ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ฉากชีวิตชินเดอเรลล่า “อุ๊ก พัลลา” (Ouk Phalla) จากนางระบำอัปสรา ผู้กลายมาเป็นชายาของสมเด็จพระนโรดมรณฤทธิ์ ปิดลงอย่างไม่คาดฝัน เมื่อเที่ยงวันอาทิตย์ที่ 17 มิ.ย. 2561 ทางสำนักพระราชวังกัมพูชา แถลงข่าวการเสียชีวิตของเธอจากอุบัติเหตุทางรถยนต์บนถนนหลวงสายกำปอด-พระสีหนุ พร้อมกับสมเด็จพระนโรดมรณฤทธิ์ ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง
นางรำอัปสรา ผู้มีชีวิตดุจเทพนิยาย เธอเป็นใคร เป็นเพียงสามัญชนคนธรรมดาที่อาศัยเสน่ห์นางรำไต่เต้าขึ้นสู่ราชสกุลนโรดม หรือแท้จริงแล้วหญิงสาวผู้นี้ก็หาใช่ธรรมดาไม่ แต่สืบเชื้อสายแห่งราชสกุล “สีสุวัตถิ์” อีกสายธารหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์คู่สกุลนโรดม ดังที่ เพจ “เป็นเรื่อง เป็นลาว” ว่าไว้ “อุ๊ก พัลลา หญิงสาวในเงามืด แห่งราชสกุล “สีสุวัตถิ์” โดยพาย้อนกลับไปอดีตราชสำนักกัมพูชายุคฝรั่งเศสยึดครอง มีสองราชสกุลที่เคยเป็นพระมหากษัตริย์คือ ราชสกุลนโรดม และราชสกุลสีสุวัตถิ์ ซึ่งคนไทยคงคุ้นชื่อ “พระบาทสมเด็จสีสุวัตถิ์” หรือ “พระบาทสมเด็จศรีสวัสดิ์” ที่เคยมาประทับอยู่เมืองไทย ตั้งแต่วัยเด็ก ร่ำเรียนในไทยจนโตเป็นหนุ่ม
“มีข้อมูลบางสำนัก ระบุว่า อุ๊ก พัลลา นางระบำอัปสรา สืบเชื้อสายมาจากราชสกุลสีสุวัตถิ์ เหตุที่ครอบครัวอุ๊ก พัลลาต้องละทิ้งราชสกุล เปลี่ยนไปใช้นามสกุลสามัญชน เพราะต้องการหลบเลี่ยงการถูกเขมรแดงจับกุมไปขังคุก”
เพจ “เป็นเรื่อง เป็นลาว” ยังให้ข้อมูลด้วยว่า อุ๊ก พัลลาเกิดปี 2522 เข้าเรียนนาฏศิลป์ที่ Royal School of Art เมื่ออายุ 9 ขวบ และอายุ 13 ปี เธอปรากฏตัวต่อสาธารณชนในฐานะนักแสดง “ระบำอัปสรา” (Apsara Dance) เสน่ห์ของเธอ ทำให้สมเด็จพระนโรดมรณฤทธิ์ หัวหน้าพรรคฟุนซินเปค ขณะนั้นลุ่มหลงถึงกับควักเงินลงทุนสร้างหนังพร้อมกับสร้างบทรักระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องชีวิตนางรำในวังหลวง จนทั้งสองมีพระโอรสด้วยกันหนึ่งพระองค์ ระหว่างนั้นการเมืองกับการมุ้งส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเจ้ารณฤทธิ์ตกต่ำอย่างรุนแรง
ปี 2549 อีกสองปีถัดมาหลังทั้งสองสานสัมพันธ์รักที่เริ่มขึ้นในช่วงปี 2547 เจ้ารณฤทธิ์ ต้องพาชายาอดีตนางระบำกับเจ้าชายน้อยที่มีพระชนม์เพียง 1 ขวบ เดินทางออกจากกัมพูชาไปพำนักในมาเลเซีย หลังจาก เจ้าหญิงมารีเอ็ง พระชายาองค์แรกของเจ้ารณฤทธิ์ ฟ้องร้องต่อศาลโดยใช้กฎหมาย “ห้ามมีชู้” เล่นงานผู้เป็นสวามีที่นอกพระทัย
ความเจ็บแค้นของภรรยาคนแรกผู้ถูกทอดทิ้ง กลายเป็นเครื่องมือบดขยี้เจ้ารณฤทธิ์ในทางการเมือง ด้วยว่า กฎหมายห้ามมีชู้นั้น สมเด็จฮุน เซน ผลักดันผ่านสภาฯ เพื่อเล่นคู่แข่งทางการเมืองสมัยนั้นคือ เจ้ารณฤทธิ์ โดยเฉพาะ เนื่องจาก “ฮุน เซน” ต้องการยึดพรรคฟุนซินเปค เมื่อเจ้ารณฤทธิ์หอบลูกเมียไปอยู่ต่างประเทศ “ญึก บุญชัย” มือขวาเจ้ารณฤทธิ์ ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรค สมเด็จฮุนเซน ประเคนคำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้กับ ญึก บุญชัย เป็นการตอบแทน
