ขอทรัมป์อย่ามางานศพผม

เป็นคำสั่งเสียของท่าน ส.ว.อาวุโสจอห์น แมคเคน (อายุ 81 ปี) ขณะนี้ยังดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการการทหารของวุฒิสภา และเพิ่งผ่านการผ่าตัดครั้งล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่มะเร็งสมองชนิดไม่มีทางรักษากำลังลุกลามอย่างเร็ว และกำลังนับวันที่จะต้องจากโลกนี้ไป

ส.ว.จอห์น แมคเคน กลายเป็นฝ่ายค้านของปธน.ทรัมป์ ทั้งๆ ที่อยู่ในพรรคเดียวกัน ก็เพราะ ส.ว. 5 สมัยแห่งรัฐแอริโซนาผู้นี้ ไม่ยอมลงคะแนนให้กับข้อเสนอของทรัมป์ที่จะให้ยกเลิกกม.ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (ของโอบามา) เมื่อทรัมป์เข้ามาบริหารเมื่อปีที่แล้ว และทำให้ทรัมป์เสียหน้ามากที่เขาต้องการโค่นผลงานของโอบามาแล้วทำไม่สำเร็จ

เป็นไพ่ใบสุดท้ายของแมคเคนจริงๆ ที่ทิ้งมรดกไว้เพื่อทำให้ชาว ส.ส./ส.ว.พรรครีพับลิกันได้ฉุกคิดถึงความไร้ศักดิ์ศรีของปธน.คนปัจจุบัน ที่ทำให้เสื่อมเสียต่อตำแหน่งปธน.สหรัฐฯ และต่อความน่าเชื่อถือและศักดิ์ศรีของประเทศชาติ ที่จอห์น แมคเคน ตั้งมั่นแน่วแน่แม้ยอมสละชีวิตให้เพื่อเกียรติของแผ่นดินที่เขารัก

เมื่อช่วงที่ทรัมป์ยังเป็นผู้สมัครเพื่อเป็นตัวแทนของพรรค เขาได้พูดสบประมาทพรรคว่า ได้เลือกคนผิดมาเป็นตัวแทนของพรรค จึงทำให้รีพับลิกันต้องพ่ายแพ้ต่อปธน.โอบามาเมื่อปี 2008

นั่นคือ พรรคได้เลือกจอห์น แมคเคน อดีตเรือเอกตำแหน่งนักบินของเรือพิฆาตในช่วงสงครามเวียดนามที่ได้ขับเครื่องบินมาทิ้งระเบิดที่เวียดนามเหนือหลายเที่ยว จนเที่ยวสุดท้ายเครื่องบินตก และเรือบินของเขาตกลงใกล้หนองน้ำ แขนทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส ชาวบ้านได้จับตัวเขาส่งให้กองทัพเวียดนาม ซึ่งเขาถูกส่งตัวไปกักขังที่ฮานอย-ฮิลตัน ซึ่งได้มีการทรมานสาหัสจนเขาแทบเสียแขนเสียขา และต่อมาก็เดินเหินไม่ได้ปกตินัก

จอห์น แมคเคน ซึ่งหลังสงครามเวียดนามได้สมัครเป็น ส.ส.แห่งรัฐแอริโซนาอยู่ 2 สมัย ได้คะแนนท่วมท้น เพราะเขาได้รับเหรียญกล้าหาญจากการร่วมรบสงครามเวียดนาม เขาเป็นวีรบุรุษจากสงคราม และต่อมาได้สมัครเป็น ส.ว.รัฐเดิมจนได้รับการเลือกตั้งติดต่อกัน 5 สมัย (30 ปี)

คนอเมริกันชื่นชมและเคารพคนที่ยอมสละชีวิตเพื่อชาติ โดยเฉพาะวีรบุรุษจากสงคราม เพราะเขาถูกสอนย้ำแล้วย้ำอีกผ่านสื่อว่า คนที่ไปรบแนวหน้า ก็เพื่อให้คนที่อยู่แนวหลังได้กินอิ่มนอนหลับ ประกอบอาชีพต่างๆ บางคนก็ตักตวงเงินทองร่ำรวยไป ขณะที่ทหารต้องไปลำบากสาหัสในสนามรบ

แมคเคนมีบทบาทสำคัญในสภา เพราะเขามุ่งมั่นจะทำให้สภาสามารถคลอดกม.ที่อาจขัดแย้งกันมากๆ ให้ผ่านออกมา ด้วยการประนีประนอมซึ่งเรียกว่า Bipartisarn คือ ไม่หักด้ามพร้าด้วยเข่า เช่นกรณีกม.โอบามาแคร์ ซึ่งทรัมป์ต้องการหักเดโมแครตให้ต้องแพ้อย่างราบคาบ ทั้งๆ ที่เป็นกม.ที่ชาวอเมริกันยากจนส่วนใหญ่ต้องการให้กม.นี้ยังใช้อยู่ต่อไป

ทรัมป์หาเสียงพูดจาเหยียดหยามแมคเคนว่า เขาไม่ใช่วีรบุรุษ เพราะเขาถูกจับได้ ถ้าเป็นวีรบุรุษต้องเก่งมากพอที่จะไม่ถูกศัตรูจับได้ และยังพูดตั้งข้อสังเกตว่า แมคเคนไม่ได้เกิดในแผ่นดินอเมริกา เพราะเขาเกิดที่ปานามา พ่อของแมคเคนเป็นนายทหารเรือที่ต้องย้ายถิ่นฐานตลอดเวลา (เขาเปลี่ยนร.ร.ถึง 20 กว่าแห่ง ก่อนจบเตรียมอุดม)

