“สนธิรัตน์” รับคุยพรรคการเมืองตลอด กั๊กร่วมงาน “พลังประชารัฐ” อารมณ์ดีหลังถูกแซวพร้อมรับเป็นเลขาฯหรือไม่ ย้ำตอนนี้ยังไม่พร้อม โวหลายพรรคอยากให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯสานงานต่อ “สามมิตร” ยันไม่ได้ตั้งพรรคแข่งพลังประชารัฐแน่ พร้อมยกมือหนุน “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯ อวยสร้างความสุข ให้คนในชาติ "เจษฎ์" เตือนเลือกปธ.กกต. ส่อผิดกม.เหตุยังไม่ครบ 7 คน "สมชาย" โต้ ยันทำได้
วานนี้ (26 ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวการลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร ที่จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีการพบปะกับนักการเมือง อดีตส.ส.ด้วย ว่าก็ได้เจอกับ นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปถามเขาเองว่าตัดสินใจอยู่พรรคการเมือง แล้วหรือไม่ เราพูดคุยกันด้วยความห่วงใย แต่การเมืองเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งเราอยากให้มีการดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง ก็เคยพูดคุยหารือกับนักการเมือง เนื่องจากต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
"อย่าลืมว่า นักการเมืองเป็นคนที่ใกล้ชิดประชาชน เราต้องพูดคุย และรับฟังเขา ซึ่งวันนี้ที่พูดคุยกันเราได้รู้ความต้องการของพื้นที่ ว่าต้องการอะไร และสะท้อนมายังรัฐบาล ว่าควรจะทำอะไรในเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ให้มากที่สุด ผมมองว่าเราต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่าย และจริงๆ หลายพรรคการเมืองอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ต้องดูคือ ทำอย่างไรให้พรรคต่างๆ มีโอกาสช่วยกันผลักดันนโยบายรัฐบาลชุดนี้ต่อไป เช่น โครงการใหญ่ๆ อย่างโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (อีอีซี)" นายสนธิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หากเวลาเหมาะสมจะเล่าให้ฟัง ว่าเป็นอย่างไร เพราะต้องดูเหตุการณ์ในอนาคตก่อน ทั้งนี้ ถือเป็นความตั้งใจของหลายคนไม่ใช่เฉพาะของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เพียงคนเดียวที่เป็นห่วง ตนมีความคุ้นเคยกับนักการเมืองมากกว่ากลุ่มอื่น จึงพูดคุยกันตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนที่มีข่าว ตนก็พูดคุยกับนักการเมืองมาตลอด เพราะเวลาทำงานต้องมีข้อมูลความต้องการของประชาชนในพื้นที่
“ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ ขณะที่กระแสข่าวลือว่า ผมเป็นเลขาฯ นั้น เขาก็ลือกันไปเอง เรายังไม่มีการตั้งพรรค ไม่มีการประชุมพรรค หากพร้อมที่จะรับตำแหน่ง ก็จะมาบอกสื่อมวลชน แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม ยังไม่ได้ตัดสินใจ” นายสนธิรัตน์ ระบุ
อีกด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึง กระแสข่าวที่ว่า กลุ่มสามมิตร อาจไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยจะไปตั้งพรรคเองว่า ไม่จริง ตนจะไม่ตั้งพรรคเอง ส่วนจะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ ต้องรอให้ถึงเวลาก่อน เพราะวันนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ หากพูดอะไรไป อาจจะวุ่นวาย ส่วนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แนวทางไหน เช่น จะเชิญไปเป็นที่ปรึกษาพรรค หรือใส่ไว้ในบัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะเป็นนายกฯ นั้น ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยว่ากัน
เมื่อถามว่า การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้คนในประเทศมีความสุข หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความขัดแย้ง มีคนใส่เสื้อหลากหลายสีเข้ามาแล้ว ก็ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขกันหมด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันจบไป แม้ว่าจะออกมาเป็นกรณีพิเศษ แต่หากเราแยกแยะก็จะทราบว่า เขาทำให้พวกเราเกิดความสุข การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นมุมที่น่าสนใจ
ส่วนความคืบหน้าของการสรรหาผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีก 2 รายนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่า มีแนวโน้มใช้วิธีสรรหาเช่นเดิม ไม่ใช้วิธีทาบทามตามที่มีข้อเสนอ
อย่างไรก็ตามมีความเห็นของ นายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกรณีที่ว่าที่ กกต. 5 คน เตรียมประชุม เพื่อเลือกประธาน กกต. ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ว่า ต้องระมัดระวังเพราะอาจขัดเจตนารมณ์ของพ.ร.ป. ว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 12 (รายละเอียด หน้า 10).