ช่วงเวลาที่เจ้ารณฤทธิ์ พา อุ๊ก พัลลา ไปอยู่กัวลาลัมเปอร์นั้น เป็นช่วงที่เจ้าเขมรผู้นี้ตกอับสุดขีด ครานั้นกระแสข่าวร่ำลือกันทั่วทั้งกรุงพนมเปญว่าไม่ช้าไม่นานหากชีวิตที่ขาดๆ เขินๆ ในต่างแดนยังไม่ดีขึ้น อุ๊ก พัลลา อาจทิ้งเจ้ารณฤทธิ์ ให้ทรงเปล่าเปลี่ยวเดียวดายตามลำพัง เพราะเวลานั้น อุ๊ก พัลลา ในวัย 26 ก็ยังสาวยังสวยหาทางเลือกใหม่ๆ ในชีวิตได้ไม่น่าจะยาก ขณะที่ชีวิตคู่ของ อุ๊ก พัลลา ก่อนหน้าที่จะมาอยู่ร่วมกับเจ้ารณฤทธิ์ ได้ผ่านการสมรสครั้งแรกกับ เวง สิริวุด อดีตรัฐมนตรี พรรคฟุนซินเปกยุคแรกๆ ก่อนที่ทั้งสองเลิกร้างกันไปในเวลาต่อมา
เว็บไซต์ mgronline เขียนถึงชีวิตในต่างแดนของเจ้ารณฤทธิ์กับ อุ๊ก พัลลา ใน พ.ศ. 2551 เอาไว้ว่า จากพระราชวังหลวงไปประทับอยู่ในคอนโดรังหนูในต่างแดน ไม่มีข้าราชบริพารห้อมล้อม มีเพียง 3 ชีวิต คือ เจ้ารณฤทธิ์ ผู้เป็นพระบิดา อุ๊ก พัลลา พระมารดา โอรสพระองค์น้อย กับรถยนต์คันเก่าๆ และเงินเริ่มขาดเขิน โดยนักข่าวหนังสือพิมพ์รัศมีกัมพูชา (Ramei Kampuchea) ที่ได้ไปเยือนครอบครัวอื้อฉาวนี้ได้ยืนยันว่าข่าว “เจ้าตกอับ” เป็นข่าวจริง ลบล้างคำเล่าลือและเสียงใส่ร้ายป่ายสีจากรัฐบาลกรุงพนมเปญกับบรรดาคู่แข่งทางการเมืองที่ว่ากรมพระรณฤทธิ์ เชิดเงินไปหลายร้อยล้านดอลลาร์
การเมืองทำให้พระองค์ ถูกศาลตัดสินเมื่อปี 2550 ในข้อหายักยอกเงินสนับสนุนของพรรคฟุนซินเปกที่ทรงเป็นหัวหน้าพรรค โดยก่อนหน้านั้น 1 ปี กรมพระรณฤทธิ์ ได้ทรงไปอาศัยในฝรั่งเศส หลังจากต้องคดีหมิ่นประมาทสมเด็จฯ ฮุนเซน ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนายกรัฐมนตรีร่วมกันและยังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลกันในขณะนั้น ความผิดฐานหมิ่นประมาทในคราวนั้นมีโทษจำคุก พระองค์ไม่ได้เสด็จกลับกัมพูชาอีกเลยและทรงเลือกที่จะใช้ชีวิตร่วมกับดาราสาวกับทายาทพระองค์เล็ก
จากนั้นชีวิตยังผกผันไปไม่หยุด เมื่อ เจ้าหญิงนโรดมมารี หรือ เจ้าหญิงเอ็งมารี (Eng Marie) พระชายาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาตั้งแต่ยุคเขมรแตก ได้ใช้กฎหมายห้ามมีชู้ที่ผ่านรัฐสภา เล่นงานเจ้าชายซ้ำเข้าไปอีกคดีนี้มีโทษจำคุกเช่นเดียวกัน แต่คงยังไม่หนำพระหฤทัยเจ้าหญิงมารีไปร่วมมือกับผู้นำพรรคฟุนซินเปกคนอื่นๆ จัดประชุมเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคนใหม่ โค่นพระสวามีลงจากตำแหน่ง
นักวิเคราะห์กล่าวกันว่า ทั้งหลายทั้งปวงนี้ล้วนมีสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบัน ดีดลูกคิดอยู่เบื้องหลัง และการกำจัดเสี้ยนหนามทางการเมืองที่สำคัญที่สุดก็ประสบความสำเร็จสมใจนึก
