ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ปฏิบัติการกู้ชีพที่ยากที่สุดในโลก 13 ชีวิตติดถ้ำหลวง จ.เชียงราย ซึ่งประสบความสำเร็จชนิด “โลกต้องจดจำ” นั้น ได้สร้างปรากฎการณ์และสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับไม่เพียงแต่ประชาชนชาวไทยเท่านั้น หากแต่ยังได้กลายเป็น “วาระแห่งมนุษยชาติ” ที่ทุกประเทศ ทุกชาติ ทุกศาสนา หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวโดยมีเป้าหมายคือช่วยเหลือ 13 หมูป่าให้ปลอดภัย
ความช่วยเหลือและธารน้ำใจหลั่งไหลเข้ามาที่ถ้ำหลวงอย่างไม่ขาดสาย เป็นพลังเชิงบวกที่สะท้อนคุณค่าแห่งความเป็นมนุษย์ เป็นความงดงามที่สร้างความประทับตรึงอยู่ในหัวใจของมนุษย์ทุกคนบนโลกที่ดำเนินไปด้วยความขัดแย้ง และกลิ่นอายของสงครามตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา
ขณะเดียวกันก็สามารถสร้าง “แรงบันดาลใจ” ในหลายแง่มุมให้เกิดขึ้นในหัวใจของผู้คนตลอดระยะเวลากว่า 17 วันของปฏิบัติการดังกล่าว และที่สำคัญคือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่า การทำความดีโดยปราศจากเงื่อนไขของมนุษย์นั้นเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่จริง
หลายคนอดตาหลับขับตานอนเฝ้าติดตามด้วยความเคร่งเครียดและความหวัง นับตั้งแต่การค้นหาที่เริ่มต้นด้วยความมืดมนอนธการ กระทั่งทีมนักดำน้ำชาวอังกฤษค้นพบพวกเขาที่บริเวณเนินนมสาวและสามารถช่วยเหลือออกมาจากถ้ำจนประสบความสำเร็จครบทั้ง 13 คนเมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา
นอกจากทีมที่เข้าไปช่วยเหลือโดยตรงแล้ว บรรดา “จิตอาสา” จากทั่วทุกมุมโลกมุ่งหน้าสู่ “วนอุทยานถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน” จ.เชียงราย ยังมีกลุ่มคนจำนวนมากที่เข้ามาช่วยเหลือในสิ่งที่พวกเขาพอจะช่วยได้ เช่น ทีมไต่ผา หาปล่องบนภูเขาขุนน้ำนางนอน ทีมสูบน้ำจากถ้ำ ทีมทำฝายเพื่อเบี่ยงทางไหลของน้ำไม่ให้เข้าถ้ำ ทีมขุดเจาะน้ำบาดาลเพื่อให้น้ำไหลลงสู่ชั้นใต้ดินโดยเร็ว ชาวบ้านที่เสียสละไร่นาของตนเองเพื่อรองรับน้ำที่สูบออกมาจากถ้ำ ทีมเสบียงทำอาหารและแม้กระทั่งกาแฟสดบริการแก่ผู้ที่เข้ามาทำงาน ทีมซักเสื้อผ้าให้กับกลุ่มทำงาน ทีมแพทย์และพยาบาล ทีมขนส่งและจราจร ทีมอำนวยการจัดระบบพื้นที่ ทีมจัดส่งอุปกรณ์อื่นๆที่จำเป็น
บรรดา “จิตอาสา” อันหลากหลายเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีจิตใจเสียสละและมีส่วนร่วมในความสำเร็จและ กลายเป็นความร่วมไม้ร่วมมืออันยิ่งใหญ่ที่จะจดจำไปตราบนานเท่านานในฐานะ “ฮีโร่แห่งถ้ำหลวง”
อย่างไรก็ดี กลุ่มบุคคลสำคัญที่จะต้องจดจารจารึกเอาไว้เป็นกรณีพิเศษ เห็นทีจะหนีไม้พ้น “หน่วยซีลราชนาวี” และบรรดา “เคฟ ไดฟ์เวอร์” หรือ “นักดำน้ำภายในถ้ำ” ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวท๊อประดับโลก เข้าร่วมปฏิบัติการบูรณาการนานาชาติลำเลียง “ทีมหมูป่าฯ” ออกจากถ้ำหลวง
ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนเต็มไปด้วย นักดำน้ำภายในถ้ำระดับผู้เชี่ยวชาญ เดินทางมาจากนานาประเทศอย่างน้อย 6 ประเทศ กลายเป็นแหล่งชุมชุมนักประดาน้ำนานาชาติที่ถือว่าเป็น “นักประดาน้ำที่ดีที่สุดในโลก” ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพลเรือนอาสาสมัคร ทั้งได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือจากทางการไทย ได้รับการติดต่อจากบัดดี้คู่ดำน้ำภายในถ้ำด้วยกัน และเดินทางตรงมาเองหลังจากติดตามรายงานข่าว
และด้วยพลังความร่วมมือหลากหลายมิติ ในที่สุดภารกิจพาทีมหมูป่าฯ กลับบ้าน ก็สำเร็จลุล่วงท่ามกลางความปีติยินดีของผู้คนที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ทั่วโลก นอกจากนี้ บรรดาคนดังจากแวดวงต่างๆ แสดงความยินดีผ่านโซเชียลมีเดียอย่างพร้อมเพรียง
ย้อนดู “ออลสตาร์” ในปฏิบัติการกู้วิกฤต 13 ชีวิต ติดถ้ำหลวง เริ่มต้นด้วยทีมดำน้ำจากสมาคมกู้ภัยผู้ติดถ้ำของอังกฤษ หรือ British Cave Rescue Council (BCRC) ประเทศอังกฤษ ซึ่งเป็นทีมดำน้ำนานาชาติที่เข้าไปลำเลียงทีมหมูป่าฯ ออกจากถ้ำหลวง ที่ขึ้นชื่อว่า “ออลสตาร์นักดำน้ำโลก”
หนึ่ง- จอห์น โวลันเธน นักดำน้ำคนแรกผู้พบ 13 ชีวิตทีมหมูป่าฯ เจ้าของเสียง How many of you? วัย 47 ปี เป็นสมาชิก BCRC อาชีพประจำเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอที ในเมืองบริสตอล ประเทศอังกฤษ ผู้ใช้ชีวิตสุดโต่งสนใจการดำน้ำในถ้ำ วิ่งมาราธอน และการปีนเขา
หลังจบปฏิบัติกู้ภัยถ้ำหลวง จอห์น ได้เผยความในใจสั้นๆ แต่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนทั้งโลกว่า “ผมดำน้ำเพราะความสุข แต่ก็แอบสงสัยเสมอ หรือมันอาจมีความหมายบางอย่างซ่อนอยู่ในความสุขนั้น และแล้ว 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา ชัดเลย มันทำให้ผมรู้ว่า ผมเตรียมตัวมาทั้งชีวิตเพื่ออะไร”
สอง- ริชาร์ด สแตนตัน เพื่อนนักดำน้ำร่วมทีมกับจอห์น โวลันเธน วัย 56 ปี จากเมืองโคเวนทรีประเทศอังกฤษ ซึ่งมีประสบการณ์ดำน้ำในถ้ำและกู้ภัยมาเป็นเวลามากกว่า 35 ปี
สแตนตันเคยพูดเอาไว้ว่ารู้สึกแปลกใจที่ได้รับการเชิดชู “เพราะผมแค่ทำงานที่ผมรักให้ดีที่สุดเท่าที่สามารถทำได้เท่านั้น” ซึ่งสะท้อนบุคลิกและจิตใจของเขาได้เป็นอย่างดี
สาม- โรเบิร์ต ชาร์ลส ฮาร์เปอร์ นักสำรวจถ้ำและนักดำน้ำ ชาวอังกฤษ สมาชิก BCRC เป็นหนึ่งในทีมแรกที่พบ 13 ชีวิตเช่นเดียวกัน เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์การสำรวจถ้ำมาตั้งแต่ปี 1968 หลังการค้นพบทีมหมูป่าเขาได้เดินทางกลับบ้านด้วยเหตุมีนัดหมายกับแพทย์ แต่ก็ได้กลับมาถ้ำหลวงอีกครั้งพร้อมกับเพื่อนนักดำน้ำจากอังกฤษอีกชุด