วานนี้ (26 ก.ค.) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึง ความเคลื่อนไหวการลงพื้นที่ประชุมครม.สัญจร ที่จ.อุบลราชธานี ซึ่งมีการพบปะกับนักการเมือง อดีตส.ส.ด้วย ว่าก็ได้เจอกับ นายสุพล ฟองงาม อดีต ส.ส.อุบลฯ พรรคเพื่อไทย ก็ต้องไปถามเขาเองว่าตัดสินใจอยู่พรรคการเมือง แล้วหรือไม่ เราพูดคุยกันด้วยความห่วงใย แต่การเมืองเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งเราอยากให้มีการดำเนินนโยบายที่ต่อเนื่อง ก็เคยพูดคุยหารือกับนักการเมือง เนื่องจากต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า
"อย่าลืมว่า นักการเมืองเป็นคนที่ใกล้ชิดประชาชน เราต้องพูดคุย และรับฟังเขา ซึ่งวันนี้ที่พูดคุยกันเราได้รู้ความต้องการของพื้นที่ ว่าต้องการอะไร และสะท้อนมายังรัฐบาล ว่าควรจะทำอะไรในเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อพื้นที่ให้มากที่สุด ผมมองว่าเราต้องทำงานร่วมกันทุกฝ่าย และจริงๆ หลายพรรคการเมืองอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ เพียงแต่ว่าสิ่งที่ต้องดูคือ ทำอย่างไรให้พรรคต่างๆ มีโอกาสช่วยกันผลักดันนโยบายรัฐบาลชุดนี้ต่อไป เช่น โครงการใหญ่ๆ อย่างโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวัน (อีอีซี)" นายสนธิรัตน์ กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของพรรคพลังประชารัฐ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า หากเวลาเหมาะสมจะเล่าให้ฟัง ว่าเป็นอย่างไร เพราะต้องดูเหตุการณ์ในอนาคตก่อน ทั้งนี้ ถือเป็นความตั้งใจของหลายคนไม่ใช่เฉพาะของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ เพียงคนเดียวที่เป็นห่วง ตนมีความคุ้นเคยกับนักการเมืองมากกว่ากลุ่มอื่น จึงพูดคุยกันตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนที่มีข่าว ตนก็พูดคุยกับนักการเมืองมาตลอด เพราะเวลาทำงานต้องมีข้อมูลความต้องการของประชาชนในพื้นที่
“ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะอยู่พรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ ขณะที่กระแสข่าวลือว่า ผมเป็นเลขาฯ นั้น เขาก็ลือกันไปเอง เรายังไม่มีการตั้งพรรค ไม่มีการประชุมพรรค หากพร้อมที่จะรับตำแหน่ง ก็จะมาบอกสื่อมวลชน แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม ยังไม่ได้ตัดสินใจ” นายสนธิรัตน์ ระบุ
อีกด้าน นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวถึง กระแสข่าวที่ว่า กลุ่มสามมิตร อาจไม่ร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ โดยจะไปตั้งพรรคเองว่า ไม่จริง ตนจะไม่ตั้งพรรคเอง ส่วนจะไปอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ หรือไม่ ต้องรอให้ถึงเวลาก่อน เพราะวันนี้ยังไม่สะเด็ดน้ำ หากพูดอะไรไป อาจจะวุ่นวาย ส่วนจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. แนวทางไหน เช่น จะเชิญไปเป็นที่ปรึกษาพรรค หรือใส่ไว้ในบัญชีรายชื่อ ผู้ที่จะเป็นนายกฯ นั้น ต้องรอให้ถึงเวลานั้นก่อนค่อยว่ากัน
เมื่อถามว่า การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จะทำให้คนในประเทศมีความสุข หรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมามีความขัดแย้ง มีคนใส่เสื้อหลากหลายสีเข้ามาแล้ว ก็ทำให้ทุกคนไม่มีความสุขกันหมด แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้สิ่งต่างๆ เหล่านั้นมันจบไป แม้ว่าจะออกมาเป็นกรณีพิเศษ แต่หากเราแยกแยะก็จะทราบว่า เขาทำให้พวกเราเกิดความสุข การสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นมุมที่น่าสนใจ
ส่วนความคืบหน้าของการสรรหาผู้ที่เหมาะสมดำรงตำแหน่งกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อีก 2 รายนั้น นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ระบุว่า มีแนวโน้มใช้วิธีสรรหาเช่นเดิม ไม่ใช้วิธีทาบทามตามที่มีข้อเสนอ
อย่างไรก็ตามมีความเห็นของ นายเจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษากรรมการร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวกรณีที่ว่าที่ กกต. 5 คน เตรียมประชุม เพื่อเลือกประธาน กกต. ในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ว่า ต้องระมัดระวังเพราะอาจขัดเจตนารมณ์ของพ.ร.ป. ว่าด้วยกรรมการการเลือกตั้ง มาตรา 12 (รายละเอียด หน้า 10).
