xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปฏิบัติการโลกตะลึง 412 ชั่วโมงในถ้ำหลวง ภารกิจนำ13 หมูป่ากลับบ้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ลุ้นระทึกไม่น้อยไปกว่าภารกิจกอบกู้โลกของเหล่าฮีโร่ในจักรวาลมาร์เวล สำหรับการกู้ภัยใต้ดินที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ “412 ชั่วโมง 17 วัน” ในปฏิบัติการค้นหา “13 ชีวิต” ทีมหมูป่า อะคาเดมี ที่สูญหายไปในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ที่ทั้งฝ่ายไทยและต่างชาติ ระดมสรรพกำลังช่วยเหลืออย่างเต็มที่

กระทั่ง สามารถนำ “12 หมูป่า + 1 โค้ช” ออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัยเป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นการสิ้นสุดปฎิบัติการอย่างงดงาม ในวันที่ 10 ก.ค. 2561 หลังติดอยู่ภายในถ้ำหลวงตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2561 รวมเวลา 412 ชั่วโมง หรือ 17 วัน

แกะรอย412 ชั่วโมงระทึก
ไทม์ไลน์ปฏิบัติการ “พาทีมหมูป่ากลับบ้าน” ลำดับเหตุการณ์ย้อนกลับเมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2561ทีมฟุตบอลเยาวชนและ โค้ช “หมูป่าอะคาเดมี แม่สาย” จำนวน 13 คน อายุระหว่าง 11 - 16 ปี จากหลายโรงเรียนในพื้นที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย สูญหายภายในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย

ปฏิบัติการค้นหา “ทีมหมูป่าฯ” ดำเนินไปอย่างยากลำบาก ทีมค้นหาเผชิญอุปสรรคทั้งสภาพอากาศและสภาพทางภูมิศาสตร์ ความช่วยเหลือจากทั่วสารทิศทั้งไทยและเทศหลั่งไหลสู่ถ้ำหลวง ผสานความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ (ผบ.นสร.) หรือ “หน่วยซีล” กองทัพเรือ เข้ามามีบทบาทสำคัญในภารกิจค้นหาผู้สูญหายภายในถ้ำ รวมทั้ง ความช่วยเหลือจากนักดำน้ำกู้ภัยต่างชาติ จากองค์กรช่วยเหลือผู้ประสบภัยติดถ้ำจากประเทศอังกฤษ หรือ Derbyshire Cave Rescue Organisation

นับเป็น9 วัน 9 คืน จากวันที่ทั้ง 13 คน หายตัว ในที่สุด “ทีมนักดำน้ำชาวอังกฤษ” ซึ่งทำงานร่วมกับ “หน่วยซีล” ก็สามารถเข้าไปพบตัวเด็กๆ และโค้ชจนได้ ณ บริเวณ “เนินนมสาว” ซึ่งอยู่เลยจากพัทยาบีชไปอีกราว 300 - 400 เมตร พร้อมกับบันทึกวิดีโอออกมาให้ได้รับชมกันด้วยความยินดี เมื่อวันที่ 2 ก.ค. 2561

แต่ภารกิจกู้ภัยครั้งนี้เต็มไปด้วยอุปสรรค ยังไม่สามารถนำตัวทีมหมูป่าฯ ออกมาจากถ้ำหลวงได้

กระทั่ง ดีเดย์ช่วงเช้าวันที่ 8 ก.ค. 2561 “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหาย 13 ชีวิต ในวนอุทยานแห่งชาติถ้ำหลวง - ขุนน้ำนางนอน อ.แม่สาย จ.เชียงราย (ผอ.ศอร.) ส่งสัญญานเริ่มปฏิบัติการกู้ภัยที่ท้าทายและอันตรายที่สุดในโลก

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์แถลงถึงความพร้อม100 เปอร์เซ็นต์ทุกๆ ด้าน ในการนำทีมหมูป่า อะคาเดมี ออกจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ. เชียงราย และคาดว่า “หมูป่าคนแรก” จะออกมาจากถ้ำเร็วที่สุด 21.00 น. ของวันเดียวกัน