สี่- ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์และนักดำน้ำชาวออสเตรเลีย ปัจจุบันประจำอยู่ที่ “เมดสตาร์” บริการกู้ชีพทางอากาศ สำนักงานรถพยาบาลเซาธ์ออสเตรเลีย มีประสบการณ์ในการดำน้ำมานานกว่า 30 ปี เคยมีส่วนร่วมในการดำน้ำสำรวจถ้ำในหลายแห่ง ชอบท่องเที่ยวแบบแอดเวนเจอร์ ดร.ริชาร์ด คือคนที่ จอห์น โวลันเธน และริชาร์ด สแตนตัน เสนอต่อทางการไทยให้เข้ามาร่วมปฏิบัติการเป็นกรณีพิเศษ และปฏิบัติการครั้งนี้หมอแฮร์ริสมีบทบาทสำคัญยิ่งในปฏิบัติการนำทีมหมูป่าออกมาเป็นผลสำเร็จ
ที่น่าเศร้าใจก็คือ ในระหว่างที่คุณหมอแฮร์ริสมาร่วมปฏิบัติการพาหมูป่ากลับบ้านร่วมกับน้ำดำน้ำนานาชาตินั้น เขาต้องสูญเสียบิดาและไม่ทันที่จะได้เดินทางกลับดูใจได้
ห้า-คริสโตเฟอร์ (คริส) จีเวลล์ นักดำน้ำสมาชิก BCRC ผู้เชี่ยวชาญด้านการสำรวจถ้ำเคยเข้าไปสำรวจถ้ำแห่งใหม่หลายแห่ง เชี่ยวชาญด้านการดำน้ำลึก เคยร่วมสำรวจถ้ำ อูอัตลา (Huautla) ในเม็กซิโก ถ้ำที่ลึกที่สุดของโลกฝั่งตะวันตก ค้างแรมอยู่ในถ้ำเกือบ 10 วัน เนื่องจากความลึกและความยาวของถ้ำ
หก-เจสัน มัลลินสัน นักดำน้ำเจ้าของสถิติโลก ดำน้ำลึก 5.5 ไมล์เข้าไปยังถ้ำในสเปน โดยใช้ระยะเวลาในการอยู่ในถ้ำมากถึง 50 ชั่วโมง อีกทั้งเขายังเคยสำรวจระบบถ้ำอูอัตลา ร่วมกับ คริส จีเวลล์ ในปี 2013
เจ็ด-ทิม แอคตัน นักดำน้ำชาวอังกฤษ วัย 39 ปี มีประสบการณ์ดำน้ำและปฏิบัติการกู้ภัยมาหลายปีในหลายประเทศ เช่น อิรัก คูเวต อินโดนีเซีย และไทย เขาเคยเปิดโรงเรียนสอนว่ายน้ำในไทย และครั้งเกิดเหตุการณ์ สึนามิในไทย ปี 2547 ได้ช่วยเหลือผู้คนไว้ได้หลายชีวิต
แปด-ไมเคิล เคลย์ตัน นักดำน้ำชาวอังกฤษ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านอุปกรณ์ของสมาคม BCRC เป็นบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์ดำน้ำเป็นพิเศษ นอกจากนี้ ยังทำงานให้กับบริษัทด้านความปลอดภัย เพื่อทดสอบอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการดำน้ำอีกด้วย
เก้า-คอนเนอร์ โร นักดำน้ำชาวอังกฤษ จาก BCRC ผู้ชื่นชอบการสำรวจถ้ำ เริ่มต้นดำน้ำถ้ำใน 2012 และออกเดินทางไปสำรวจถ้ำในอังกฤษและทางตอนใต้ของฝรั่งเศสเป็นประจำ รวมทั้ง สำรวจระบบถ้ำซิสเตมาอวตลา ซึ่งเป็นถ้ำที่ลึกที่สุดในซีกโลกตะวันตก และมีประสบการณ์สำรวจถ้ำที่มีความยาวมากที่สุดในสโลวีเนีย
สิบ-จิม วาร์นีย์ เป็นนักดำน้ำชาวเบลเยียม วัย 35 ปี มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญการดำน้ำในที่แคบ จากสหภาพถ้ำวิทยาแห่งองค์กรกู้ภัยในถ้ำไอริช Irish Cave Rescue Organization
