดหรือสถานรับเลี้ยงที่มีสุนัขและแมวจรจัดที่คนนำมาปล่อยไว้ด้วย อยากให้เร่งประชาสัมพันธ์และทำความเข้าใจ มิเช่นนั้น เจ้าอาวาสหลายวัดอาจจะมีความผิดแบบไม่รู้ตัวได้ ดังเช่น กรณี ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ในวัด ซึ่งมีเจ้าอาวาสวัดถูกหมายเรียกขึ้นโรงพักเป็นจำนวนมาก

หลังเกิดกระแสต้านอย่างหนัก นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า “บิ๊กตู่ - พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้ข้อสังเกตขอให้กลับไปหารือเรื่องอัตราค่าปรับ การขึ้นทะเบียน และรายละเอียดต่างๆ ที่จะมีผลกระทบกับประชาชนในการดำเนินการ จึงมอบหมายให้กระทรวงเกษตรฯ และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาหาข้อสรุปในเรื่องดังกล่าวก่อนจะเสนอเข้า ครม. พิจารณาอีกครั้ง

กระทั่ง นายแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ออกมาเปิดเผยว่าที่ประชุมระหว่างผู้บริหารของกรมปศุสัตว์ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายกฤษฎา บุญราช เป็นประธาน เห็นชอบให้ดำเนินการตามมติ ครม. ล่าสุด วันที่ 11 ต.ค. 2561 ให้ “ถอนร่างกฎหมายฉบับนี้” ออกมาก่อน เพื่อไปทบทวนกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตามความเห็นของนายกรัฐมนตรี โดยยึดหลักต้องไม่เป็นภาระแก่ประชาชน

และในระหว่างนี้กรมปศุสัตว์ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนทั่วไป เพื่อนำไปเป็นข้อมูลในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ. ให้มีความเหมาะสม เป็นไปตามความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่อย่างรอบคอบ และสามารถปฏิบัติได้จริงให้ดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการกำหนดค่าธรรมเนียมและค่าปรับ การออกข้อบัญญัติท้องถิ่นในการขึ้นทะเบียนสัตว์ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และอื่นๆ

เป็นอันสยบดรามาทาสหมาทาสแมวในทันที


กำลังโหลดความคิดเห็น