ผู้จัดการรายวัน360- ดีเอสไอ ส่งสำนวนสมควรฟ้อง "โอ๊ค พานทองแท้"กับพวก ให้อัยการ ในคดีฟอกเงินปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย ให้เครือกฤษดามหานคร อัยการนัดฟังคำสั่ง 5 ก.ย.นี้ ขณะที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ออกหมายจับ ”แม้ว” เป็นใบที่ 5 คดีหวยบนดิน ต้อนรับการฉลองวันเกิดพอดี
เมื่อเวลา 11.00 น.วานนี้ (25ก.ค.) ที่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำตัว นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, นางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัวของ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร เเละ นายวันชัย หงส์เหิน สามีของนางกาญจนาภา ผู้ต้องหา 1-3 คดีฟอกเงิน พร้อมสำนวนคดี เเละความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหากับพวกรวม 3 คน ส่งให้พนักอัยการคดีพิเศษพิจารณาสั่งฟ้อง
คดีนี้ มีการกล่าวหาว่ามีการฟอกเงิน จากการทุจริตอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ให้แก่ เครือกฤษดามหานคร โดยพบว่ามีธุรกรรมการเงินเป็นเช็ค จำนวน 26 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท เข้าไปยังกลุ่มของผู้ต้องหา
เบื้องต้น พนักงานอัยการคดีพิเศษรับมอบตัวผู้ต้องหาและสำนวนไว้ และอนุญาตปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในชั้นพิจารณาสั่งคดีของอัยการ โดยไม่ต้องมีหลักประกัน เนื่องจากผู้ต้องหาเข้ามารายงานตัวเอง พร้อมนัดผู้ต้องหาทั้งหมด มาฟังคำสั่งคดีในวันที่ 5 ก.ย.นี้ ซึ่งขั้นตอนหลังจากนี้ นายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ จะตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาสำนวน ก่อนที่จะมีคำสั่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายพานทองแท้ กับพวก เข้ามารายงานตัวในครั้งนี้ และได้ทำเรื่องการปล่อยชั่วคราวในชั้นอัยการ ก็ได้เดินทางกลับทันที
ต่อมานายพานทองแท้ ได้ทวีตข้อความใน ทวีตเตอร์ ถึงการพาดหัวข่าวของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ว่า“หิ้วโอ๊ค-พานทองแท้” ส่งอัยการ ฟ้องคดี “ฟอกเงินกรุงไทย” โดยระบุว่า “หิ้วเลยหรอครับ เมื่อเช้ายังแค่คุมตัวอยู่เลย อีกสักพัก คงจะล้อมจับแล้วสินะ”
ตามด้วยข้อความว่า “ไม่ขำทนไหวรึ?”
** "แม้ว"เจอหมายจับใบที่ 5
วันเดียวกันนี้ (25ก.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ องค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ออกนั่งบัลลังก์ นัดพิจารณาครั้งแรก คดีหมายเลขดํา อม.1/2551 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กับพวกรวม 47 คน เป็นจำเลย ฐายผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ และความผิดต่อ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84, 86, 90, 91, 147, 152, 153, 154 และ 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การ หรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 3, 4, 8, 9, 10 และ 11
กรณีพวกจำเลยได้ทุจริตโครงการออกสลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล (หวยบนดิน)
ทั้งนี้ ป.ป.ช.โจทก์ เดินทางมาศาล แต่ฝ่ายจำเลย ไม่มีผู้ใดมาศาล องค์คณะผู้พิพากษาพิจารณาแล้วเห็นว่า นายทักษิณ จำเลยที่ 1 ทราบนัดชอบแล้ว แต่ไม่เดินทางมาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง พฤติการณ์มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า จำเลยหลบหนี จึงให้ออกหมายจับ หากไม่สามารถจับกุมตัวได้ ภายใน 3 เดือน ศาลมีอำนาจดำเนินกระบวนการพิจารณาคดี โดยไม่ต้องกระทำต่อหน้าจำเลยได้ แต่ไม่ตัดสิทธิจำเลยในการต่อสู้คดี ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธี พิจารณาคดีอาญา ของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 28 วรรคสอง ให้โจทก์ติดตามผลการจับกุม พร้อมรายงานให้ศาลรับทราบ
ส่วนที่จำเลย ไม่มาศาลในการพิจารณาครั้งแรก ให้ถือว่าจำเลยให้การปฏิเสธ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 33 วรรคสาม
ศาลฎีกาฯ จึงให้นัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 14 พ.ย.61 เวลา 14.00 น. โดยให้โจทก์ยื่นบัญชีพยานหลักฐานก่อนวันนัดไต่สวนไม่น้อยกว่า 14 วัน และให้ส่งหมายแจ้งให้จำเลยทราบ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหมายจับที่ศาลฎีกาฯ ออกให้ครั้งนี้ ถือเป็นหมายจับใหม่ ใบที่ 5 เนื่องจากเป็นการเริ่มเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีตามกฎหมายใหม่ โดยที่หมายจับเดิมในคดีนี้ ศาลยังไม่มีคำสั่งยกเลิก และยังไม่ถือว่าหมดอายุความ ในคดีที่อัยการสูงสุด และ ป.ป.ช.ในฐานะโจทก์ยื่นฟ้องคดี และยื่นคำร้องขอพิจารณาคดีลับหลังจำเลยตาม วิ.อม.ใหม่ ประกอบด้วย คดีทุจริตปล่อยกู้ธนาคารกรุงไทยฯ , คดีทุจริตการปล่อยกู้เอ็กซิมแบงก์, คดีออกกฎหมายแปลงค่าสัมปทานโทรคมนาคม และมือถือเป็นภาษีสรรพสามิต และ คดีฟื้นฟูกิจการ ทีพีไอ