เป็นการลงมติที่กล้าหาญมากของสภานิวซีแลนด์เมื่อกลางอาทิตย์ที่ผ่านมา ด้วยคะแนน 63 ต่อ 57 แก้ไขกฎหมายการลงทุนของต่างชาติ โดยต่อไปนี้จะห้ามชาวต่างชาติเข้าซื้อบ้านและที่ดิน เพื่อชะลอไม่ให้ราคที่ดินและบ้านที่ได้ถีบตัวขึ้นไปสูงมาก จนเกิดปัญหาแก่ประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่สามารถซื้อบ้านได้อีกต่อไป เพราะต้องไปสู้ราคากับเหล่าเศรษฐีจีน และอเมริกาที่เข้ามากว้านซื้อที่ดินแปลงสวยๆ และบ้านสวยๆ
รัฐบาลพรรคแรงงานได้ผลักดันการแก้ไขกฎหมายการลงทุนของต่างชาติ ท่ามกลางเสียงคัดค้านจากฝ่ายเสรีนิยมที่ต้องการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติอย่างหลับหูหลับตา จนขณะนี้ ทั้งที่ดินเกษตรกรรมจำนวนมากได้ตกเป็นของบริษัทร่วมทุนจีนเพื่อทำการปศุสัตว์เลี้ยงวัว และฟาร์มผลิตนม เพื่อส่งทั้งเนื้อวัวและผลิตภัณฑ์นมเนยกลับไปประเทศจีน
รัฐบาลภายใต้การนำของสุภาพสตรีที่อายุน้อยสุด (37 ปี) ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์คือ Jacinda Ardern ที่เพิ่งคลอดลูก (หญิง) คนแรกเร็วๆ นี้ ได้ประกาศช่วงหาเสียงว่า คนสัญชาตินิวซีแลนด์จะต้องสามารถเป็นเจ้าของบ้านที่อยู่อาศัยได้ โดยเฉพาะในเมืองใหญ่แบบ Auckland ราคาที่ดินได้ถีบตัวสูงมาก และมีเหล่านักธุรกิจหรือเศรษฐีจาก Silicon Valley ของแคลิฟอร์เนียเข้าครอบครอง เพราะไม่กลัวราคาบ้านเลย รวมทั้งที่ดินเกษตรก็ถูกกว้านซื้อจากนักลงทุนจีนจำนวนมาก
ปัจจัยเรื่องบ้านที่อยู่อาศัย มีส่วนทำให้เธอได้รับเลือกตั้งเข้ามา และในที่สุดได้เป็นนายกฯ ทำให้เธอเดินหน้าผลักดันตามนโยบายที่หาเสียงไว้
จริงๆ แล้วเมื่อประมาณ 1 ปีก่อนเลือกตั้ง ได้มีเหตุการณ์ที่ปลุกชาวนิวซีแลนด์ให้ตื่นขึ้น และถกเถียงเรื่องการเปิดอ้าอย่างกว้างขวางให้ต่างชาติมาลงทุน และสามารถซื้อที่ดินและที่อยู่อาศัยอย่างเสรี ทำให้เกิดการต่อต้าน กรณีบริษัทเซี่ยงไฮ้เป็งสิน ยักษ์ใหญ่ผลิตภัณฑ์อาหารของจีนได้ซื้อที่ดินเกษตรทำฟาร์มผ่านทางบริษัทร่วมทุนในนิวซีแลนด์ และได้รับอนุมัติจาก OIO (Overseas Investment Office) หรือองค์กรเพื่อการลงทุนจากต่างประเทศ แต่เกิดเป็นประเด็นใหญ่จนในที่สุด รัฐบาลกลางก็เลยต้องจำยอมระงับการเข้าซื้อฟาร์มจำนวนมหาศาล ที่จะทำให้ฟาร์มโคนมในประเทศถึง 1/3 ไปตกอยู่ในมือต่างชาติผ่านทางบริษัทร่วมทุน
นั่นเป็นช่วงปลาย 2015 ต้น 2016 ซึ่งราคาน้ำมันกำลังดิ่งมาอยู่แค่ 20 เหรียญต่อบาร์เรล และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดตกต่ำมาก ซึ่งการที่นิวซีแลนด์จะยอมขายที่ดินแก่นักลงทุนจีน น่าจะเป็นยอดปรารถนาของเจ้าของฟาร์ม, รัฐบาลท้องถิ่น และรัฐบาลกลางอย่างยิ่ง