สิบเอ็ด-จอช แบรตช์ลีย์ นักดำน้ำชาวอังกฤษ เคยเป็นส่วนหนึ่งของคณะสำรวจนานาชาติที่เข้าไปสำรวจถ้ำขนาดใหญ่ เอ๋อหวังตง หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของประเทศจีน ซึ่งเป็นการเดินทางกันไปเองโดยที่ไม่มีทีมกู้ภัยอยู่ใกล้ๆ พวกเขาจึงต้องระมัดระวังกันทุกฝีก้าว
และสิบสอง-มิกโก พาสสิ(Mikko Paasi) นักดำน้ำอาสาสมัครชาวฟินแลนด์ พำนักในประเทศไทย ทำธุรกิจทัวร์ดำน้ำ Koh Tao Divers Malta เป็นหนึ่งในทีมค้นพบเรือสินค้าของญี่ปุ่นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จมอยู่ใกล้ชายฝั่ง กัมพูชาด้วย โดยมิกโกพร้อมกับเพื่อนอีก 2 คนคือ Erik Brown และ Claus Rasmussen คือนักดำน้ำชุดสุดท้ายที่ออกมาจากถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนหลังการช่วยเหลือหมูป่าชุดสุดท้ายประสบความสำเร็จ
อย่างไรก็ดี ไม่ใช่แค่นักดำน้ำนานาชาติดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเท่านั้น หากแต่ “ฮีโร่” หน่วยงานสำคัญที่ไม่อาจกล่าวถึงได้ก็คือ “หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ(นสร.)” หรือ “หน่วยซีล” แห่งราชนาวีไทย ซึ่งหลังจากได้รับการร้องขอจาก “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร” ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายในขณะนั้น พวกเขาก็เดินทางมายังถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอนในทันที และเป็นนักดำน้ำหลักที่ทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อช่วยเหลือ 13 หมูป่าออกมาให้ได้
“เรา”...ผนึกกำลังทั้งทีมไทยและทีมนานาชาติ นำน้องๆ ทีมหมูป่า...กลับบ้าน
ฮูยา…
“We”, the Thai and international teams, are strong and firm in bringing all the Wild Boars home!
Hooyah…
8 July 2018
นั่นคือคำประกาศของพวกเขาในวันที่ 8 กรกฎาคม 2561 ซึ่งเป็นวันดีเดย์เริ่มปฏิบัติการนำทีมหมูป่ากลับบ้าน
แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าที่ภารกิจของพวกเขาและทีมสนับสนุนจากทุกหน่วยงานจะประสบความเร็จในการนำตัว 13 หมูป่าออกมาจากถ้ำ ถือเป็นภารกิจที่ยากถึงคงยากที่สุด ซึ่งนักกู้ภัยและนักดำน้ำต่างขานรับเป็นเสียงเดียวกัน เนื่องจากเต็มไปด้วยความท้าทายหลายสิ่ง ทั้งการเข้าถึงตำแหน่งที่ทีมหมูป่าหลบภัยเพราะไม่มีแผนที่ที่แน่นอนมาก่อน ดินฟ้าอากาศที่ไม่เป็นใจ รวมทั้งลักษณะธรรมชาติของถ้ำที่ยากลำบาก ยากต่อการช่วยเหลือ ซึ่งนั่นทำให้ต้องมีการระดมองค์ความรู้และสารพัดวิธีเข้าให้การช่วยเหลือเพื่อแข่งกับเวลาที่งวดลงไปทุกที
“นี่เป็นปฎิบัติการที่ซับซ้อม หากเปรียบเทียบกับการเดินทางไปดวงจันทร์ ต้องวางแผนซับซ้อนหลายปี แต่การกู้ภัยครั้งนี้เกิดขึ้นทันที พวกลงมือทันที วางแผนทันที รวมรวมทุกๆอย่างเพื่อนำพวกเขาออกมา มืออาชีพสุดๆ เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมาย
“ภาวะของผู้นำไทยนั้นยอดเยี่ยม พวกเขาทำงานอย่างรอบคอบ ท่ามกลางสถานการณ์ที่บีบคันจากสภาพอากาศในช่วงมรสุม มีการหยุดพักการปฏิบัติสลับเปลี่ยนทีมเป็นระยะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะสมมาก พวกเขาทำงานหนัก มีแผนที่ดี และทำได้สำเร็จตามแผน เป็นมืออาชีพมากๆ รวมถึงมีการใช้ทรัพยากรต่างนานาชาติได้อย่างยอดเยี่ยม”
นั่นคือคำให้สัมภาษณ์ของ พลเรือโท โรเบิร์ต ฮาเวิร์ด จูเนียร์ (Vice Admiral Robert Harward Jr.) อดีตหน่วยซีลเกษียณอายุของกองทัพเรือสหรัฐฯ และอดีตรองผู้บัญชาการศูนย์บัญชาการกลางสหรัฐฯ (USCENTCOM) ถึงปฏิบัติการกู้ภัยถ้ำหลวงผ่านสำนักข่าวเอบีซีนิวส์ พร้อมทั้งชื่นชม นายณรงศักดิ์ โอสถธนากร ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการค้นหาผู้สูญหายถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน(ศอร.)
หรือดังเช่นที่ ดร.ริชาร์ด แฮร์ริส วิสัญญีแพทย์ชาวออสเตรเลียที่ได้พูดคุยกับ Malcom Turnbull นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียผ่าน Skype เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “การปฏิบัติงานในถ้ำมีหลายช่วงที่ยาก แต่มีช่วงหลายร้อยเมตรใต้น้ำยากมาก ปฏิบัติการนี้คือการดำน้ำจากช่วงท้ายสุดของถ้ำ มีระยะ 2.5 กิโลเมตรที่มืดสนิท เต็มไปด้วยดิน โคลนและต้องคลำหาทางออกให้ได้ ต้องใช้มือเป็นเครื่องนำทาง เสมือนว่าต้องปิดตาตลอดเส้นทาง ต้องพยุงเด็กในอ้อมแขน พร้อมๆ กับต้องหลบโขดหิน ต้องพยายามขับเคลื่อนไปตามโพรงของหิน”
“เหล่าวีรบุรษในภารกิจนี้คือเด็กๆ และทีมซีลไทยที่ดูแลพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขาแข็งแกร่งมาก ผมรู้สึกได้รับโอกาสพิเศษที่ได้พบเด็กๆ กลุ่มนี้ พวกเขาเป็นเด็กที่ดูแลขวัญและกำลังใจของตัวเอง ดูแลความปลอดภัยของตัวเอง ถ้าพวกเขาไม่ดูแลตัวเองได้ขนาดนั้น เราคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ผมว่าเราต้องยกเสียงชื่นชมให้กับเขา”
และคำให้สัมภาษณ์ของ ดร.แฮร์ริสก็ได้ให้คำตอบถึงวิธีการนำตัว 13 หมูป่าออกมาจากถ้ำที่ก่อนหน้านี้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าพวกเขา “ใช้วิธี” ใด ก่อนที่จะมีภาพเผยแพร่ออกมาจากหน่วยซีลและสอดคล้องกับสิ่งที่ พลเรือตรีอาภากร อยู่คงแก้ว ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ หรือ ผบ.หน่วยซีล ให้ข้อมูลว่า “เด็กๆไม่ต้องทำอะไร แค่นอนเฉยๆ หายใจนิ่งๆ ใส่หน้ากากแบบ Full Face และใส่ wet Suitแล้วก็มีคน carry ออกมาแค่นั้น”
