xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เมื่อพ่อเล่นใหญ่ ภัยก็ลามถึงลูก เปิดอีกมุมจาก “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - กลายเป็นประเด็นที่ทำให้ “นายทหารมาดนิ่ง” อย่าง “บิ๊กป๊อกพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เก็บอาการไม่ค่อยจะอยู่ หลังมีกระแสข่าวที่ว่า “ลูกผู้มีอำนาจ” เข้าไปมี “ผลประโยชน์” อันเกี่ยวเนื่องกับ “มหาเมกะโปรเจกต์แสนล้าน” โครงการบริหารจัดการขยะทั่วประเทศ พ่วงกับนโยบายการผลิตไฟฟ้าจากขยะชุมชน ในความดูแลของกระทรวงมหาดไทย ออกมาอย่างต่อเนื่อง

ด้วยมันมี “ขี้ปาก” ของ “คนในวงการ” ที่มีการเอ่ยอ้างถึงพฤติกรรม “เรียกรับผลประโยชน์” ของ “ลูกผู้มีอำนาจ” เพื่อแลกกับ “ใบเบิกทาง” ของโรงคัดแยกขยะ-โรงไฟฟ้าขยะ ที่ ณ ตอนนี้ “ค่าตั๋ว” พุ่งกระฉูดไปสูงสุดที่ “600 โล ต่อโรง” เรตที่ว่าเป็นราคาสำหรับโครงการในพื้นที่ กทม. ขณะที่พื้นที่อื่นๆ ก็ลดหลั่นกันไปตามปริมาณขยะ-ปัจจัยแวดล้อม แต่ขั้นต่ำสตาร์ทกันที่ “ร้อยโล” ขึ้นไปแล้ว

จนต้องมีการปล่อย “คำชี้แจง” ของ “รมว.มหาดไทย” ออกมาอย่างรัวๆ ตลอด 3-4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อปลายสัปดาห์ก่อนที่ชี้แจงออกมายืดยาว ที่นอกจากพร่ำพรรณนาถึงเหตุผล-ความจำเป็นที่ต้องให้กระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบการแก้ไขปัญหาขยะล้นเมืองอย่างเร่งด่วนแล้ว ยัง “ออกตัวแรง” โดยมีวรรคตอนสำคัญที่เอ่ยถึง “ลูกชาย” เป็นครั้งแรกที่ว่า

“...ที่มีการโจมตีบุคคลในครอบครัวของผมเข้าไปเกี่ยวข้อง กับการสร้างโรงไฟฟ้ากำจัดขยะนั้น ยืนยันว่าครอบครัวไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแน่นอน ลูกชายบอกว่าไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวหรือร่วมทุนกับใคร เรื่องนี้ไม่ใช่จะมากล่าวหากันลอยๆ ได้ถ้าคิดว่ามีข้อมูลก็ไปร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานที่รับผิดชอบในการตรวจสอบ ประเทศชาติถ้ามีใครโกงต้องจับเข้าคุก ไม่ใช่มาด่าทอส่งเดช ขอแนะนำว่าอย่ามาโจมตี ควรจะไปบอกหน่วยงานที่เขามีอำนาจในการตรวจสอบและลงโทษ...”

นอกเหนือจากการแก้ต่างให้กับ “ลูกชาย” แล้ว “บิ๊กป๊อก” ก็ยังเพรียกหา “ใบเสร็จ” พร้อมไล่ส่งให้ไปร้องร้องทุกข์กล่าวโทษกับบรรดาหน่วยงานตรวจสอบ

ถือเป็นการ “เล่นใหญ่” ที่ส่งผลให้ “ลูกชาย รมว.มหาดไทย” ต้องออกมาอยู่กลางสปอตไลท์ และกลายเป็นบุคคลที่น่าสนใจขึ้นมาในทันที โดยตามประวัติ “บิ๊กป๊อก” มีบุตรธิดารวม 2 คน เป็นชาย 1 คน และหญิง 1 คน

