ชลประทานแจ้งเตือน น้ำล้นสปิลเวย์เขื่อนแก่งกระจาน ให้คนเมืองเพชรบุรี เตรียมรับมือ ทร.ส่งเรือผลักดันน้ำ 20 ลำ เข้าช่วยเหลือ ขณะที่ประชาชนสวดเทศบาล นำทรายไปกองไว้ที่ ที่ทำการเทศบาลให้ประชาชนไปกรอกใส่ถุงขนไปเอง แทนที่จะไปกองใกล้ชุมชน หรือวัดที่ใกล้จุดเสี่ยงน้ำท่วม เพื่ออำนวยความสะดวก ส่วนพื้นที่เมืองกาญจน์ น้ำในเขื่อนวชิราลงกรณ และศรีนครินทร์ สูงกว่าเกณฑ์ ต้องระบายน้ำเพิ่ม เตือนประชาชนพื้นที่ 5 อำเภอ ลุ่มน้ำแควน้อย แควใหญ่ และแม่กลอง เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง
วานนี้ (5 ส.ค.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ชี้แจงกรณีเขื่อนแก่งกระจานปริมาณเต็มความจุ และ จะส่งผลกระทบ อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี นั้น คาดว่าน้ำจะล้นทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (สปิลเวย์) ในเวลา 22.00 น.(5ส.ค.) ซึ่งการไหลของน้ำไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแม้แต่น้อย และปริมาณที่ไหลผ่านไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อย เพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้น ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่านสปิลเวย์เต็มที่
ส่วนน้ำที่ล้นสปิลเวย์ต้องใช้เวลา 24 ชม.ถึงเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งจะสามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนน้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรี ต้องใช้เวลา 12 ชม. กว่าจะถึง อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี สถานการณ์พื้นที่ใต้เขื่อนแก่งกระจาน ไม่มีฝนตก และไม่มีฝนตกสะสม ซึ่งปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีมีน้อยมาก สามารถรับน้ำได้อีก 150 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 13 ล้านลบ.ม.ต่อวัน
กรมชลประทาน มีการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี โดยใช้บทเรียนจากปี59 และปี 60 คือ ก่อนเข้าฤดูฝน ทำการเสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี ได้ย้ายเครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำไปยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดน้ำท่วม ทำการพร่องน้ำโดยการเร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องสูบน้ำจากทุกหน่วยงาน ตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำ และติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.
ด้านศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้ลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 20 ลำ พร้อมกำลังพล70 นาย ออกเดินทางจากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ ไปจ.เพชรบุรี แล้ว โดยจะติดตั้งบริเวณปลายแม่น้ำเพชรบุรี เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรี ลงสู่ทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร
ขณะที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้นำทรายมากองที่บริเวณที่ทำการเทศบาลเมืองเพชรบุรี พร้อมแจกกระสอบใส่ทราย ให้ประชาชนมากรอกทรายใส่กระสอบเอง เพื่อนำไปเสริมเป็นกำแพงป้องกันน้ำที่หน้าบ้านตนเอง ทำให้มีประชาชนหลายร้อยคน มากรอกทรายใส่กระสอบตลอดคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนต่างบ่นว่า เทศบาลน่าจะนำทราย กระจายไปกองที่บริเวณชุมชน หรือวัด ใกล้จุดเสี่ยง หรือจุดที่เคยถูกน้ำท่วม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน แทนที่จะมากองไว้ที่เทศบาลแห่งเดียว เพราะบางคนไม่มีรถกระบะ ก็ยังสามารถใช้รถเข็น มาเข็นกระสอบทรายไปได้ อีกทั้งบริเวณที่ทำการเทศบาล ก็คับแคบ เมื่อมีคนจำนวนมากนำรถมาขนทราย ทำให้การจราจรติดขัด ไม่สะดวก
**กาญจนบุรีเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง
นายไพรัตน์ ทับประเสริฐ ผอ.ส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 13 มีหนังสือ ด่วน ถึงผู้ว่าฯ กาญจนบุรี แจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำ ท้ายเขื่อนแม่กลอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เนื่องจากขณะนี้ มีปริมาณน้ำไหลเข้า เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นจำนวนมาก จนเริ่มสูงกว่าเกณฑ์การควบคุมที่กำหนดไว้
กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงต้องพร่องน้ำออกจากเขื่อน ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมในระดับที่สมดุล โดยเขื่อนวชิราลงกรณ จะเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 36 ล้าน ลบ.ม. เป็น 39 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 5 ส.ค.61 และเพิ่มเป็น 43 ล้านลบ.ม. ในวันที่ 6 ส.ค. 61 เขื่อนศรีนครินทร์ ปรับเพิ่มจากเดิมวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. เป็น 20 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 5 ส.ค.61 ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านมาที่เขื่อนแม่กลอง มีปริมาณมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนแม่กลอง จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กลอง มีระดับสูงขึ้นจากเดิม ดังนั้น จึงขอให้ จ.กาญจนบุรี แจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ที่อาศัยในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำแม่กลอง ที่อาจได้รับผลกระทบได้รับทราบ เพื่อจะได้เฝ้าระวัง
ขณะที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วน ที่สุด แจ้งไปยังประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี (สทท.) รวมทั้งนายอำเภอเมืองฯ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.ท่าม่วง อ.ท่ามะกา และอ.ศรีสวัสดิ์ ให้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ที่อยู่ท้ายน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ รวมทั้งผู้ที่อยู่ท้ายน้ำแม่น้ำแม่กลอง ให้ทราบ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ราบลุ่ม และอาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแควใหญ่ ต่อไป
** พื้นที่ริมแม่น้ำโขงยังวิกฤติ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ติดตามสภาพอากาศ และนำกำลังพล และเครื่องมือช่าง ไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากอิทธิพลพายุโซนร้อน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันตก ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ใน 21 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขง และ 9 จังหวัด ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ เร่งสนับสนุนการระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และพยายามคงความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนขั้นต้นให้ถึงผู้ประสบอุทกภัยในทุกครัวเรือนอย่างทั่วถึง สำหรับในพื้นที่ 18 จังหวัด ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอให้ประสานและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ เร่งสำรวจ ช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ ระบบสาธารณูปโภคและบ้านเรือนราษฎร จนกว่าประชาชนจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับส่วนราชการใน จ.เพชรบุรี อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากเขื่อนแก่งกระจานด้วย
วานนี้ (5 ส.ค.) สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดเพชรบุรี เปิดเผยว่า กรมชลประทานได้ชี้แจงกรณีเขื่อนแก่งกระจานปริมาณเต็มความจุ และ จะส่งผลกระทบ อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี นั้น คาดว่าน้ำจะล้นทางระบายน้ำล้นฉุกเฉิน (สปิลเวย์) ในเวลา 22.00 น.(5ส.ค.) ซึ่งการไหลของน้ำไม่ทำให้เขื่อนเสียหายแม้แต่น้อย และปริมาณที่ไหลผ่านไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จะค่อยๆ เพิ่มขึ้น คล้ายกับการเอียงขันน้ำแต่น้อย เพื่อเทน้ำออกจากขัน ดังนั้น ต้องใช้เวลาช่วงหนึ่งกว่าน้ำจะไหลผ่านสปิลเวย์เต็มที่
ส่วนน้ำที่ล้นสปิลเวย์ต้องใช้เวลา 24 ชม.ถึงเขื่อนเพชรบุรี ซึ่งจะสามารถหน่วงน้ำส่วนนี้ได้ช่วงเวลาหนึ่ง ส่วนน้ำที่เกินจากเขื่อนเพชรบุรี ต้องใช้เวลา 12 ชม. กว่าจะถึง อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี สถานการณ์พื้นที่ใต้เขื่อนแก่งกระจาน ไม่มีฝนตก และไม่มีฝนตกสะสม ซึ่งปริมาณน้ำในแม่น้ำเพชรบุรีมีน้อยมาก สามารถรับน้ำได้อีก 150 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 13 ล้านลบ.ม.ต่อวัน
กรมชลประทาน มีการเตรียมการป้องกันน้ำท่วม อ.เมืองฯ จ.เพชรบุรี โดยใช้บทเรียนจากปี59 และปี 60 คือ ก่อนเข้าฤดูฝน ทำการเสริมคันกั้นน้ำแม่น้ำเพชรบุรี ได้ย้ายเครื่องมือ เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำไปยังจุดเสี่ยง โดยเฉพาะจุดที่เคยเกิดน้ำท่วม ทำการพร่องน้ำโดยการเร่งระบายน้ำแม่น้ำเพชรบุรี โดยเครื่องผลักดันน้ำ และเครื่องสูบน้ำจากทุกหน่วยงาน ตรวจการขึ้นลงน้ำทะเล ประกอบการวางแผนการเร่งระบายน้ำ และติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชม.