ขณะเดียวกันนอกจากความสูญเสีย “จ.อ.สมาน กุนัน” หรือ “จ่าแซม” อดีตหน่วยซีลนอกราชการที่อาสาเข้าไปช่วยเหลือในภารกิจดังกล่าวและและพลีชีพภายในถ้ำหลวงอันนำมาซึ่งความโศกสลดของทีมปฏิบัติงานและคนทั้งโลกแล้ว ยังมีภาวะที่บีบคั้นมากมายที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติการ
“ครั้งหนึ่ง ลูกน้อง 3 คน ได้ขาดการติดต่อไปนานกว่า 23 ชั่วโมง มันเครียด เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่เข้าไปเป็นตายร้ายดีอย่างไร ปกติ แต่ละครั้งจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง 7 ชั่วโมง 10 ชั่วโมงก็มี กว่าเขาจะกลับมาให้เราเห็นว่ามีชีวิตอยู่ ก่อนที่หน่วยซีล 3 นาย จะกลับออกมา ซึ่งแต่ละนาย เอาถังอากาศไปคนละ 4 ถัง ทุกคนใช้คนหมด โดยมี 3 นายเหลืออากาศอยู่เล็กน้อย จึงดำน้ำออกมาแจ้งข่าว ซึ่งทั้ง 3 นายนั้นสภาพร่างกายแย่ จนต้องส่งโรงพยาบาล”นาวาเอก อนันต์ สุราวรรณ ผบ.กรมรบพิเศษที่1 นสร. เปิดเผยถึงภารกิจการนำหน่วยซีล เข้าดำน้ำในถ้ำหลวง ช่วยทีมหมูป่า
สำหรับรายละเอียดภารกิจของหน่วยซีลนั้น พลเรือตรีอาภากรได้บรรยายสรุปเอาไว้ว่า เมื่อมีการขอจากเชียงราย ขอให้ส่งหน่วยซีลมาช่วยภารกิจช่วยผู้ประสบภัยในถ้ำ กองทัพเรือก็สั่งทันที โดยชุดแรกมาด่วนเครื่องบินออกเที่ยงคืนครึ่ง ถึงเชียงรายตี 2 กำลังพลรอบแรกประมาณ 20 นายได้ปฏิบัติงานทันทีเมื่อมาถึงถ้ำหลวง โดยลุยไปในถ้ำจนถึงจุดที่หน่วยกู้ภัยเดิมไม่สามารถไปได้ เนื่องจากไม่สามารถหาช่องที่หาทรายทับถมไม่เจอ
ต่อมาเมื่อได้ทำการทะลุช่องทางไปแล้ว นักดำน้ำของหน่วยซีลได้ดำจากจุดช่องจากสามแยกไปถึงพัทยาบีช และพบเพียงแค่รอยเท้าแต่ไม่เจอน้องๆ ในวันนั้นสภาพถ้ำมืดมาก ผนวกกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ทำให้นักดำน้ำจำต้องถอยกลับมาเตรียมอุปกรณ์ใหม่ และร้องขอกำลังพลระลอกที่ 2 และ 3 มาเรื่อย สุดท้ายก็ถอยร่นมาจากปากถ้ำ
“ช่วงนั้นความหวังเหลือนิดเดียว ว่าน้ำระดับนี้ จะมาช่วยน้องๆ ได้อย่างไร ความหวังว่าน้องๆ จะอยู่ในสภาพอิดโรยขนาดไหน”
พลเรือตรีอาภากรเล่าต่อว่า ขณะนั้นก็มีภาครัฐ และเอกชน มาช่วยในการสูบน้ำออก แต่น้ำก็ลดลงเพียงแค่วันละ 1-2 ซม.เท่านั้น อย่างไรก็ดี ก็ไม่ละความพยายามในการค้นหาและพบว่า ที่โถง 3 ยังมีที่ว่าง ที่จะตั้งเป็นกองบัญชาการส่วนหน้าได้ ทว่าจากเข้าไปจากปากถ้ำไปถึงโถง 3 ก็สาหัสสากรรจ์พอสมควร
“สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าเราจะสู้กับน้ำ โดยต้องหาขวดอากาศมาเป็นจำนวนมาก ในช่วงแรกได้รับบริจาคจากเอกชน 200 ขวด ต่อมาได้รับพระราชทานเพิ่มอีก 200 ขวด รวมเป็น 400 ขวด แล้วก็ได้อุปกรณ์หลายอย่าง คิดว่าเราสู้ได้ โชคดี การปฏิบัติการของเรา มีเพื่อนๆนานาชาติมาช่วยเรา นักดำน้ำจากอเมริกา จีน อังกฤษ เยอรมัน ฯลฯ กลุ่มสุดท้ายเป็นผู้เชี่ยวชาญการดำน้ำในถ้ำโดยตรง กลุ่มนี้สำคัญมาก”
“ เราก็มีแผนว่าจะทำอย่างไร ถึงจะหาน้องเจอ ก็ประเมินว่าน้องๆ น่าจะเลี้ยวซ้าย ก็วางเบสทไลน์ไปเรื่อยๆ ทีละ 200 เมตร แบ่งกันประเทศไหนรับช่วงไหน รับกันไปเป็นช่วงๆ คิดว่าถ้าไม่เจอจะเลี้ยวขวาสุดท้ายก็โชคดี นักดำน้ำจากอังกฤษ รับในช่วงนั้น และไปเจอน้องๆ 13 คน และได้ถ่ายภาพมาให้พวกเราดู
แต่ปัญหาใหญ่ที่ตามมาก็คือ ปริมาณออกซิเจนน้อยลง จึงทำให้ต้องตัดสินใจนำน้องๆ ออกมา และก็ออกมาได้ครบ ภารกิจตรงนี้ยากมาก ไม่เคยเจอ เป็นบทเรียน ต้องพัฒนาบุคลากรของเราเพิ่มขึ้นไปอีก เพื่อรับภัยพิบัติต่างๆ กองทัพเรือต้องเตรียมคนให้พร้อม เพราะกองทัพเรือไม่ทิ้งประชาชน”
10 กรกฎาคม 2561 ภายหลังปฏิบัติการช่วยเหลือทีมหมูป่าออกมาได้เป็นผลสำเร็จ เพจเฟซบุ๊กของ Thai NavySEALได้บรรยายความรู้สึกตลอด 17 วันว่า “เราไม่รู้ว่านี่คือสิ่งมหัศจรรย์ หรือวิทยาศาสตร์ หรืออะไรก็ตาม แต่หมูป่าทั้ง 13 ตัวได้ออกมาจากถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว....We are not sure if this is a miracle, a science, or what. All the thirteen Wild Boars are now out of the cave.”
และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานความช่วยเหลือมาอย่างต่อเนื่อง ดังที่ผู้ว่าฯ ณรงค์ศักดิ์กล่าวในวันแถลงปิด ศอร.ว่า “งานนี้จะไม่สำเร็จลงได้ ถ้าไม่ได้พระบารมี ปกเกล้าปกกระหม่อม ของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้”
นอกจากนี้ ภารกิจกู้ภัยที่อันตรายและท้าทายที่สุดในโลกยังได้รับความช่วยเหลือจาก “อีลอน มัสก์” มหาเศรษฐีเจ้าเทคโนโลยีชาวอเมริกัน ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารบริษัเทสลา สร้างอุปกรณ์ล้ำสมัยโดยทีมวิศวกรสเปซเอ็กซ์ประกอบ แคปซูลกู้ภัย หรือ เรือดำน้ำจิ๋วขนาดเท่าตัวเด็กที่ปรับจากท่อส่งออกซิเจนเหลวของจรวดฟัล มีรูปทรงคล้ายถังกระสุนปืน เส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 31 ซม. น้ำหนัก 40 กก. พอที่นักประดาน้ำ 2 คน คอยผลักดึงผ่านช่องแคบๆ สลับซับซ้อนภายในถ้ำหลวงที่ถูกน้ำท่วมได้ ซึ่งโพรงบางช่วงแคบเกินกว่านักประดาน้ำจะดำผ่านพร้อมถังออกซิเจน แคปซูลของมัสก์ติดถังออกซิเจน 4 ถัง มีคันจับหน้าและหลัง การออกแบบเป็นไปตามข้อมูลที่ได้จากนักดำน้ำในถ้ำหลวง
แน่นอนว่า อีลอน มัสก์ ตั้งชื่อ “แคปซูลกู้ภัย” ตามชื่อทีมฟุตบอลคือ “หมูป่า” (Wild Boar) พร้อมกับเดินทางมา จ.เชียงราย เพื่อมาส่งมอบแคปซูลด้วยตนเอง แม้ยังไม่ได้ใช้ในปฏิบัติการครั้งนี้ แต่ขอมอบให้ประเทศไทยเผื่อว่าจะมีประโยชน์ในอนาคต
ทันทีที่ “หมูป่าทั้ง 13 ตัว” ออกจากถ้ำหลวง จ.เชียงรายอย่างปลอดภัย ผู้คนทั่วโลกต่างร่วมแสดงความยินดีและแสดงความขอบคุณผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของภารกิจกู้ภัยสุดอันตรายในครั้งนี้ ผู้นำประเทศมหาอำนาจ และคนดังระดับโลก ต่างแสดงออกถึงความปีติยินดีอย่างอบอุ่นหัวใจ อาทิ
โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความผ่าน “Donal J.Trump” ความว่า
“The U.S. is working very closely with the Government of Thailand to help get all of the children out of the cave and to safety. Very brave and talented people!” (ในฐานะตัวแทนของสหรัฐอเมริกา ขอแสดงความยินดีกับหน่วยซีลและทุกคนที่ประสบความสำเร็จในการช่วยเด็ก 12 คนและโค้ชให้พ้นจากอันตรายในประเทศไทย เป็นช่วงเวลาที่สวยงามอย่างแท้จริง ทุกคนออกมาแล้ว ทำได้ยอดเยี่ยมมาก)
เทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ทวีตข้อความผ่าน “Theresa May” ความว่า
“Delighted to see the successful rescue of those trapped in the caves in Thailand. The world was watching and will be saluting the bravery of all those involved.” (ยินดีที่ได้เห็นความสำเร็จของการกู้ภัยเพื่อช่วยเหลือเด็กๆที่ติดอยู่ในถ้ำในประเทศไทย โลกกำลังมองดูอยู่ และจะยกย่องผู้กล้า ผู้มีส่วนร่วมในภารกิจนี้)
เดวิด เบ็คแฮม นักฟุตบอลดัง โพสต์ภาพและข้อความลงอินสตาแกรมส่วนตัว ความว่า
"So pleased to hear the news from Thailand. These boys are heroes, as is the coach, the men and women who risked their lives rescuing them and the incredible Saman Kunan. Such a positive, uplifting story. (รู้สึกยินดีมากๆ ที่ได้รู้ข่าวนี้จากประเทศไทย เด็กๆ เหล่านี้ถือเป็นฮีโร่เลย เช่นเดียวกับโค้ชของพวกเขา, เหล่าชายหญิงที่ยอมเสี่ยงเพื่อช่วยเหลือพวกเขา รวมถึงจ่าเอกสมาน กุนัน)
"พอล ป็อกบา" มิดฟิลด์ของทีมชาติฝรั่งเศส ทวีตผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัวว่าชัยชนะของทีมตราไก่ขอมอบให้แก่ทีมหมูป่า ความว่า
“This victory goes to the heroes of the day, well done boys, you are so strong #thaicaverescue #chiangrai” (ชัยชนะครั้งนี้ขอมอบให้แก่ฮีโร่ประจำวัน ทำได้ดีมากเด็กๆ พวกนาย)
"มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก" ผู้ตั้งเฟซบุ๊ค คอมเมนต์ผ่านเพจ Thai NavySEAL ความว่า
“From everyone at Facebook — your bravery has been amazing and congratulations on the successful rescue of eight Wild Boars. Best of luck as you work to get the remaining three players and their coach to safety.” (จากทุกๆ คนที่เฟซบุ๊ก - ความกล้าหาญของพวกคุณถือเป็นความอัศจรรย์อย่างยิ่ง ขอแสดงความยินดีกับความสำเร็จในภารกิจกู้ภัยหมูป่าทั้ง 8 ขอให้คุณโชคดี ในภารกิจพานักฟุตบอลและโค้ชที่เหลืออีก 3 คน ให้ออกมาได้อย่างปลอดภัย)
นี่คือปฏิบัติการที่ “โลกต้องจดจำ” ไปตราบนานเท่านาน