ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ผ่านแล้ว!! สำหรับงบประมาณ (งบอุดหนุนค่าก่อสร้าง) 1,293.920 ล้านบาท ที่การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม ได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรี (25 ก.ย.61) สำหรับโครงการก่อสร้าง “นิคมอุตสาหกรรมสงขลา”ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา”
เงินลงทุนโครงการนี้ จำนวนเต็ม 2,890.402 ล้านบาท ประกอบด้วย เป็น งบประมาณ กนอ.1,596.482 ล้านบาท (ร้อยละ 55.23) และ งบประมาณแผ่นดิน (งบอุดหนุนค่าก่อสร้าง) 1,293.920ล้านบาท (ร้อยละ 44.77)
แบ่งเป็น ค่าเช่าที่ดินราชพัสดุ 1,420.722 ล้านบาท (30 ปี) ค่าศึกษาความเป็นไปไค้โครงการ 2 ล้านบาท ค่าศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม 4.903 ล้านบาท ค่าออกแบบงานก่อสร้าง 17.1 ล้านบาท ค่าก่อสร้าง 1,293.920 ล้านบาท ค่าควบคุมงานก่อสร้าง 44.287 ล้านบาท และ ค่าบริหารจัดการงานโครงการ 6.470 ล้านบาท
โดยตั้งเป้าเป็นแหล่งรวบรวมอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมโลจิสติกส์ อุตสาหกรรมบริการ อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานพาหนะหรือเครื่องจักร อุตสาหกรรมผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมเบา เป็นต้น คาดว่าจะให้เช่าพื้นที่หมดได้ภายใน 6 ปี
ต่อจากนี้ไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็จะเดินหน้าผลักดันอย่างเต็มที่ สอดคล้องกับคำแถลงนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 57 ข้อ 7 ในการส่งเสริมบทบาทและการใช้โอกาสในประชาคมอาเซียน ข้อ 7.6 พัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษซึ่งเริ่มจากการพัฒนาด่านการค้าชายแดน โดยในระยะแรกให้ความสำคัญกับ ด่านชายแดนที่สำคัญ 6 ด่าน ได้แก่ ปาดังเบซาร์ สะเดา อรัญประเทศ แม่สอด บ้านคลองลึก และ บ้านคลองใหญ่ เพื่อรองรับการเชื่อมโยง กระบวนการผลิตและการลงทุนข้ามแดน
ผลักดันมากว่า 4 ปี หลังจาก กนอ.ได้รับการจัดสรรที่ดินที่มีการถอนสภาพเพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะแรก โดยกนอ. จะเข้ามาเช่า เพื่อจัดตั้ง “นิคมอุตสาหกรรม”พื้นที่รวม 1,196-2-20ไร่
ที่ผ่านมา กนอ. ได้ว่าจ้างศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นที่ปรึกษาและดำเนินการศึกษา ความเหมาะสมในการจัดทั้งนิคมอุตสาหกรรม ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา แล้วเสร็จเมื่อ 28 ม.ค.59 และคณะกรรมการ กนอ.ได้อนุมัติการลงทุนโครงการ ในท้องที่ ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา เนื้อที่ประมาณ 927.925 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนกาญจนวนิชย์)โดยโครงการฯ มีระยะทางห่างจาก ด่านสะเดา 1.5 กม. อ.สะเดา 10 กม. จ.สงขลา 93 กม. สนามบินหาดใหญ่ 47 กม. ท่าเรือน้ำลึกสงขลา 99 กม. และกรุงเทพฯ 994 กม.
มีการ วิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการนิคมอุตสาหกรรม 17 ม.ค.60 ได้นำเสนอรายงานการวิเคราะห์ฯ ต่อคณะกรรมการ ผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ด้านอุตสาหกรรม และระบบสาธารณูปโภคที่ สนับสนุนในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา 30 พ.ย.60 คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งซาติ มีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการ 8 ส.ค. 60 มีการลงนามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุกับกรมธนารักษ์ ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา เพื่อจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมแล้ว เนื้อที่ประมาณ 629-1-70 ไร่ และส่วนที่เหลือจะทำสัญญาเช่าในลำดับต่อไป จนครบเต็มพื้นที่ประมาณ 927-3-70 ไร่ โดยมีระยะเวลาการเช่า 50 ปี ( พ.ศ. 2560-2610) และมีค่าใช้จ่ายตามสัญญาเช่าที่ดินราชพัสดุ
โดยอัตราค่าเช่าเริ่มต้นในปีที่ 1 ไร่ละ 28,000 บาท/ปี และปรับเพิ่มอัตรา ค่าเช่าร้อยละ 15 ทุก ๆ 5 ปี จนถึงไร่ละ 98,500.54 บาท/ปี ในปีที่ 50 ส่วนค่าธรรมเนียมการจัดประโยชน์ที่ดินตลอดระยะเวลา 50 ปี อัตราไร่ละ 300,000 บาท โดยทยอยจ่ายในปีที่ 6-10 รวม 5 ปี จำนวนเงิน 390,774,240 บาท
ทั้งนี้ จะเป็นค่าธรรมเนียมจดทะเบียนเช่าที่ดิน 26,376,459 บาท
โครงการนี้ “สภาพัฒน์” มีความเห็นว่า เห็นควรให้กนอ. ให้ความสำคัญกับการพัฒนานิคมอุตสาหกรรม ภายใต้แนวคิดอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบที่อาจมีต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง มาตรการติดตามตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อม และต้องดำเนินการตามมติคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ อย่างเคร่งครัด
ทั้งนี้ การพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา จะเป็นโอกาสการลงทุนของภาคเอกชนในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีการกำกับดูแลและบริหารจัดการที่เป็นระบบ และยังช่วยเพิ่มการจ้างงานใน พื้นที่ซึ่งจะส่งผลให้ประซาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์
“ควรเร่งพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว และกำหนดแนวทางการเชื่อมโยงหรือแข่งขันกับเขตอุตสาหกรรมในมาเลเซียที่ในปัจจุบันมีการพัฒนาก้าวหน้าไปมาก”
สำหรับ แผนการพัฒนาโครงการ แบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เนื้อที่ประมาณ 629.424 ไร่ โดยเริ่มพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ปีงบประมาณ 2562 คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 14 เดือน และ ระยะที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 298.400 ไร่ โดยเริ่มพัฒนาพื้นที่และก่อสร้างระบบ สาธารณูปโภค และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ปีงบประมาณ 2563 คาดว่าจะใช้ระยะเวลาประมาณ 12 เดือน
ในประเด็นเดียวกัน เมื่อเร็วๆ นี้ สภาพัฒน์ ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (กบพ.) ได้เสนอความเห็นต่อรายงานผลการตรวจสอบและประเมินผลภาคราชการ และรายงานผลการประเมินตนเองของ คณะกรรมการตรวจสอบและประเมินผลภาคราขการคณะต่าง ๆ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2560 (ครั้งที่ 2) ในประเด็น “การบูรณาการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ”
สภาพัฒน์ ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพร่วมกับสำนักงบประมาณและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ทำแผนงานบูรณาการพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ โดยร่วมกันกำหนดเป้าหมาย แนวทางตัวชี้วัด และผลลัพธ์รวมทั้งรวบรวมวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญของโครงการทั้งในด้านการพัฒนา โครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาด่าน CIQ การจัดดั้งนิคมอุตสาหกรรม การจัดดั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ
ด้านแรงงานและด้านการลงทุน การพัฒนาระบบสาธารณสุขชายแดน การจัดทำผังพัฒนาพื้นที่ และ การจัดระบบดูแลทรัพยากรธรรมชาติในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งที่ผ่านมาแผนงานบูรณาการฯ ได้รับจัดสรรงบประมาณมาอย่างต่อเนื่องดั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ. 2559 -จนถึงปัจจุบัน
สำหรับข้อเสนอในการเปิดจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ และ การขยายพื้นที่ทำงานของแรงงานต่างด้าวไป-กลับ หรือตามฤดูกาลให้ครอบคลุมทั้งจังหวัด หรือถึงจังหวัดข้างเคียง เกี่ยวข้องกับนโยบายของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเน้นปัจจัยที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้
ที่ผ่านมาไทยได้หาโอกาสหยิบยกประเด็นการเปิดจุดผ่านแดนไทย-มาเลเซีย ที่ด่านศุลกากรสะเดาแห่งใหม่ เพื่อหารือกับมาเลเซียในเวทีเจรจาระหว่างประเทศ ส่วนการขยายพื้นที่ทำงานของแรงงาบต่างด้าวไป-กลับ หรือตามฤดูกาลให้ครอบคลุมทั้งจังหวัดหรือถึงจังหวัดข้างเคียง เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวด้านความมั่นคง ซึ่งจำเป็นต้องมีการพิจารณาอย่างรอบด้านต่อไป
อีกเรื่อง เมื่อไม่นานมานี้ ในการประชุมคณะกรรมการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน (กนพ.) ครั้งที่ 1/2561 “กรมธนารักษ์” ได้เสนอปรับลดค่าเช่าและค่าธรรมเนียมการเช่าที่ราชพัสดุในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ ใน 2 พื้นที่ คือ
“หนองคาย”ได้ปรับค่าเช่าจากเดิม 24,000 บาท/ไร่/ปีแรก เหลือ 2,100 บาท/ไร่/ปีแรก และค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าจาก 160,000 บาท/ไร่/50 ปี เหลือ 35,000 บาท/ไร่/50 ปี และ “มุกดาหาร” อัตราค่าเช่าจากเดิม 24,000 บาท/ไร่/ปีแรก เหลือ 1,800 บาท/ไร่/ปีแรก และค่าธรรมเนียมการจัดให้เช่าจาก 160,000 บาท/ไร่/50 ปี เหลือ 30,000 บาท/ไร่/50 ปี
โดยหวังจูงใจดึงนักลงทุนเข้าร่วมประมูลรอบหลังจากเปิดประมูล 2 ครั้งที่ผ่านมา “ไม่มีนักธุรกิจยื่นซอง”
ทั้งนี้ จะมีการปรับปรุงอัตราค่าเช่าร้อยละ 9 ทุก 3 ปี แต่ยังไม่ทราบว่า “นิคมอุตสาหกรรมสงขลา”ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษสงขลา มูลค่า 2.8 พันล้านบาท จะต้องลดราคาเช่าจากที่ราชพัสดุ แบบ 2 พื้นที่อีสานหรือไม่