ย้อนกลับไป ค่ำคืนการค้นพบทีมหมูป่าฯ โดย “จอห์น โวลันเธน” ทีมนักดำน้ำกู้ภัยชาวอังกฤษ ค้นพบทีมหมูป่า ภารกิจสำคัญของ ศอร.คือการกู้ชีพกู้ภัยนำตัวทั้งหมดออกมา ทว่า ตลอดเวลามีอุปสรรคสำคัญ 2 อย่าง คือ “น้ำและเวลา” เป็นการสู้กับธรรมชาติที่มนุษย์ไม่มีทางที่เอาชนะได้ แต่ยังมีเสี้ยววินาทีที่จะสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้

จวบจน วันที่ 8 ก.ค. 2561องค์ประกอบทุกอย่างเหมาะสม เจ้าหน้าที่ระดมใช้เครื่องสูบน้ำเร่งปั๊มน้ำในถ้ำหลวงออกมาอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำลดลงอย่างชัดเจน โถง 1 โถง 2 และโถง 3 ภายในถ้ำหลวง

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ พร้อมด้วย พล.ต.ฉลองชัย ชัยยะคํา รอง มทภ.3 พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า รอง ผบช.ภ.5 นายกอบชัย บุญอรณะ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และ นพ.ทศเทพ บุญทอง สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย ร่วมกันแถลงข่าวปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่า 13 ชีวิต เริ่มต้นปฏิบัติการลำเลียง 13 ชีวิตหมูป่าออกจากถ้ำหลวง

โดยเชื่อมั่นว่ามีความพร้อม 3 ด้านที่ทำให้ตัดสินใจเริ่มภารกิจนำทีมหมูป่าฯ ออกจากถ้ำในวันนี้ ประกอบด้วย ร่างกายและจิตใจของ13 เยาวชนนักเตะและโค้ชทีมหมูป่าฯ ซึ่งมีความพร้อมสูงมาก ทั้ง 13 คนมีจิตใจเด็ดเดี่ยวมุ่งมั่น ทุกคนรับทราบภารกิจและพร้อมที่จะออกมาพร้อมกับพวกเราไม่ว่าจะเผชิญอะไร ขณะที่ครอบครัวทั้ง 13 คน รับทราบแล้วภารกิจแล้วและเห็นด้วย และทีมแพทย์มีการซักซ้อมเป็นอย่างดี

“ยืนยันว่า เราพร้อมทุกด้านเรียบร้อย น้องทราบ ยินดี แข็งแกร่งพอที่จะออกมากับพวกเรา ขอให้พวกเราทุกคนรอฟังข่าว ส่งกำลังใจช่วยให้การปฏิบัติภารกิจประสบความสำเร็จ 100 เปอร์เซ็นต์” ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ กล่าว


สู่แผนลำเลียงหมูป่าออกจากถ้ำ
ดีเดย์เริ่มปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าฯ ถือเป็นปฎิบัติการกู้ภัยใต้ดินที่ท้าทายที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่รวมพลังช่วยเหลือจากนักประดาน้ำที่ดีที่สุดในโลกทั้งไทยเทศมากกว่า 90 คน โดยการลำเลียงหมูป่าออกจากถ้ำในครั้งนี้ ได้คัดเลือกทีมผู้เชี่ยวชาญดำน้ำจากต่างประเทศจำนวน 13 คน และเจ้าหน้าที่หน่วยซีลที่มีศักยภาพสูงสุด 5 คน เข้าไปปฏิบัติการในถ้ำหลวง

“ทีมดำน้ำที่เข้าไปทั้ง 18 คน เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกู้ภัยในถ้ำ นักดำน้ำ 13 คนจากทั่วโลกเรียกได้ว่าเป็น “ทีมรวมดาราโลก” มาจากแทบทุกประเทศเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนหน่วยซีลของไทย 5 นาย คัดพิเศษสามารถทำงานร่วมกับนักดำน้ำต่างชาติได้เป็นอย่างดี”ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ยืนยัน

กล่าวสำหรับเส้นทางลำเลียงทีมหมูป่าฯ นั้น มีการซักซ้อมไว้หลายเส้นทาง ทั้งทางอากาศ และทางบก ส่วนจะเลือกทางไหนขึ้นอยู่กับสถานการณ์ โดยมีเฮลิคอปเตอร์รองรับอยู่ 2 จุด และมีรถพยาบาล 13 คัน