ลูกชายคนโตของบิ๊กป๊อกมีชื่อว่า “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” เท่าที่สืบเสาะหาข้อมูล พบว่าค่อนข้าง “โลว์โปรไฟล์” มีชื่อร่วมงานใน “สังคมชั้นสูง” อยู่บ้างเท่านั้น แต่เผอิญไม่กี่เดือนก่อน “ธรรมกร” คอลัมนิสต์แห่ง “ค่ายแนวหน้า” ได้เคยรวบรวมประวัติของ “ยุทธพงษ์” ไว้โดยสังเขป ความว่า “มีผู้ถาม ธรรมกร ว่า รู้จักไหมว่า ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา เป็นใคร ธรรมกร ตอบว่า ไม่รู้จักชายหนุ่มผู้นี้เป็นการส่วนตัว แต่รู้ว่า เขาคือลูกชายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ของรัฐบาล คสช. และเท่าที่รู้เบื้องต้น คือเขาคนนี้เป็นเจ้าของ บริษัท สปามนตรา เฮลธ์ แอนด์ สปา และ เจ้าของบริษัท โซลิด เอนเตอร์เทนเมนต์ ที่ผลิตรายการทีวี ในกลุ่มบันเทิงเริงรมย์ ส่วนเรื่องที่มาก และลึกไปกว่านี้ ธรรมกร ไม่ทราบ เพราะเขาค่อนข้างจะ low profile อ้อ! แล้วก็รู้เพียงว่า ยุทธพงษ์ แต่งงานกับ อนัญญา เมื่อต้นปี 2556 ที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ที่อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เขาว่ากันว่าเป็นงานแต่งงานใหญ่ แต่ทว่าเป็นข่าวน้อยมาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มีผู้กล่าวหาว่าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการประมูลของกระทรวงมหาดไทย ขอตอบ ณ ตรงนี้ว่า ไม่ทราบ และยังไม่มีข้อมูล ถ้าหากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะมาบอกกล่าวให้ทราบโดยเร็ว”

สรุปแล้วหลักๆ “ยุทธพงษ์” ที่มีชื่อเล่นว่า “อ้อ” เปิดกิจการด้านสปาใหญ่โตมาราว 7-8 ปี รวมทั้งยังเปิดบริษัทรับจ็อบเล็กๆด้านผลิตคอนเทนท์ป้อนรายการโทรทัศน์ทั่วไป

หากมอง “ตามเนื้อผ้า” แล้วคงไม่ได้ไปมีเอี่ยวร่วมหุ้น-ลงขันอะไรที่เกี่ยวกับ “โรงไฟฟ้าพลังงานขยะ” อย่างที่ “เผ่าจินดาผู้พ่อ” ว่าไว้

แต่ที่ “สะกิดใจ” ก็ตรงช่วงท้ายๆ ที่ “ธรรมกร” ว่าไว้ “ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่มีผู้กล่าวหาว่า เขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการประมูลของกระทรวงมหาดไทย ขอตอบ ณ ตรงนี้ว่า ไม่ทราบ” ตรงนี้ทำให้อนุมานได้ว่า เรื่องที่ “พ่อป๊อก” ออกมาแก้ต่างให้ลูกชายหัวแก้วนั้น กระฉ่อนจนหลุดไปเข้าหู “สื่อ” มานานพอสมควรแล้ว

แล้วยังไม่สิ้นคำแก้ต่างของ “พ่อป๊อก” ดี ก็มีข้อมูลในทำนอง “ใบเสร็จ” หลุดออกมาอย่างจัง เพราะในขณะที่หลายคนกำลังจะคล้อยตาม “คำแก้ต่าง” ของ “ท่าน มท.1” อยู่แล้ว บังเอิญพบชื่อ “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” ไปปรากฏอยู่ในวาระงานของทางราชการ แถมเกี่ยวกับ “โครงการขยะ” เสียด้วย

โดยในเว็บไซต์ www.phuket.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ “อย่างเป็นทางการ” ของจังหวัดภูเก็ต ได้มีการระบุถึงภารกิจของ “นรภัทร ปลอดทอง” ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ไว้ว่า “เวลา 11.30 น. คุณยุทธพงษ์ เผ่าจินดา ขอเข้าพบ เรื่องการบริหารจัดการขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” โดยมี “ปลัดโก้” เป็นเจ้าของเรื่อง
 
 
  หมายงานที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต
ข้อความที่ปรากฏชื่อแซ่ชัดเจนขนาดนั้น น่าจะพอเป็น “ใบเสร็จ” ที่ “บิ๊กป๊อก” ถามถึงอยู่ได้

แต่ก็ต้องให้ความเป็นธรรม แม้ชื่อ-สกุลเป๊ะๆ แต่จะชี้ชัดฟันธงลงไปเลยว่าเป็น “ลูกชาย รมว.มหาดไทย” กำลังไปทำอะไรอย่างที่เป็น “ขี้ปาก” ของคนในวงการพลังงาน และสังคมกำลังให้ความสนใจอยู่นั้นก็อาจจะเร็วเกินไป เพราะยังพอคิดได้อย่างน้อยๆ 3 ทาง