แมคเคนเป็นรุ่นที่ 3 ในตระกูลที่ทั้งพ่อและปู่เป็นนายทหารเรือระดับสูง ปู่คือ John McCain ที่ 1 ตำแหน่งเป็น ผบ.ทหารเรือที่มีฝีมือมากช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ส่วนพ่อคือ John McCain ที่ 2 ที่เป็น ผบ.ทหารเรือแห่งเอเชียแปซิฟิก ในช่วงสงครามเวียดนาม ขณะนี้เรือรบบรรทุกเครื่องบินลำหนึ่งของกองทัพเรือสหรัฐฯ มีชื่อว่า John McCain เพื่อเป็นเกียรติแก่อดีต ผบ.ทหารเรือที่เป็นปู่และพ่อของ John McCain ที่ 3 (คนที่มีบทบาททางการเมืองสูงมาก)

John McCain ที่ 3 ได้เขียนหนังสือไว้เกือบ 10 เล่ม ทั้งคำสั่งสอนของปู่และพ่อที่สืบต่อกันมาตั้งแต่ก่อตั้งประเทศสหรัฐฯ ที่จะต้องรักษาเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติยิ่งชีวิต ในยามที่เขาถูกทรมานและถูกขังเดี่ยวเกือบ 2 ปี (เขาถูกขังทั้งหมดเกือบ 6 ปี) เขาจะไม่ย่อท้อและคิดถึงสิ่งที่ได้ปลูกฝังมาจากพ่อและปู่ ทำให้เขามีความอดทนอย่างที่คนอื่นจะทนไม่ไหว โดยเขาไม่ยอมเปิดปากหลุดความลับของกองทัพออกมา และยิ่งฝ่ายเวียดกงตอนหลังได้ทราบว่า เขาเป็นบุตรชายของแม่ทัพเรือแห่งเอเชียแปซิฟิก ก็ได้ทรมานเขาหนักยิ่งขึ้น

ต่อมาทางเวียดกงได้วางแผนจะแลกเปลี่ยนเชลย ก็หวังว่าพ่อของแมคเคนคงจะรีบแลกเชลยเพื่อเอาลูกชายกลับคืนไป ปรากฏว่า จอห์น แมคเคน ที่ 3 กลับไม่ยอมให้ตัวเองแลกเชลย เพราะยังมีทหารอเมริกันที่ถูกจับก่อนเขา-ควรจะได้แลกเปลี่ยนก่อน แมคเคนยอมติดคุกยาวนานต่อไป ด้วยศักดิ์ศรีที่เขาไม่เห็นแก่ตัวเอง

ช่วงที่เขาเริ่มติดคุกฮานอย-ฮิลตันนั้น พ่อของเขาก็รักเกียรติและศักดิ์ศรีแห่งกองทัพเรือ ไม่ได้ส่งหน่วย Seal ไปฉกตัวลูกชายออกมา เพราะพ่อก็เป็นนายพลเรือเอกที่เป็นที่รักของเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชายิ่งนัก

ทรัมป์ดูถูกแมคเคนต่างๆ นานา แต่กลับไปชื่นชมคู่หูของแมคเคน ที่ออกมา Endorse ทรัมป์ในช่วงหาเสียง เธอคือ ซาร่า เพลลิน ซึ่งเป็นอดีตผู้ว่าการรัฐอะแลสกา และเป็นตัวฉุดที่ทำให้แมคเคนแพ้ต่อโอบามาอย่างราบคาบ

ก่อนที่จะจากโลกนี้ไป แมคเคนกำลังจะวางจำหน่ายหนังสือ (เล่มสุดท้ายของเขา) ในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้ และเขาได้ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่า เขาเลือกคู่หู (ซาร่า เพลลิน) ผิดตอนสมัครเป็นตัวแทนพรรคในปี 2008 แข่งกับโอบามา แทนที่จะเลือก ส.ว.อิสระ โจ ลีเบอร์แมน จากรัฐคอนเนกติคัต ที่สนิทกับเขาในวุฒิสภา

แมคเคนพูดกับเพื่อนใกล้ชิด ทั้งอดีตรองปธน.โจ ไบเดน และ ส.ว.ลินซีย์ แกรมม์ ว่า เขาไม่ต้องการปธน.ทรัมป์มาในพิธีศพของเขา แต่ถ้าเป็นรองปธน.ไมค์ เพนซ์ ในฐานะตัวแทนสถาบันทำเนียบขาวก็จะทำให้เขาไม่รังเกียจ

ไม่เพียงแมคเคนที่รังเกียจทรัมป์แม้แต่งานศพ ทรัมป์ยังเป็นที่รังเกียจในพิธีศพของบาร์บารา บุช อดีตสตรีหมายเลข 1 และแม่ของอดีตปธน. และทรัมป์ยังเป็นที่รังเกียจอย่างมากที่อังกฤษ ทั้งนายกเทศมนตรีลอนดอนที่ทรัมป์เคยดูถูกเหยียดหยาม

ทรัมป์มีกำหนดเดินทางไป Working Visit ที่ลอนดอน วันที่ 13 กรกฎานี้ มีชาวลอนดอนจำนวนมากกำลังเตรียมเดินขบวนประท้วงจัดต้อนรับเขาอย่างเต็มที่ ขนาดไม่ใช่ State Visit คือสภาไม่ยอมให้ต้อนรับเขาแบบรัฐพิธี รวมถึงงานเสกสมรสเจ้าชายแฮรี่ ก็ไม่เชิญเขามาร่วม เพราะเขาไม่นิยมคุณค่าร่วมกับชาวอังกฤษ ที่ต้องเคารพผู้อื่นมากกว่าการยกตนข่มท่าน ดูถูกเหยียดหยามทั้งผู้หญิง, คนต่างสีผิว, ต่างเชื้อชาติและศาสนา

มีแต่คนรังเกียจเขา แม้แต่จะไปร่วมงานศพ