ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ อดีตผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ อดีตนายกราชบัณฑิตสถาน วุฒิสมาชิก สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ผู้มีชื่อเสียงซึ่งมีบทบาทในวงการเมืองและสังคมไทย เสียชีวิตเมื่อวันที่ 15 กันยายน 2561 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ด้วยวัย 74 ปี
ศ.ดร.ชัยอนันต์ เป็นนักรัฐศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและนานาชาติ อีกทั้งเป็นนักวิชาการที่มีบทบาทอย่างสูงต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง ตั้งแต่ก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เรื่อยมาจนถึงการรัฐประหารครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557
บางตอนใน “จดหมายเหตุวชิราวุธ” เล่าถึงประวัติของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยอย่างยาวนานตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน 2539 - 30 มิถุนายน 2550 ไว้ว่า ศ.ดร.ชัยอนันต์ เกิดเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2487 เป็นบุตรของ พล.ต.ต.ชนะ สมุทวณิช โดยสกุล “สมุทวณิช” เป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 1903 ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จบการศึกษาชั้นมัธยมจากวชิราวุธวิทยาลัย ก่อนเข้าศึกษาต่อที่แผนกนิติศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังเรียนได้เพียงปีเศษก็สอบชิงทุนโคลัมโบไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยวิคตอเรีย (Victoria University of Wellington) ประเทศนิวซีแลนด์ จนจบปริญญาตรี
จากนั้น ศ.ชัยอนันต์ กลับมารับราชการที่กรมวิเทศสหการ สำนักนายกรัฐมนตรี เป็นเวลา 1 ปี ก่อนได้ทุน USAID ให้ไปศึกษาต่อในระดับชั้นปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน (University of Wisconsin) สหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาเพียงหนึ่งปี ก็จบปริญญาโท จากนั้นได้ขออนุญาตศึกษาต่อปริญญาเอก สาขารัฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยเดิมโดยใช้ทุนเดิมจนสำเร็จการศึกษา เมื่อปี 2514 ต่อมาในปี พ.ศ. 2542 ได้รับดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ และรางวัลนักศึกษาเก่าดีเด่นจากมหาวิทยาลัยวิสคอนซิน
ในระหว่างเสนอหัวข้อและเตรียมจัดทำวิทยานิพนธ์นั้น ศ.ดร.ชัยอนันต์ ได้เดินทางกลับกรุงเทพฯ และบรรจุเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โทประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) แล้วจึงโอนย้ายไปเป็นอาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2518 ได้รับพระมหากรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นศาสตราจารย์ระดับ 10 และระดับ 11 ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อ พ.ศ. 2522 และ พ.ศ. 2527 ตามลำดับ ซึ่งในปี พ.ศ. 2529 ศ.ดร.ชัยอนันต์ ได้รับเลือกเป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติของสภาวิจัยแห่งชาติ ในสาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์
นอกจากราชการประจำดังกล่าวแล้ว ศ.ดร.ชัยอนันต์ ยังได้รับแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตประจำสำนักธรรมศาสตร์และการเมือง อีกทั้งได้รับเลือกให้เป็นอุปนายกราชบัณฑิตยสถานคนที่ 1 ในสมัยที่ ศ.นพ.อรรถสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกราชบัณฑิตยสถาน แล้วได้รับเลือกเป็นนายกราชบัณฑิตยสถาน รวม 2 สมัย ในระหว่างปี พ.ศ. 2548 - 2552
ในทางการเมือง ศ.ดร.ชัยอนันต์ ถือเป็นนักวิชาการที่มีบทบาทอย่างสูงต่อพัฒนาการทางการเมืองของไทย และมีผลงานสำคัญมากมาย จนได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขารัฐศาสตร์และรัฐประศาสนาศาสตร์ และเคยดำรงตำแหน่งสำคัญทั้งในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างต่อเนื่องจวบจนกระทั่งเสียชีวิต
ศ.ดร.ชัยอนันต์ เป็นผู้ที่สนใจในเรื่องการเมืองมาตั้งแต่เริ่มเป็นอาจารย์ที่นิด้า และเป็นหนึ่งในผู้ลงชื่อเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 100 คนในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 จากนั้นได้ร่วมกับเพื่อนอาจารย์และนักวิชาการก่อตั้งพรรคพลังใหม่ในการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2517 และมีส่วนร่วมในแวดวงการเมืองไทยมาตลอด โดยเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญหลายสมัย
นิตยสารผู้จัดการ เดือนมีนาคม 2543 เขียน "ชีวิตที่เลือกแล้วของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช" บางตอนว่า สมัยที่อาจารย์ชัยอนันต์ ยังเป็นอาจารย์ใหม่สอนนิสิตนักศึกษาในช่วงปี 2514 ประชาธิปไตยกำลังเบ่งบาน ตัวเขาเองถูกจับตาอย่างมากด้วยความไม่ไว้วางใจ ฝ่ายซ้ายว่าเขาเป็นขวา เพราะเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธ เป็นพวกมีคราบของศักดินาจับ ในขณะฝ่ายขวามองว่าเป็นซ้าย เพราะจะมีบทความแสดงความเห็นที่ขัดแย้งกับรัฐบาล .... และยืนหยัดต่อต้านเผด็จการร่วมกันกับนิสิตนักศึกษาด้วยการอภิปราย ร่วมชุมนุมในวาระต่างๆ แต่กลับประกาศชัดว่าไม่ได้เชื่อมั่นในลัทธิคอมมิวนิสต์
ในปี 2531 ศ.ดร.ชัยอนันต์ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ และเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในระหว่างปี พ.ศ. 2535 - 2540 หลังจากนั้น ยังได้รับเลือกเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากผู้ทรงคุณวุฒิสาขารัฐศาสตร์ โดยดำรงตำแหน่งในระหว่างวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2541 - 30 มิถุนายน พ.ศ.2543 หลังจากนั้น ยังได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติ ในระหว่างปี พ.ศ. 2549 - 2551
การเข้าไปเกี่ยวข้องในแวดวงการเมืองบางช่วงบางตอน ศ.ดร.ชัยอนันต์ เคยบันทึกเอาไว้ในหนังสือ “ชีวิตที่เลือกได้” ว่า “....รู้สึก shock กับ “การเมืองวงใน” ซึ่งเป็นคนละอย่างกับที่ผมคิด ....การเมืองคือผลประโยชน์และอำนาจ ผู้ใดก็ตามซึ่งเห็นแก่อำนาจและผลประโยชน์มากกว่าเห็นแก่ชาติ ผู้นั้นแม้จะมีเกียรติอย่างไร ผมก็ยกมือไหว้ไม่ได้...”
ในทางวิชาการนั้น ศ.ดร.ชัยอนันต์ ถือเป็นนักวิชาการด้านรัฐศาสตร์คนสำคัญ ได้เขียนหนังสือเกี่ยวกับองค์ความรู้ด้านการเมืองการปกครองหลายต่อหลายเล่ม โดยที่ได้รับการกล่าวขานคือ ‘รัฐ’ และ ‘ไตรลักษณะรัฐกับการเมืองไทย’ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ด้านรัฐศาสตร์และแนวทางวิเคราะห์การเมืองไทยที่มักถูกยกขึ้นมาอ้างอิงในงานวิชาการอยู่บ่อยครั้ง
งานวิชาการว่าด้วย “รัฐ” และ “ไตรลักษณรัฐ” ซึ่งศ.ดร.ชัยอนันต์ ให้ความหมายถึงรัฐที่ประสานเหตุผลของรัฐสามด้านเข้าไว้ด้วยกันคือ ด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา และด้านประชาธิปไตยหรือการมีส่วนร่วม ได้พัฒนามาถึงจุดเปลี่ยนและจำเป็นต้องคิดใหม่เมื่อกระแสโลกานุวัตรได้ก่อตัวเป็นระบบและมีการวางยุทธศาสตร์ในการจัดระเบียบโลกใหม่ ซึ่งพลังของกระแสโลกานุวัตร ส่งผลให้ ศ.ดร.ชัยอนันต์ เสนอแนวคิดเกี่ยวกับรัฐและสังคมในยุคโลกานุวัตรที่ผันเปลี่ยนจาก “รัฐชาติสู่รัฐตลาด”
“.... ในโลกที่ถูกครอบงำและชี้นำด้วยระบบโลกานุวัตร เหตุผลของรัฐเริ่มเปลี่ยนไปจากการคำนึงถึงรัฐในแง่ของความเป็นชาติไปเป็นการคำนึงถึงรัฐในแง่ของความเป็นตลาด เหตุผลด้านการตลาดเริ่มทวีความสำคัญและมีน้ำหนักมากขึ้นกว่าเหตุผลด้านอื่นๆ และความมั่นคง เสถียรภาพทางการเมือง การพัฒนาประเทศ และประชาธิปไตยหรือการมีส่วนร่วมกลับต้องเป็นส่วนเสริมเหตุผลด้านการตลาด รัฐเป็นสิ่งที่สัมพันธ์กับรัฐอื่นๆ และบรรษัทข้ามชาติในฐานะที่เป็นคู่ค้าคู่แข่งขันและส่วนต่างๆ ของประเทศ กลายเป็นจุดหรืออาณาบริเวณของตลาด....” ความตอนหนึ่งในหนังสือ “จากรัฐชาติสู่รัฐตลาด” ของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดยสำนักพิมพ์บ้านพระอาทิตย์
ศ.ดร.ชัยอนันต์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2539 และเมื่อครบวาระครั้งแรกในปี พ.ศ. 2544 คณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัย ได้นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาขอพระราชทานพระบรมราชานุมัติให้ดำรงตำแหน่งต่อมาอีก 1 สมัย ครั้นครบวาระที่ 2 แล้ว ในระหว่างที่คณะกรรมการอำนวยการวชิราวุธวิทยาลัยกำลังสรรหาผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมมารับตำแหน่งแทน ก็ได้ขยายเวลาการดำรงตำแหน่งผู้บังคับการต่อไปอีก 1 ปี จึงได้พ้นจากตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2550
ในบั้นปลายของชีวิตศ.ดร.ชัยอนันต์ เลือกกลับมารับใช้วชิราวุธวิทยาลัย และเริ่มต้นงานหว่านหน่อพืชพันธุ์ใหม่ในรั้ววชิราวุธวิทยาลัย โดยหวังอย่างแรงกล้าว่า ระบบการศึกษาแบบใหม่จะเป็นเหมือนน้ำเป็นเหมือนปุ๋ยที่จะคอยหล่อเลี้ยงสร้างเด็กรุ่นใหม่ ผู้สร้างสังคมใหม่ที่สมบูรณ์ให้กับแผ่นดิน
ในระหว่างเวลา 11 ปีที่ ศ.ดร.ชัยอนันต์ ดำรงตำแหน่งผู้บังคับการวชิราวุธวิทยาลัยโดยเป็นนักเรียนเก่าวชิราวุธวิทยาลัยคนแรกที่ได้กลับมาเป็นผู้บังคับการนั้น ได้ริเริ่มนำทฤษฎีการศึกษาที่สนับสนุนให้เด็กได้แสวงหาความรู้อย่างมีความสุขอยู่อย่างไม่เปลี่ยนแปลงมาปรับใช้กับการเรียนการสอนในวชิราวุธวิทยาลัย ด้วยมีความเชื่อว่า "การเล่น เพื่อรู้เป็นวิธีการสำคัญในการพัฒนาเด็ก โดยได้คิดบัญญัติศัพท์ Plearn ซึ่งมาจากคำว่า play + learn เป็นการเปลี่ยนการเรียนตลอดชีวิต ให้เป็นการเพลินตลอดชีวิต"
แนวทางการจัดการศึกษาของศาสตราจารย์ ดร.ชัยอนันต์ นั้น ดำเนินรอยตามพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานไว้ว่า "ข้าต้องการให้การศึกษาเป็นสิ่งเพลิดเพลินสำหรับเด็ก" .... ดังบทสัมภาษณ์ในนิตยสารผู้จัดการ ของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ ที่ว่า “ที่วชิราวุธเราเน้นการสอนที่ไม่ได้สอนให้จำ แต่สอนให้ทำ นำให้คิด เป็นแนวทางง่ายๆ ที่มีมากับวชิราวุธมานานแล้ว ดังนั้น ภูมิปัญญาไทย คือ ที่นี่เราไม่ได้ลอกฝรั่งมาทั้งหมด หน้าที่ของผมอย่างหนึ่งก็คือ ให้คนเห็นว่าวชิราวุธ เป็นอย่างนี้”
ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุด ดังนี้ • มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก • มหาวชิรมงกุฎ • เหรียญดุษฎีมาลา เข็มศิลปวิทยา
ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช สมรสกับ นางสุภาธร สมุทวณิช (สกุลเดิม สาครบุตร) มีบุตรธิดา 3 คน คือ พชร สมุทวณิช และพลอย จริยะเวช (คู่แฝด) กับนายพลาย สมุทวณิช