ด้านศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกองทัพเรือ ได้ลำเลียงเรือผลักดันน้ำ 20 ลำ พร้อมกำลังพล70 นาย ออกเดินทางจากอู่ทหารเรือพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ ไปจ.เพชรบุรี แล้ว โดยจะติดตั้งบริเวณปลายแม่น้ำเพชรบุรี เพื่อเร่งระบายน้ำจากแม่น้ำเพชรบุรี ลงสู่ทะเล เพื่อป้องกันไม่ให้ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎร
ขณะที่เทศบาลเมืองเพชรบุรี ได้นำทรายมากองที่บริเวณที่ทำการเทศบาลเมืองเพชรบุรี พร้อมแจกกระสอบใส่ทราย ให้ประชาชนมากรอกทรายใส่กระสอบเอง เพื่อนำไปเสริมเป็นกำแพงป้องกันน้ำที่หน้าบ้านตนเอง ทำให้มีประชาชนหลายร้อยคน มากรอกทรายใส่กระสอบตลอดคืนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ประชาชนต่างบ่นว่า เทศบาลน่าจะนำทราย กระจายไปกองที่บริเวณชุมชน หรือวัด ใกล้จุดเสี่ยง หรือจุดที่เคยถูกน้ำท่วม เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน แทนที่จะมากองไว้ที่เทศบาลแห่งเดียว เพราะบางคนไม่มีรถกระบะ ก็ยังสามารถใช้รถเข็น มาเข็นกระสอบทรายไปได้ อีกทั้งบริเวณที่ทำการเทศบาล ก็คับแคบ เมื่อมีคนจำนวนมากนำรถมาขนทราย ทำให้การจราจรติดขัด ไม่สะดวก
**กาญจนบุรีเฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง
นายไพรัตน์ ทับประเสริฐ ผอ.ส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา รักษาราชการแทน ผอ.สำนักงานชลประทานที่ 13 มีหนังสือ ด่วน ถึงผู้ว่าฯ กาญจนบุรี แจ้งการปรับเพิ่มการระบายน้ำ ท้ายเขื่อนแม่กลอง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เนื่องจากขณะนี้ มีปริมาณน้ำไหลเข้า เขื่อนวชิราลงกรณ และเขื่อนศรีนครินทร์ เป็นจำนวนมาก จนเริ่มสูงกว่าเกณฑ์การควบคุมที่กำหนดไว้
กรมชลประทาน และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จึงต้องพร่องน้ำออกจากเขื่อน ให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุมในระดับที่สมดุล โดยเขื่อนวชิราลงกรณ จะเพิ่มการระบายน้ำจากเดิมวันละ 36 ล้าน ลบ.ม. เป็น 39 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 5 ส.ค.61 และเพิ่มเป็น 43 ล้านลบ.ม. ในวันที่ 6 ส.ค. 61 เขื่อนศรีนครินทร์ ปรับเพิ่มจากเดิมวันละ 15 ล้าน ลบ.ม. เป็น 20 ล้าน ลบ.ม. ในวันที่ 5 ส.ค.61 ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำไหลผ่านมาที่เขื่อนแม่กลอง มีปริมาณมากขึ้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนแม่กลอง จะทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำแม่กลอง มีระดับสูงขึ้นจากเดิม ดังนั้น จึงขอให้ จ.กาญจนบุรี แจ้งเตือนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และประชาชน ที่อาศัยในที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำแม่กลอง ที่อาจได้รับผลกระทบได้รับทราบ เพื่อจะได้เฝ้าระวัง
ขณะที่ นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผวจ.กาญจนบุรี ได้มีหนังสือด่วน ที่สุด แจ้งไปยังประชาสัมพันธ์จังหวัดกาญจนบุรี ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยจังหวัดกาญจนบุรี (สทท.) รวมทั้งนายอำเภอเมืองฯ อ.ทองผาภูมิ อ.ไทรโยค อ.ท่าม่วง อ.ท่ามะกา และอ.ศรีสวัสดิ์ ให้ประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ และประชาชน ที่อยู่ท้ายน้ำ เขื่อนศรีนครินทร์ เขื่อนวชิราลงกรณ รวมทั้งผู้ที่อยู่ท้ายน้ำแม่น้ำแม่กลอง ให้ทราบ เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ราบลุ่ม และอาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำแม่กลอง แม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแควใหญ่ ต่อไป
** พื้นที่ริมแม่น้ำโขงยังวิกฤติ
พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม สั่งการให้ทุกเหล่าทัพ ติดตามสภาพอากาศ และนำกำลังพล และเครื่องมือช่าง ไปให้การช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย จากอิทธิพลพายุโซนร้อน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ในพื้นที่ ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคตะวันตก ซึ่งส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่ม ใน 21 จังหวัด โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขง และ 9 จังหวัด ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย ขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ เร่งสนับสนุนการระบายน้ำออกจากพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และพยายามคงความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนขั้นต้นให้ถึงผู้ประสบอุทกภัยในทุกครัวเรือนอย่างทั่วถึง สำหรับในพื้นที่ 18 จังหวัด ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ขอให้ประสานและสนับสนุนส่วนราชการในพื้นที่ เร่งสำรวจ ช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ ระบบสาธารณูปโภคและบ้านเรือนราษฎร จนกว่าประชาชนจะสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติสุข พร้อมกันนี้ ได้กำชับให้ทุกเหล่าทัพ ประสานกับส่วนราชการใน จ.เพชรบุรี อย่างใกล้ชิด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำจากเขื่อนแก่งกระจานด้วย