หนึ่ง-เป็น “คนชื่อ-นามสกุลพ้องกัน” ที่บังเอิญขอไปเข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ตหารือเรื่องแนวทางการจัดการขยะ

สอง-มี “คนแอบอ้าง” ชื่อ “ลูกชาย มท.1” เพื่อขอเข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ตหารือเรื่องแนวทางการจัดการขยะ

หรือ สาม-อาจจะเป็น “เสี่ยอ้อ-ยุทธพงษ์” เจ้าของร้านสปา ลูกชายรัฐมนตรี ที่กำลังไปสนใจธุรกิจเกี่ยวกับ “ขยะ” ขึ้นมากะทันหัน ส่วนจะมี “นอก-ใน” อะไรหรือไม่ก็อีกเรื่อง

ทว่า ก็เกิดความผิดปกติซ้อนขึ้นมาอีก หลัง “นัดหมายผู้ว่าฯภูเก็ต” กลายเป็นข่าวใหญ่ขึ้นมา จู่ๆข้อมูล วาระงานผู้ว่าฯ ภูเก็ต เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 ก็ถูกลบไปอย่างไร้ร่องรอย

ที่สำคัญเจาะจงลบเฉพาะนัดตอน “11.30 น.” ที่เดิมมีข้อความว่า “คุณยุทธพงษ์ เผ่าจินดา ขอเข้าพบ เรื่องการบริหารจัดการขยะในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ณ ห้องรับรองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต” เสียด้วย ขณะที่วาระงานวันเดียวกันในช่วงเวลาอื่นยังคงอยู่ตามปกติ

ตามมาด้วย “คำแก้ต่าง” จากปาก “พ่อป๊อก” อีกครั้ง หลังมี “หลักฐานสำคัญ” ถูกเปิดเผยออกมา โดยยังยืนกระต่ายขาเดียวว่า “ลูกชายผมบอกว่าไม่ได้ไปพบ ไม่ได้เข้าพบ ไม่รู้จัก และไม่ได้ทำกิจการ”

ก่อนจะขยายความต่อว่า “ได้สอบถามแล้ว ลูกชายผมยืนยันว่าไม่เคยไปทำ และไม่เคยรู้จัก รวมถึงไม่เคยเข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ต ตามที่เป็นข่าว ส่วนทางผู้ว่าฯภูเก็ต บอกว่ามีคนมาขอพบ จึงขอดูรูป แต่ทางผู้ว่าฯภูเก็ตลบรูปไปแล้ว ซึ่งทางผู้ว่าฯภูเก็ต ได้อธิบายรูปร่าง แต่ไม่ตรงกัน และระบุว่าได้ลบวาระงานลูกชายผมไปแล้ว ยืนยันว่าตระกูลผมไม่ยุ่งเรื่องผลประโยชน์พวกนี้ บริสุทธิ์แน่นอน”

จากนั้น ผู้สื่อข่าวก็ถามต่อไปว่า เรื่องนี้อาจเป็นการดิสเครดิตเพื่อโจมตีท่านหรือไม่ “บิ๊กป๊อก” กล่าวว่า “ผมไม่ตอบคำถามแบบนี้ มันลิเกไปหน่อย คุณไปถามลูกผมแล้วกัน แต่ก็ว่าไปตามกฎหมายแล้วกัน ผมถามลูกชาย ลูกชายบอกว่าไม่เคยไปพบ ผู้ว่าฯ บอกมีคนมาขอพบจริงบอกว่าชื่อนี้ ถามลูกว่าไง แต่ไม่ตรงกัน ผมรู้แค่นี้ ก็ดำเนินการตามกฎหมายไป ส่วนลูกชายจะดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่ ให้ไปถามเขาว่าจะฟ้องหรือไม่ แต่ถ้ามากระเทือนผม ผมฟ้อง เพราะผมมั่นใจว่าผมไม่ทุจริต ไม่เคยยุ่ง ผมไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่คิดและไม่เคยทำ แล้วที่กล่าวหาทุกเรื่องไม่ใช่เรื่องของผม”

พอนักข่าวซักต่อไปถึงธุรกิจของลูกชาย “บิ๊กป๊อก” บอกประมาณว่า ลูกชายโตแล้ว และเป็นคนดี เขาไม่ทำอะไรที่ไม่ดี คงไม่ต้องไปเน้นอะไร แต่เขายืนยันว่าไม่ได้ทำแน่นอน และตนไม่ยอมไม่ว่าใครทั้งสิ้น อย่ามายุ่งเกี่ยวงานกระทรวงแล้วมาใช้ชื่อตน ใช้อิทธิพลไม่ได้เด็ดขาด ตนไม่ยอมทั้งสิ้น ยังต้องอบรมอีกหรือ ลูกอายุ 41 แล้ว เขาโตเรียนปริญญาเอกแล้ว

“ผมไม่กลัว ยืนยันในความบริสุทธิ์แน่นอน 4 ปีที่ผ่านมาผมรับรองไม่มีใครว่าผมได้แม้แต่คำเดียว มีแต่คนที่เจตนาไม่ดีเท่านั้น ดีนะถ้าคนผิดคนโกงโดนดำเนินการ แต่ผมไม่เคยทำ ลูกชายผมถึงเขาจะทำธุรกิจ ผมก็ไม่เห็นด้วยถ้าจะทำ แล้วเขาก็ยืนยันจะไม่ทำ” เป็นคำพูดทิ้งท้ายของ “พล.อ.อนุพงษ์”

เพื่อให้สิ้นกระแสความ ก็มีการสอบถาม “เสี่ยอ้อ-ยุทธพงษ์” ถึง “ข้อเท็จจริง” ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2561 กับนัดหมายที่ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ซึ่งทางลูกชาย รมว.มหาดไทยก็ได้เช็กเรื่องที่เกิดขึ้นเช่นกัน ก่อนเปิดเผยว่า มีการติดต่อขอนัดหมายผู้ว่าฯภูเก็ต ในช่วงเวลา 11.30 น.จริง โดยมีการอ้างว่าเป็น “ทีมงาน” ของคนชื่อ “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” พร้อมผู้แทนเทศบาลเมืองนครภูเก็ต และเทศบาลเมืองป่าตอง ขอเข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ต เพื่อหารือเรื่องการบริหารจัดการขยะภูเก็ต

อาจจะเป็น “ความมักง่าย” ของ “ผู้รับนัดหมาย” จึงระบุชื่อผู้เข้าพบว่าเป็น “คุณยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” ไว้เพียงชื่อเดียว และเมื่อถึงเวลานัดหมาย ปรากฏว่า ไม่มีบุคคลชื่อ “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” เข้าพบผู้ว่าฯภูเก็ต มีตัวแทน “เทศบาลเมืองป่าตอง” เข้าพบเท่านั้น

อย่างที่ทราบกันดีว่าโครงการที่เกี่ยวเนื่องกับการจัดการขยะนั้นมีมูลค่ามหาศาล อย่างที่มีผู้ขนานนามว่าเป็น “ขุมทรัพย์แสนล้าน” ที่ “นายทุนใหญ่” ต่างจับจ้องกันตาเป็นมัน อันน่าจะเป็นเหตุให้มีความพยายาม “แอบอ้าง” หรือทำทุกวิถีทางในการเข้าถึง “ผู้มีอำนาจตัดสินใจ” ให้มากที่สุด

ชื่อของ “บุคคลในครอบครัวผู้มีอำนาจ” จึงอาจจะกลายเป็น “เหยื่อ” ของเรื่องนี้โดยไม่รู้ตัว

นอกจากเรื่องขยะแล้ว แว่วๆ ว่า ยังมีชื่อของ “มิสเตอร์ บ.” ซึ่งเป็นตัวละครลับอีกคนหนึ่งแอบอ้างไปทำมาหากินในการประมูลรถที่กองทัพนำออกขายทอดตลาดอีกต่างหาก

กระนั้นก็ดี สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นกับ “ยุทธพงษ์ เผ่าจินดา” ต้องบอกว่า โทษใครไม่ได้นอกเสียจาก “พ่อตัวเอง” ที่ “เล่นใหญ่” การันตีความบริสุทธิ์ไม่พอ ยังโยนชื่อ “ลูกชาย” ออกมาอยู่กลางสปอตไลท์ กลายเป็น “เป้านิ่ง” ให้ถูกโจมตีในที่สุด

...ส่วนการผลักดันโรงไฟฟ้าขยะของรัฐบาลและกระทรวงมหาดไทยนั้น คงต้องติดตามกันต่อไปว่า จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรท่ามกลางข้อกังขาของสังคม โดยเฉพาะกรณี “การยกเลิกจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)และการใช้กฎหมายผังเมือง” ที่บอกได้คำเดียวว่า ต้องใช้ “ความโปร่งใส” เป็นธงในการเดินหน้าเท่านั้นถึงจะประสบความสำเร็จได้




กำลังโหลดความคิดเห็น