แต่กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงวัวแห่งชาติ (Federated Farmers of New Zealand) นำโดย Dr.William Rolleston ซึ่งเป็นประธานแนวร่วมเกษตรกรแห่งชาติ ไม่เห็นด้วยกับแนวโน้มการขายฟาร์มแบบหน้ามืด ซึ่งเข้าข่ายสามารถผูกขาดเกษตรกรรมผู้เลี้ยงวัวเนื้อ และวัวนมได้
จนในที่สุด รัฐบาลกลางซึ่งเป็นรัฐบาลพรรคเสรีนิยม (พรรคตรงข้ามกับพรรคแรงงาน) ก็ไม่กล้าฝืนมติ (อย่างไม่เป็นทางการ) ของมวลมหาชน และได้ระงับการเข้าซื้อของบริษัทยักษ์เซี่ยงไฮ้เป็งสินไว้ได้
สำหรับบ้านที่อยู่อาศัยในนิวซีแลนด์นั้น ในรอบ 10 ปีราคาได้พุ่งไป 10% โดยเฉพาะราคาบ้านที่เมืองใหญ่แบบ Auckland ได้ขึ้นไป 1 เท่าตัว
ชาวนิวซีแลนด์ได้แต่ทำงานหนัก และต้องเช่าบ้านแทนการซื้อบ้านที่ราคาสูงเกินเอื้อม และรัฐบาลปัจจุบันก็ได้ทำตามการเรียกร้องของประชาชน เพื่อทำให้ราคาบ้านอ่อนตัวลง ขณะเดียวกันก็ต้องรีบสร้างบ้านที่ราคาไม่แพง หรือพวก Tiny Houses (บ้านจิ๋ว) ที่อาจอยู่ชานเมืองเพื่อให้ชาวนิวซีแลนด์ที่เพิ่งเริ่มชีวิตการทำงานได้มีที่อยู่อาศัย หรือจะเป็นคอนโดฯ ราคาไม่แพงในเมืองใหญ่ ที่จะต้องสร้างขึ้น แต่หวังว่าจะไม่เป็นแบบบ้าน/คอนโดฯ ราคาถูกที่สร้างสมัยไทยรักไทย ที่ใช้วัสดุชนิดไม่ดีจนพักอาศัยไม่ได้ เนื่องจากการโกงชาติที่เกิดขึ้นจำนวนมาก
กับข่าวใน South China Morning Post ในวันพุธที่ 15 ส.ค. (วันเดียวกับที่มีการแก้กฎหมายการเข้าซื้อบ้านและที่ดินของต่างชาติที่ผ่านสภานิวซีแลนด์ได้ชัยชนะ) ที่รายงานถึงคลื่นการอพยพของชาวจีนหนุ่มสาว (เศรษฐีใหม่) ที่เพิ่งตั้งครอบครัวแล้วส่งลูกเล็กๆ หรือลูกวัยรุ่นมาเรียนในร.ร.นานาชาติของไทย ที่ตอนเหนือของไทยและที่กรุงเทพฯ (รวมทั้งมหาวิทยาลัยด้วย) เพราะมีค่าเล่าเรียนถูกกว่าที่เมืองใหญ่ของจีน แต่ได้มาตรฐานการเล่าเรียนที่ดีมาก
พวกเขาไม่พลาดที่จะลงทุนซื้อคอนโดฯ หรือบ้านในไทย เพื่อให้ลูกหลานได้พักอาศัย อาจหมายถึงซื้อตึกเป็นหลังๆ ได้เลย ทั้งๆ ที่เรามีข้อห้ามการซื้อบ้านโดยคนต่างชาติ แต่รูโหว่ของไทยมีเยอะมาก จนขณะนี้ถนนหลักตามเมืองใหญ่ของเรา ทั้งสีลม, สาทร, พัทยา, ภูเก็ต, เชียงใหม่ รวมทั้งเรือกนาไร่สวนทั้งที่สุพรรณบุรี, ระยอง กลายเป็นตกอยู่ในมือต่างชาติผ่านทาง Nominees ที่รักเงินมากกว่ารักชาติ
ก็คงต้องดูตัวอย่างที่นิวซีแลนด์ที่เขาลุกขึ้นมาปกป้องที่ดินทำกิน และบ้านพักอาศัยของลูกหลานของเขา ก่อนจะสายไป