ทั้งนี้ แผนปฏิบัติภารกิจตั้งแต่เวลา 10.00 น.ของวันที่ 8 ก.ค. 2561นักดำน้ำต่างชาติชุดแรก ผ่านโถง 3 ไปยังจุดสามแยก โดยการดำน้ำระยะทางประมาณ 800 เมตร ซึ่งแอ่งน้ำที่โถง 3 เป็นแอ่งที่กว้าง แต่ระดับน้ำลดลงมาก ผ่านได้ไม่ยาก

จุดสำคัญที่ยากลำบากในการดำผ่านไม่ได้ คือจุดสามแยก ที่ต้องดำน้ำลึกเพื่อลอดช่องแคบ และอีก 1 จุดที่ยากลำบากมากคือ บริเวณก่อนถึงเนินนมสาว ซึ่งมีช่องแคบลดเลี้ยวเป็นแอ่งขึ้นลง ช่องแคบดังกล่าวมีความกว้างเพียง 70 ซม. ระยะทางที่จะต้องดำต่อเนื่องกว่า 500 เมตร จะมีเพียงบางจุดที่มีจุดพ้นน้ำให้พักบางช่วง รวมระยะทางจากปากถ้ำไปยังจุดเนินนมสาว มีระยะทางประมาณ 4.3 กม.

เตรียมรับหมูป่ากลับบ้าน
ทีมแพทย์เตรียมพร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ โดยผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เปิดเผย มีการซักซ้อมกันอย่างดี และซ้อมติดต่อกัน 3 - 4 วัน เช่น นำเด็กมาทดสอบเพื่อปฏิบัติจริง ซ้อมการปฏิบัติบัติต่อทีมหมูป่าทันทีที่ออกมา ซึ่งเป็นการซ้อมภารกิจในพื้นที่ปิด พร้อมกันนี้มีการเคลียร์พื้นที่ทั้งหมด เพื่อความสะดวกในการลำเลียงทีมหมูป่าทั้ง 13 ชีวิต

ขณะที่ พล.ต.ต.ชูรัตน์ รองผบช.ภาค 5 กล่าวขอความร่วมมือจากทุกฝ่ายในขณะเจ้าหน้าที่ลำเลียงทีมป่าฯ นำส่ง ร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เพราะต้องทำเวลารีบพาส่ง ร.พ. ให้ได้เร็วที่สุด โดยขอความร่วมมือ ให้อยู่ห่างในระยะรัศมี 200 เมตร ห้ามเข้าใกล้ รถเลี้ยว รถจอดอย่ากีดขวางพื้นที่ลำเลียงที่ไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ 2 จุด และจะไม่อนุญาตให้ ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าไปใกล้ หรือกีดขวางเส้นทาง โดยเด็ดขาด

แผนการเคลื่อนย้ายทั้ง 13 ชีวิตทีมหมูป่า ไปยัง ร.พ.ศูนย์เชียงรายประชานุเคราะห์ ทีมแพทย์มีแผนในการลำเลียง 2 รูปแบบ

1. ลำเลียงจากภายในถ้ำมายัง โรงพยาบาลสนาม เพื่อแยกตามอาการ แบ่งเป็นสีเขียว คือไม่มีอาการเจ็บป่วย หรือเจ็บป่วยเล็กน้อย สีเหลืองเจ็บป่วย หรือบาดเจ็บปานกลาง และสีแดง เจ็บป่วยหรือบาดเจ็บรุนแรง โดยมีทีมแพทย์ 13 ชุด รองรับทั้ง 13 คน

2. หลังจากคัดแยกแล้วจะลำเลียงไปยังศูนย์อุบัติเหตุ ร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ หากไม่เจ็บป่วยมากจะลำเลียงทางรถพยาบาลฉุกเฉินที่เตรียมไว้ 13 คัน แต่หากรายใดมีอาการเจ็บป่วยมาก จะประเมินสถานการณ์ลำเลียงโดยใช้เฮลิคอปเตอร์ไปยังฝูงบิน 416 สนามบินเก่า อยู่ห่างร.พ. 500 เมตร และ 3.รักษาตามอาการของแต่ละคน โดยแยกแต่ละคนเพื่อให้ทีมแพทย์รักษาภายในห้องที่จัดเตรียมเอาไว้ที่ศูนย์อุบัติเหตุ ร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์ โดยมีทีมแพทย์ 13 ทีมดูแล

เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำชาวออสเตรเลีย จะรับหน้าที่สำคัญตรวจสุขภาพความพร้อมลำดับสุดท้ายของ 13 ชีวิต ทีมหมูป่าฯ ก่อนลำเลียงออกจากถ้ำหลวง โดยมีแผนเลือกเด็ก 4 คนแรก ที่อ่อนแอสุดออกจากถ้ำหลวงเป็นชุดแรก เปลี่ยนจากเดิมซึ่งวางแผนจะนำเด็กที่แข็งแรงออกมาก่อน เพราะจากการตรวจร่างกาย หากปล่อยเด็กอ่อนแอเหล่านี้อยู่ในถ้ำต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อชีวิต

นายแพทย์แฮร์ริส ดำน้ำเข้าไปตรวจดูและประเมินสภาพร่างกายของเด็กๆ และโค้ช ทีมหมูป่า 13 คน เมื่อบ่ายวันเสาร์ ที่ 7 ก.ค. 2561 หนึ่งวันก่อนถึงวันปฏิบัติการพาเด็กๆ ออกจากถ้ำหลวง ได้ชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่ไทยถึงเหตุผลที่มีความจำเป็นต้องพาเด็กๆ ที่อ่อนแอที่สุดออกมาก่อนว่า เป็นเพราะหลังจากตรวจสภาพร่างกายเด็กๆ ทีมหมูป่าแล้ว เห็นว่าเด็กๆ ที่อ่อนแออาจจะไม่รอดชีวิต หากทิ้งพวกเขาไว้ในถ้ำต่อไป จึงได้โน้มน้าวให้เจ้าหน้าที่ไทยมีการปรับเปลี่ยนแผน ในการพาเด็กๆ ที่อ่อนแอที่สุดออกมาก่อน ขณะที่ระดับน้ำในถ้ำหลวงลดลง จึงทางการไทยตัดสินใจเริ่มภารกิจพาทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวง

หมูป่าทะยอยออกจากถ้ำ
ในที่สุดด้วยพลังความร่วมมือจากทุกฝ่าย ฝ่าฟันอุปสรรคความยากลำบากอย่างไม่ย่อท้อ ปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลัง กระทั่ง สามารถนำ “12 หมูป่า + 1 โค้ช” ออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัย ถือเป็นการสิ้นสุดปฎิบัติการอย่างงดงามท่ามกลางความยินดีของชาวโลก ในวันที่ 10 ก.ค. 2561 หลังติดอยู่ภายในถ้ำหลวงตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. 2561 รวมเวลา 17 วัน 412 ชั่วโมง

17.30 น. วันที่ 8 ก.ค 2561 “หมูป่ากลุ่มแรก” จำนวน 4 คน ออกจากถ้ำหลวงและถูกนำตัวไปพักที่ ร.พ.สนามบริเวณปากถ้ำ ก่อนนำตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์มุ่งหน้าไปยัง ร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์

11.00 น. วันที่ 9 ก.ค. 2561 “หมูป่ากลุ่มที่ 2” จำนวน 4 คนเท่ากับวันแรกทยอยอออกจากถ้ำหลวงอย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดถูกนำขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์

และตั้งแต่ 17.00 วันที่ 10 ก.ค. 2561 “หมูป่ากลุ่มที่ 3” ซึ่งเป็นชุดสุดท้ายก็ได้ทยอยออกจากถ้ำหลวง และหลังจากตรวจร่างกายเบื้องต้นโดยแพทย์ ที่ รพ.สนาม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวขึ้นรถพยาบาล ก่อนลำเลียงไปขึ้นเฮลิคอปเตอร์ เพื่อนำตัวส่ง ร.พ.เชียงรายประชานุเคราะห์

สิ้นสุดปฏิบัติกู้ภัยระทึกโลก เพจ Thai NavySEALโพสต์ข้อความรายงานว่า “ทีมหมูป่า 12 คน และโค้ช ได้ออกจากถ้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมเวลา 17 วัน 412 ชั่วโมงที่ติดอยู่ในถ้ำหลวง”

ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ ในฐานะผู้บัญชาการ ศอร. แถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นภารกิจช่วยทีมหมูป่าออกจากถ้ำหลวงในวันที่ 3 ต่อหน้ากองทัพสื่อมวลชนด้วยความรู้สึกตื้นตัน ความว่า

“นี่คือพลังแห่งความรัก กำลังใจ บอกแก่ชาวโลก... อยากให้ประเทศไทยรักกันเหมือนวันนี้ที่เราทำได้สำเร็จ... อยากให้เอาบทเรียนของแม่สายไปใช้ให้ประเทศไทยก้าวไกล พัฒนา... ทีมไทยแลนด์ได้ทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดได้เป็นครั้งแรกของโลก เป็น Mission Possible” ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ กล่าวด้วยความหวัง

แผนฟื้นฟูถ้ำหลวงฯ-สร้างพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต
อย่างไรก็ดี หลังสิ้นสุดภารกิจนำทีมหมูป่าฯ 13 ชีวิตออกจากถ้ำได้สำเร็จ สิ่งสำคัญที่หน่วยงานภาครัฐจะต้องดำเนินต่อไปก็คือ สำรวจความเสียหายสิ่งแวดล้อมภายในและนอกถ้ำหลวง ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมแผนเร่งฟื้นฟูวให้ระบบนิเวศกลับมาเป็นปกติ เรียบร้อยแล้ว

โดยเบื้องต้นกรมอุทยานฯ ปิดถ้ำหลวงชั่วคราว 6 เดือน เพื่อเร่งฟื้นฟูระบบนิเวศกลับคืนสภาพเดิม กำหนดโซนนิ่งพื้นที่ต้องห้าม คาดว่าใช้เวลา 1 ปี พร้อมเตรียมเสนอแผนพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวในอนาคต โดยแนวทางการฟื้นฟูพัฒนาถ้ำหลวงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวต้องทำให้เกิดความปลอดภัย เช่น มาตรการป้องกันการเข้าออก ไม่ควรเข้าไปในฤดูน้ำระบบแจ้งเตือน ป้ายแจ้งเตือน เป็นต้น รองรับการพัฒนาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในอนาคต

ทั้งนี้ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ วางแผนสำรวจพื้นที่เพื่อจัดทำแผนฟื้นฟูล่วงหน้าทั้งสภาพพื้นที่ ภูมิทัศน์ในระยะสั้น และระยะกลาง ซึ่งจากกการประเมินเบื้องต้นการเข้าปฎิบัติภารกิจค้นหาทีมฟุตบอล ถึงแม้จะมีผลกระทบบ้าง เช่น การเจาะโพรงทั้งภายนอกและภายในถ้ำ แต่อยู่ในวิสัยที่สามารถฟื้นฟูได้ ไม่ได้ทำให้เสียหาย และมีการเตรียมมาร์กแต่ละจุดเอาไว้แล้ว

นายจงคล้าย วรพงศธร รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เปิดเผยรายอะเอียเพิ่มเติมว่า แผนฟื้นฟูและพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มีทั้งแผนงานเร่งด่วน และแผนระยะยาวที่อาจต้องใช้ระยะเวลา 6 เดือน - 1 ปี โดยร่วมมือวางแผนกับผู้เชี่ยวชาญจากกรมทรัพยากรธรณี กรมทรพยากรน้ำบาดาลและนักวิชาการด้านถ้ำ

“สิ่งที่ทำได้ทันทีคือระบบฝายที่นำท่อต่อทางน้ำ ต้องรื้อท่อออกทั้งหมด เพื่อให้ระบบน้ำไหลกลับเข้าถ้ำหลวง ส่วนโพรงที่สำรวจเป็น 100 โพรง มีแค่ 3 โพรงขนาดใหญ่ที่มีการเจาะสำรวจ หลังจากนี้ต้องอุดกลับไปสู่สภาพเดิม แต่ต้องให้กรมทรัพยากรธรณี มาช่วยดำเนินการ เพื่อให้สภาพด้านนอกของถ้ำคืนสู่สภาพเดิม รวมทั้งต้องเร่งกำหนดโซนนิ่งถ้ำ และเขตบริการนอกถ้ำให้ชัดเจน กำหนดการเข้า-ออก การติดตั้งระบบตรวจวัดระดับน้ำ การเตือนภัย ”

ขณะที่ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์ เปิดเผยขณะแถลงปิดภารกิจพาหมูป่า 13 ชีวิตกลับบ้านว่ามีแผนสร้าง “พิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิต” เพื่อให้เป็นศูนย์การเรียนรู้ถึงคุณค่าของปฏิบัติการครั้งสำคัญ รวบรวมเรื่องราวเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ที่มีชีวิตสำหรับนักท่องเที่ยวในอนาคต




กำลังโหลดความคิดเห็น