กรมพระรณฤทธิ์ ทรงเคยมีชีวิตที่หรูหราเคียงคู่กับอุ๊ก พัลลา “แต่ตอนที่เราไปเยี่ยมพระองค์กับ อุ๊ก พัลลา กับเจ้าชายน้อยที่น่ารักที่กัวลาลัมเปอร์นั่น ความหรูหรากับความสุขสบายเป็นเพียงเรื่องในอดีต” นักข่าวของรัศมีกัมพูชา เขียนในตอนหนึ่งเกี่ยวกับการไปเยือนวันที่ 9 ก.พ. 2551 บอกเล่าถึงเลือดสีน้ำเงินแห่งพระราชวงศ์เขมรทรงใช้ชีวิตกับครอบครัวเล็กๆ ในคอนโด 2 ห้องนอนแคบๆ ในมาเลเซีย ไม่ต่างกับปุถุชนทั่วไป ไม่มีวี่แววใดๆ ว่านี่คือ อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศหนึ่ง และนี่คือหน่อเนื้อเชื้อไขพระมหากษัตริย์
คอนโดห้องแคบๆ ไม่มีอะไรหรูหรา ทุกอย่างแออัดยัดเยียด แม้ว่าเจ้าของจะดูแลอย่างดี อุ๊ก พัลลา บ่นว่าทุกย่างกำลังขัดสนไปหมด กระทั่งเริ่มมีข่าวคราวหนาหูจากครอบครับของ “หม่อมอุ๊ก” ที่เสียมราฐว่า ..อยากจะให้ลูกกับหลานกลับบ้านไปก่อนด้วยทนไม่ได้ที่เห็นบุตรสาวดาวค้างฟ้า อดีตดาราดาวรุ่งทั้งบนจอเงินและจอแก้ว และยังเป็นพระชายาของนักการเมืองที่มีอนาคตไกล ชีวิตเคยสุขสบายดั่งเจ้าหญิง ต้องไปใช้ชีวิตตกอับในคอนโดรังหนู เป็นเพียงแม่บ้านธรรมดาและถูกบีบคั้นด้วยความแร้นแค้น แต่ อุ๊ก พัลลา ก็ผ่านช่วงชีวิตนั้นมาได้ เมื่อเจ้ารณฤทธิ์ ได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับกัมพูชาด้วยการได้รับพระราชทานอภัยโทษจากกษัตริย์ สีหมุนี โดยการเห็นชอบจาก ฮุน เซน และเจ้ารณฤทธิ์ ก็หวนคืนการเมืองโดยตั้งพรรคนโรดมรณฤทธิ์ แต่ผลเลือกตั้งปรากฏได้แค่ 2 ที่นั่ง
ภายหลังเลือกตั้งในปี พ.ศ. 2555 “ญึก บุญชัย” นำ ส.ส.เข้าสภาฯ 10 ที่นั่ง ได้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ตอนหลังขัดแย้งกับ ฮุนเซน ถูกถอดออกจากตำแหน่ง และได้ไปตั้งพรรคใหม่ จากนั้น ญึก บุญชัย ถูกจับในข้อหาค้ายาเสพติด
จากนั้นในปี 2558 เจ้ารณฤทธิ์ จึงกลับมาฟื้นพรรคฟุนซินเปค และนำพรรคลงเลือกตั้ง 29 ก.ค.2561 โดย อุ๊ก พัลลา ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ในนามพรรคฟุนซินเปค และได้เดินสายหาเสียงเคียงข้างพระสวามี โดยไม่มีใครคิดว่า การเดินทางไปหาเสียงที่สีหนุวิลล์ จะเป็นการทำหน้าที่นักการเมืองหญิงเป็นครั้งสุดท้าย
ความตายของ “อุ๊ก” ถูกนำไปสู่ประเด็นการเมือง เมื่อสมาชิกพรรคฟุนซินเปค ตั้งข้อสงสัยว่า มันไม่ใช่อุบัติเหตุทางการเมือง ขณะที่ปฏิกิริยาต่อการเสียชีวิตของชายาอุ๊ก พลพรรคของ สม รังสี เกาะติดข่าวสาร และร่วมแสดงความอาลัย ตรงกันข้ามกับท่าทีของพรรคประชาชนกัมพูชา ที่เงียบจนผิดปกติ มิหนำซ้ำ เซเลบการเมืองคนดังของฝ่ายพรรครัฐบาล ได้แชร์ข่าวลือว่า ชายาอุ๊ก ยังมีชีวิตอยู่
“อุบัติเหตุทางรถยนต์ของแกนนำพรรคฟุนซินเปค คงไม่จบง่ายๆ เพราะกรมพระนโรดมรณฤทธิ์ เป็นนักการเมืองราชสำนักที่ไม่ธรรมดา” เพจ “เป็นเรื่อง เป็นลาว” ทำนายอนาคต หลังชายา อุ๊ก พัลลา หญิงสาวผู้เป็นที่รักของเจ้ารณฤทธิ์ ต้องจบชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุแบบมีปริศนา