xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

4 ปีรัฐประหาร คสช.โชว์กำราบม็อบ อีเว้นท์ประลองกำลัง หรือจะ “เลื่อนเลือกตั้ง”?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - น่าจะเป็นนิมิตอันดี เมื่อ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนนเสียงเอกฉันท์

ถือเป็นเปลาะแรกที่บ่งชี้ว่า จะไม่เกิดอุบัติเหตุ หรือกระทบโรดแมปเลือกตั้ง ที่จนถึงวันนี้ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังยืนกรานเสียงแข็งว่า เดือนกุมภาพันธ์ 2562 ได้เลือกตั้งกันแน่นอน

แต่ก็ยังต้องจับตาเปลาะต่อไปที่ยังคั่งค้างอยู่ในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ กับการพิจารณาว่า พ.ร.ป.การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ที่นัดฟังคำวินิจฉัยกันในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ ซึ่งหากดูทิศทางลมตาม “หนังตัวอย่าง” ในส่วนของ “พ.ร.ป.ที่มา ส.ว.” แล้ว ก็อาจจะฟันธงไปได้ว่า “ผ่านฉลุยแน่นอน”

แล้วก็ยังมีคำการันตีจาก “เสี่ยป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ “คีย์แมนคนสำคัญ” ของ คสช. ที่โวลั่นว่า “ผ่านอยู่แล้ว ไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์”

ได้ฟังเช่นนี้แล้วก็ทำให้ลดความเคลือบแคลงว่า คสช.จะยืมมือ “ศาลรัฐธรรมนูญ” ในการสร้าง “เงื่อนไข” ที่จะกระทบโรดแมปเลือกตั้งลงไปได้โข แต่ถึงกระนั้นก็เถอะ ต้องยอมรับว่า ยังมีความหวาดระแวงจากหลายฝ่ายว่า เลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562 จะติด “โรคเลื่อน” เหมือนหลายๆครั้งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา

เพราะอะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ ยังมี “ปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้” อีกเพียบ

ซึ่งความหวาดระแวงที่ว่า ก็นำมาสู่การก่อหวอดรวมตัวกันของในซีก “ฝ่ายแค้น” อันประกอบไปด้วย “พรรคเพื่อไทย-คนเสื้อแดง-กลุ่มนักศึกษา” ที่สนธิกำลังกันผ่าน “ม็อบอยากเลือกตั้ง” ซึ่งเพิ่งมี “อีเวนท์ใหญ่” ไปเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม ครบรอบ 4 ปีรัฐประหาร คสช. กับการนัดหมายมวลชนเดินเท้าไปประกาศเจตนารมณ์หน้าทำเนียบรัฐบาล

จนเกิดอีเว้นท์ “ประลองกำลัง” ระหว่างม็อบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กันพอหอมปากหอมคอ ก่อนที่จะเป็นฝ่ายผู้ชุมนุมที่ต้องล่าถอยยุติการชุมนุม ไม่สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ด้วยกำลังที่น้อยกว่า และได้ของแถมมาเป็น “คดีความ” เพิ่มอีกหลายกระทงของบรรดาแกนนำ ทั้ง “รังสิมันต์ โรม - จ่านิว สิรวิชญ์ - โบว์ ณัฏฐา” และพวกรวม 14 คน

จะว่าไป “ม็อบอยากเลือกตั้ง” ก็ไม่ได้เสียท่าแพ้รูดอย่างที่บางฝ่ายพูด อย่างน้อยตลอดทั้งวันนั้น ต่อเนื่องมาอีกหลายวัน ก็ชิงพื้นที่ข่าวไปได้พอสมควร อีกทั้งยังก็บิ๊วส์สถานการณ์ ทำให้มีฉาก “ผู้ใหญ่รังแก” ตาม “ภารกิจ” ที่รับมา ก่อนที่ “องค์กรต่างชาติ” จะเข้ามาสานต่อตามที่นัดหมายกันไว้เป๊ะๆ

ตามคิวที่ “สื่อแดง” ประโคมข่าว “UNOHCHR” หรือ สำนักงานข้าหลวงใหญ่ด้านสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ประจำภูมิภาคเอเชีย ออกแอคชั่นด้วยการ “ทวิตข้อความ” เรียกร้องให้ รัฐบาลไทยปล่อยตัวแกนนำผู้ชุมนุมทั้งหมด

ในทางกลับกัน “ฝ่าย คสช.” เองก็ตั้งใจให้เกิดภาพความเด็ดขาด วางบรรทัดฐานการควบคุมสถานการณ์ “ม็อบการเมือง” ที่ใกล้ถึงฤดูกาล “ลองของ” ภายหลังจากที่จะมีการปลดล็อกข้อจำกัดต่างๆทางการเมืองในอีกไม่ช้า

แม้รู้อยู่เต็มอกว่า มีหลุมพรางดักไว้ ก็ยังยินดีที่จะ “ตกหลุม” โดยการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจมากถึง 20 กองร้อย ในขณะที่ฝ่ายผู้ชุมนุมมีเพียงหยิบมือ จนถูกเหน็บแนมว่าไม่ต่างจาก “ขี้ช้างจับตั๊กแตน” จึงพูดไม่ได้ว่า ชนะขาด หรือต้อนตือกลุ่มผู้ชุมนุมฝ่ายเดียวแต่อย่างใด

ดังนั้นบทสรุปของอีเว้นท์ประลองกำลังหนนี้ อาจจะพูดได้ว่า “ได้-เสีย” กันทั้งคู่ก็คงไม่ผิดนัก

แต่หากมองลงลึกไป “อีเวนท์ 4 ปี คสช.” ผนวกกับความเคลื่อนไหวของ 2 ฝ่ายในช่วงนี้ มี “นัยแอบแฝง” ที่พยายาม “ป้ายสี” กันและกันว่า เป็น “ต้นตอ” ทำให้โรดแมปเลือกตั้งต้องเลื่อนอีกครั้งต่างหาก

ด้วย 2 ฝ่ายต่างก็เชื่อกันว่า การเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 จะไม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน อีกทั้งจะถูกขยับออกไปอย่างไม่มีกำหนดด้วยซ้ำ

การเป็นเช่นนี้ “ระบอบทักษิณ” ที่พลิกกระดานอำนาจผ่านการเลือกตั้ง ก็อยู่ไม่ได้ ด้วย 4 ปีที่ถูกขโมยอำนาจไปก็เนิ่นนานเกินพอแล้ว วัตถุประสงค์ไม่ได้ต้องการถึงขั้นล้มคว่ำ คสช. ด้วยรู้ดีกว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ก็เพื่อกดดันและชี้ให้เห็นว่า คสช. “เล่นลิ้น” ไม่เชื่อน้ำคำ คสช.ว่า จะมีการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 แต่ครั้นจะส่ง “เบอร์ใหญ่” ออกมาก็ล้วนแล้วแต่มีคดีติดตัวกันเป็นหางว่าว และจะทำให้เสียแนวร่วมที่รักประชาธิปไตย แต่รังเกียจนักการเมืองไปอีก

ช่วงหลังๆ ก็เลยหลบฉากให้ “แกนนำเด็ก (โข่ง)” เป็นผู้ขับเคลื่อนแทน จึงเป็นที่มาของ “ม็อบอยากเลือกตั้ง” แล้วเฟดตัวมาเป็น “ฝ่ายสนับสนุน” อยู่เบื้องหลังแทน

ถอดรหัสได้จากแคมเปญที่ “ม็อบอยากเลือกตั้ง” ประมาณว่า “ต้องเลือกตั้งในปีนี้” หมายถึงในปี 2561 ซึ่งก็ย้อนแย้งกับความเป็นจริงที่กำลังดำเนินอยู่ ที่ คสช.ระบุว่าจะมีการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อย่างแน่นอน เพื่อขยี้ปมให้เห็นว่า จะมีเลือกตั้งตามน้ำคำของ คสช.

ขณะที่ “ขุนทหาร คสช.” ผู้ถือแต้มต่อในการกำหนด วัน ว. เวลา น. ของการเลือกตั้ง รู้ตัวว่า ยังไม่พร้อมที่จะเข้าสู่สมรภูมิเลือกตั้ง แต่ก็จำเป็นต้องประกาศเป็น “แผ่นเสียงตกร่อง” ว่า เลือกตั้งไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อย่างแน่นอน ทั้งที่มาถึงขณะนี้หากยึดตามตัวบทกฎหมายทั้งหมด ต้องบอกว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว ด้วยขั้นตอนต่างๆ เป็นไปอย่างกระท่อนกระแท่น

อย่างน้อยการยื่นตีความ 2 กฎหมายลูก ก็ “ซื้อเวลา” มาได้แล้วร่วม 2 เดือน แล้วกว่าจะผ่านกระบวนการประกาศบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นทางการ ต้องกินเวลาอีกไม่รู้เท่าไร แต่ก็ต้องออกมาพูดแบบ “ปากไม่ตรงกับใจ” พูดทั้งที่รู้ว่า เป็นไปไม่ได้ ด้วยปล่อยให้เห็นว่าการเลื่อนโรดแมปซ้ำซากมากจาก “ปัจจัยภายใน” ไม่ได้ หลีกเลี่ยงการถูกโจมตีจากทั้งคนไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงต่างชาติ ที่ “ท่านผู้นำ” เคยไปเดินสายให้คำมั่นไว้

จึงได้เห็นภาพของเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนที่มาเยอะเป็นพิเศษในวันนั้น พยายาม “เล่นใหญ่” เข้าปะทะตรงกับกลุ่มผู้ชุมนุมตรงๆ หลายรอบ เพื่อให้เกิดภาพความรุนแรง ที่อาจเป็น “ไพ่ลับ” ที่จะถูกชักขึ้นมาใช้ หากถึงเวลาต้องกระเถิบเลือกตั้งจริงๆ ด้วยข้ออ้างสุดคลาสสิกว่า “ไม่สงบ ไม่เลือกตั้ง”

อีกด้านหนึ่งก็ใช้ ปฏิบัติการข่าวสาร (ไอโอ) ไล่ “ดิสเครดิต” ฝ่ายผู้ชุมนุมอย่างไม่ขาดสาย และลิ่วล้อผู้จงรักภักดี อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส. ประมาณว่า แท้จริงแล้ว ม็อบอยากเลือกตั้ง ไม่ได้อยากเลือกตั้ง จึงออกมาสร้างสถานการณ์เพื่อหวังให้บ้านเมืองปั่นป่วน

ไม่เพียงเท่านั้นยังใช้ “ไอโอ” ในการสื่อสาร ส่งสัญญาณว่า “พรรคทหาร” เตรียมความพร้อมเข้าสู่สนามเลือกตั้งเป็นระยะๆ ทั้งในส่วนของ “พรรคพลังประชารัฐ” หรือพรรคการเมืองในเครือข่ายทหาร ที่มีข่าวรั่วออกมาแทบจะรายวัน หลายข่าวเป็นคนที่ปล่อยก็เป็นฝีมือ “คนใน” เองด้วยซ้ำ

ล่าสุดก็มีข่าวที่ว่า “บิ๊กนมชง” พล.อ.ฉัตรชัย สาลิกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อนรัก “นายกฯตู่” เตรียมแต่งตัวขึ้นชั้นเป็น “หัวหน้าพรรคทหาร” ล่วงหน้าแล้ว

หรืออาจจะรวมกับคิวที่ “นายกฯตู่” จัดคิวลงพื้นที่ต่างจังหวัดแน่นเอี้ยด ท่ามกลางกระแสข่าว “ตกเขียว” กลุ่มการเมืองต่างๆมาร่วมสังหัดพรรคทหาร

สำทับด้วย “เทพเทือก” ที่กลืนน้ำลายรายวัน จากที่วันก่อนเพิ่งบอกว่าจะไม่ตั้งพรรคการเมือง ถัดมาวันเดียวก็มี “ข่าวตั้งใจหลุด” ว่าเตรียมส่ง ทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง ทนายความคนสนิทไปจดแจ้งชื่อ “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งที่เคยประกาศตั้งพรรคมาก่อนหน้านี้เป็นเดือนๆ แต่ก็เงียบเชียบ

คาดหมายว่าในช่วงแรกที่ยังมีการเลือกตั้งนั้น “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” จะถูกใช้เป็นฐาน เพื่อเปิดพื้นที่ให้ “แกนนำพรรค” ในการตอบโต้กับ “ม็อบอยากเลือกตั้ง” โดยตรง เพื่อลดแรงเสียดทานที่จะมีไปถึง “บิ๊ก คสช.”

อีกทั้งยังมีการแบ่งหน้าที่กัน ทางหนึ่ง “พรรคทหาร” เน้นการตกเขียว-ดูดนักการเมืองเก่าๆ ที่มีพื้นที่ของตัวเองมาเข้าร่วม ส่วน “พรรคสุเทพ” ก็จะเน้นสร้างจุดขายเจาะตลาด “คนไม่เอาทักษิณ” ดูได้จากรายชื่อผู้ร่วมก่อการตั้งพรรค อาทิ เอนก เหล่าธรรมทัศน์, สุริยะใส กตะศิลา, สำราญ รอดเพชร เป็นต้น ล้วนแล้วแต่ผ่านเวทีต่อสู้กับ “ระบอบทักษิณ” มาแล้วทั้งสิ้น

การแบ่งสาขาและแนวทาง “พรรคทหาร - พรรคสุเทพ” กันอย่างชัดเจนนั้นก็เพื่อ “ปิดจุดอ่อน-ขยายจุดขาย” ที่ยังตีฐานเสียงของ “พรรคทักษิณ” ไม่แตก “โพลบนดิน-โพลใต้ดิน” ชี้ตรงกันว่า เลือกตั้งให้ตายอย่างไร “พรรคทักษิณ” ก็ยังมาวิน แถมมาเยอะแบบแลนสไลด์เสียด้วย

ตรงนี้เองที่เป็น “ปัจจัยหลัก” ในความไม่พร้อมที่จะให้มีการเลือกตั้งในเร็วๆนี้นั่นเอง แต่อย่างที่บอกว่า การเลื่อนเลือกตั้งจาก “ปัจจัยภายใน” ก็หนีไม่พ้นถูกลถ่มทั้งในและนอกประเทศ จึงพยายามโบ้ยไปว่า ฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่ไม่พร้อมเลือกตั้ง จึงส่งคนออกมาสร้างสถานการณ์ป่วน ส่วน “ขุนทหาร” ก็ทำทุกวิถีทางให้เกิดภาพว่า “องคาพยพ คสช.” แต่งตัวเตรียมเข้าสู่สังเวียนเลือกตั้งเต็มที่

ซ้ำร้ายภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนก็มาเกิด “ฝีแตก” ในเวลาไล่เลี่ยกัน โดยเฉพาะ “ราคาพลังงาน” ที่ดาหน้าขึ้นกันอย่างไม่เกรงใจเงินในกระเป๋าคนไทย ไม่ว่าจะเป็น ราคาน้ำมัน, ก๊าซหุงต้ม และที่กำลังจะตามเพื่อนไปไม่ช้าก็ราคาไฟฟ้าที่จ่อคอหอยอยู่ ภาวะเช่นนี้ผสมกับ “อารมณ์เบื่อ คสช.” ที่เริ่มรู้สึกกันทุกหย่อมหญ้า

หากทะลึ่งกระโจนลงสนามเลือกตั้งก็มีแต่ “เจ๊งกับเจ๊ง”

ไม่ต้องอะไรมาก ขนาดเพจ “ขอล้าน Like สนับสนุนให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายก” ที่จุดยืน “เชลียร์ลุงตู่ ถล่มเสื้อแดง” สนับสนุนการบริหารประเทศของ “นายกฯตู่” แบบสุดลิ่มทิ่มประตู นึกสนุกเปิดโหวตเนื่องในโอกาสครบรอบ 4 ปี การรัฐประหาร คสช.

กับคำถามง่ายๆว่า “คุณยังสนับสนุน พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้บริหารบ้านเมืองต่อหรือไม่” ปรากฎว่า “ฉันทมติ” ของผู้เข้าไปโหวต กด “ไม่สนับสนุน” ถึง 90% ของจำนวนผู้ไปโหวตทั้งหมดราว 5 แสนราย

เห็นแบบนี้แล้ว ก็เป็นที่น่าสงสัยว่า “หรือจะเลื่อนเลือกตั้ง”?




กำลังโหลดความคิดเห็น