ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -แม้จะดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยเปิดให้ท่องเที่ยวและสักการะ มาตั้งแต่ปี 2555 สำหรับรูปเหมือนหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด หน้าตักกว้าง 9 เมตร สูง 11 เมตร ณ บริเวณโบราณสถานเจดีย์เขาล้างบาศก์ ที่ดำเนินการโดย“เทศบาลเมืองพังงา”ซึ่งเป็นเจ้าภาพตั้งงบประมาณมาตั้งแต่ปี 2553 หรือ 9 ปีที่แล้ว มี นายชูโชติ โกยกุล นายกเทศมนตรีเมืองพังงา (ในขณะนั้น) เป็นแม่งาน ร่วมกับ จ.พังงา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)พังงา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ในจ.พังงา มีนายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา (ในขณะนั้น) เป็นประธานในพิธีบวงสรวง ร่วมกับนายวรพจน์ รัฐสีมา นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพังงา (ในขณะนั้น)
ใช้งบประมาณ 9,522,300 บาท จ่ายจากเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2554 ประจำปี 2555 ของเทศบาลเมืองพังงา 1,954,300 บาท และจ่ายจากเงินสะสมของเทศบาลเมืองพังงา 7,568,000 บาท
แต่เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการพิจารณา ร่างกฎหมายของกระทรวงมหาดไทยได้รับเรื่องหารือโครงการก่อสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด ของเทศบาลเมืองพังงา ที่มีการถกเถียงมาแล้วรอบหนึ่งในเวทีของ กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
หลังจากทาง จ.พังงา ได้รับเรื่องจากสำนักตรวจสอบพิเศษภาค 13 (จ.สุราษฎร์ธานี) ตั้งแต่ปี 2555 ได้ทักท้วงโครงการก่อสร้างรูปเหมือนหลวงพ่อทวด มีหนังสือทักท้วงว่า การดำเนินโครงการฯ ของเทศบาลเมืองพังงา ซึ่งร่วมกับ จ.พังงา องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.)พังงา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นๆใน จ.พังงา โดยให้เทศบาลเมืองพังงารับผิดชอบในการก่อสร้างอาคารประดิษฐานองค์หลวงพ่อทวด รวมเป็นเงิน กว่า 10 ล้านบาท โดยระบุว่า เป็นโครงการที่ส่งเสริมและสนับสนุนให้พุทธศาสนิกชนประกอบพิธีกรรมทางศาสนาตามความเชื่อและความศรัทธาส่วนตน “ไม่เข้าข่าย” เป็นการส่งเสริม อนุรักษ์ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม จารีตประเพณีท้องถิ่น และวิถีชีวิตของคนในชุมชนของตนเอง “ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลเมืองพังงา” ตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542
“โดยเฉพาะที่มาของเงินที่ใช้จ่ายในการก่อสร้าง สำหรับโครงการเป็นเงินงบประมาณของ“เทศบาลเมืองพังงา “จ่ายขาดเงินสะสมของเทศบาลเมืองพังงา เมื่อโครงการดังกล่าวเป็นกิจการที่ไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของอปท. และไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับการบริการชุมชนและสังคม หรือกิจการที่เป็นการเพิ่มพูนรายได้ของ อปท. หรือกิจการที่จัดทำเพื่อบำบัดความเดือดร้อนของประชาชนโดยตรง”
ทั้งไม่ใช่เรื่องจำเป็นเร่งด่วน จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขการจ่ายขาดเงินสะสม และไม่เข้าหลักเกณฑ์ในการจ่ายเงินอุดหนุน ตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การตั้งงบประมาณรายจ่ายและการใช้จ่ายงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
ว่าด้วยการใช้จ่ายเงินสำหรับโครงการดังกล่าว จึงเป็นการใช้จ่ายเงินโดยที่ไม่มีกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดให้กระทำได้ อันเป็นการปฏิบัติไม่ขอบด้วยระเบียบ กระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงิน ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ข้อ 89
“จึงให้ เทศบาลเมืองพังงา นำเงินส่งคืนคลังเทศบาลเมืองพังงา แต่เทศบาลเมืองพังงาได้ชี้แจงว่า วัตถุประสงค์โครงการก่อสร้างฯ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของ จ.พังงา จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ ของเทศบาล”
ต่อมา ปี 2559 จ.พังงา โดยเทศบาลเมืองพังงา ได้ชี้แจงไปยังสำนักตรวจสอบพิเศษ ภาค 13 โดยไม่เห็นด้วยกับข้อทักท้วง แต่ทางสำนักตรวจสอบฯ และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ก็ยืนยันการทักท้วง โดยเห็นว่าคำชี้แจงของเทศบาลเมืองพังงา ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะหักล้างข้อทักท้วงได้ และให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ขณะที่เทศบาลเมืองพังงา ได้ชี้แจงเหตุผลและรายงาน ขอให้ผู้ว่าราขการจังหวัด ดำเนินการ ตามข้อ 103 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงิน การฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547
ขณะที่ จ.พังงาได้ทำหนังสือขอความเห็น จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 2 ประเด็น คือ 1. การก่อสร้างอาคารประดิษฐานฯ เทศบาลเมืองพังงา อุดหนุนงบประมาณให้ อบจ.พังงา อยู่ในอำนาจหน้าที่หรือไม่ และ 2. เทศบาลเมืองพังงาใช้จ่ายเงินสะสมเพื่อก่อสร้างฐานองค์หลวงพ่อทวดได้หรือไม่
“กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น”มีความเห็นประเด็นที่ 1 ว่า ตาม พ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 กำหนดให้เทศบาลเมือง อาจจัดทำกิจการใดๆ ในเขตเทศบาลในการให้มีและบำรุงสวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. พ.ศ.2542 ได้กำหนดให้เทศบาลมีอำนาจ และหน้าที่ในการ จัดระบบบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ฃองประชาชนในท้องถิ่นของตนเองในการสาธารณูปการ การส่งเสริมการท่องเที่ยว
การดำเนินโครงการก่อสร้างฯ โดยเทศบาลเมืองพังงา อุดหนุนงบประมาณให้ อบจ.ดำเนินการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติฯ เพื่อสนับสนุนนโยบายการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องชาวพังงา และจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเป็นการส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจ และเพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ของจังหวัด
จัดให้มีและบำรุงสวนสาธารณะ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชนในเขตเทศบาล ด้วยการปรับปรุงสวนสาธารณะ (สวนกาญจนาภิเษก) จึงเป็นการดูแล และจัดทำบริการ สาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวม จึงอยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลเมืองพังงา ที่สามารถดำเนินการได้
ประเด็นที่ 2 เห็นว่า ตามพ.ร.บ.เทศบาล พ.ศ. 2496 กำหนดให้เทศบาลเมือง อาจจัดทำกิจการใดๆ ในเขตเทศบาลในการให้มีและบำรุงสวนสาธารณะฯ และ พ.ร.บ.กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2542 กำหนดเงื่อนไขให้ อปท. ใช้จ่ายเงินสะสมได้ เฉพาะกิจการ ซึ่งอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อปท. ซึ่งเกี่ยวกับ ด้านบริการชุมชน และสังคม หรือกิจการที่เป็นการเพิ่มพูนรายได้ของ อปท. หรือกิจการ ที่จัดทำเพื่อบำบัดความเดือดร้อนของประขาชน เห็นว่า อยู่ในอำนาจหน้าที่ของเทศบาลเมืองพังงา ในด้านการให้มีและบำรุงสวนสาธารณะ และสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเป็นการจัดบริการสาธารณะ เพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นส่วนรวม จึงเป็นการบริการชุมชน และสังคม
มีข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2555 เทศบาลเมืองพังงา ได้โอนงบประมาณมาตั้งจ่ายเป็นค่าก่อสร้างฐาน จำนวน 2,032,000 บาท แต่ไม่เพียงพอ จึงได้ใช้จ่ายเงินสะสมมาสมทบอีก 2,590,000 บาท ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ของระเบียบ เนื่องจากการดำเนินการ ก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จ เทศบาลเมืองพังงา จึงได้จัดทำโครงการต่อเนื่อง แต่ไม่ได้ตั้งงบประมาณปี พ.ศ. 2555 เอาไว้
ประกอบกับเป็นช่วงสามเดือนแรกของการประกาศใช้เทศบัญญัติงบประมาณ ไม่สามารถโอนงบประมาณมาตั้งจ่ายได้ หากไม่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องการก่อสร้างที่ได้ดำเนินการไปแล้ว อาจเกิดความเสียหายขึ้นได้ และไม่อาจรอจัดทำงบประมาณในปีต่อไป
สรุปเรื่องนี้ “คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ คณะที่ 1” เห็นว่า เมื่อเทศบาลเมืองพังงา ได้ชี้แจงข้อทักท้วงไปยังสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน และยังยืนยันความเห็นเดิม จึงเป็นอำนาจของผู้ว่าราฃการจังหวัดพังงา ที่จะวินิจฉัยชี้ขาดตามข้อ 103 ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการรับเงิน การเบิกจ่ายเงินการฝากเงิน การเก็บรักษาเงิน และการตรวจเงินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2547
“คณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ จึงไม่อาจให้ความเห็นในชั้นนี้ได้ ซึ่งเป็นไปตามแนวความเห็นของคณะกรรมการพิจารณาร่างกฎหมายฯ คณะที่ 1 ในการประชุม ครั้งที่ 6/2560 เมื่อวันพุธที่ 14 พ.ย.59 เรื่องหารือกรณีเทศบาลเมืองชุมพร ดำเนินการตามโครงการต่างๆ ในที่ดินเอกชน และหารือกรณีองค์การบริหารส่วนตำบลถืมตอง อ.เมืองฯ จ.น่าน ดำเนินงานโครงการส่งเสริมอาชีพเลี้ยงไก่พันธุ์ไข่ ในกรณีเดียวกันนี้”
มติที่ประชุม ให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรับความเห็นของไปพิจารณาดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
เรื่องนี้ จึงเป็นที่ยุติ และเป็นตัวอย่างอ้างอิงให้กับ อปท. แห่งอื่นๆ ที่กำลังคิดจะสร้าง หรือได้สร้างไปแล้ว ว่าสามารถดำเนินการได้หรือไม่ ประกอบความเห็นคณะกรรมการกฤษฎีกา เรื่องเสร็จ ที่ 1177/2558 ที่ กระทรวงมหาดไทย ขอหารือเกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ"โครงการส่งเสริมการตลาด การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และส่งเสริมกลุ่มอาชีพ"