พศ.แจง “ภรรยาพงศ์พร” ใช้งบฯ พศ.ไปอินเดีย ทำตามระเบียบถูกต้อง แจงมีคุณสมบัติตามเกณฑ์คัดเลือกของโครงการ เตือน “ผู้ร้อง” ระวังโดนข้อหาหมิ่นประมาท “สุวพันธุ์” เชื่อทุกอย่างโปร่งใส
วานนี้ (3 พ.ค.) ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสมเกียรติ ธงศรี รอง ผอ.พศ. ในฐานะโฆษก พศ.คนที่ 1 และนายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษก พศ.คนที่ 2 ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่กลุ่มบุคคลในนาม องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) ได้ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขอทราบข้อเท็จจริงกรณี
นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา พ.ต.ท.พงศ์พร เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย-เนปาล โดยใช้งบประมาณของ พศ.หรือไม่นั้น
ทั้งนี้ก่อนการแถลงข่าว ผู้แถลงได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่า จะไม่ขอตอบคำถามใดๆ จากนั้น ให้นายสิปป์บวร แถลงโดยการอ่านตามเอกสารว่า ตามที่มีการร้องเรียนว่า ผอ.พศ.ให้นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา ไปประเทศอินเดีย-เนปาล โดยใช้งบราชการอันเป็นผิดวินัย และกฎหมาย ป.ป.ช.นั้น สำหรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ในปี 2561 พศ.ได้รับจัดสรรงบฯ อุดหนุน เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ พระภิกษุสามเณร และบุคลากรผู้สนับสนุนงานด้านพระพุทธศาสนา ศึกษาดูงานสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่ประเทศอินเดียและเนปาล จำนวน 5 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ซึ่ง พศ.ได้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลที่จะไปประกอบด้วย พระสงฆ์ สามเณร และบุคลากรผู้สนับสนุนงานด้านพระพุทธศาสนา โดยนางกนิษฐา เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งสนับสนุน และทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จึงมีคุณสมบัติตามประกาศและวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบฯ ดังกล่าว และในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก ฝ่ายเลขานุการได้เสนอชื่อ นางกนิษฐา โดยที่ประชุมได้มีมติให้ไปศึกษาดูงานสักการะสังเวชนียสถานได้ ซึ่งในอดีตเคยมีการจัดสรรงบฯ ในลักษณะนี้เป็นประจำทุกปี
“กรณีดังกล่าวชอบด้วยวิธีการงบฯ และกฎหมาย อีกทั้งมีการกำหนดกระบวนการคัดเลือก โดยประกาศล่วงหน้า และมีคณะกรรมการคัดเลือก การคัดเลือกจึงมิได้กระทำตามอำเภอใจ อย่างไรก็ตาม การร้องเรียนเผยแพร่ข่าวข้างต้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น และอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตลอดจนความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษถึงจำคุกได้” นายสิปป์บวร กล่าว
ภายหลังแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้ถามว่า จะมีการฟ้องร้องผู้ที่มาร้องเรียน หรือไม่ นายสิปป์บวร และนายสมเกียรติ ต่างก็ยิ้มและไม่ตอบคำถาม เมื่อถามต่อว่า คณะกรรมการคัดเลือกผู้ที่เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ทราบหรือไม่ว่า นางกนิษฐาเป็นภรรยา พ.ต.ท.พงศ์พร ทั้ง นายสมเกียรติ และนายสิปป์บวร ก็ไม่ตอบคำถามเช่นเดิม ก่อนลุกออกจากบริเวณที่แถลงข่าวทันที
ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ. กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง เรื่องการไปสังเวชนียสถาน ประเด็น คือ 1. งบฯ ของรัฐบาลนั้นได้มีการจัดสรร และ 2. มีการบริหารจัดการงบฯ ส่วนนี้ให้โปร่งใสเป็นไปด้วยความชอบธรรม ซึ่งให้แก่ คณะสงฆ์อุบาสกอุบาสิกา ฝ่ายราชการ ที่ให้ความสนับสนุน และเดินทางไปดูแลคณะสงฆ์ต่างประเทศ ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารจัดการให้โปร่งใส ทุกอย่างก็ดีงามเอง.
วานนี้ (3 พ.ค.) ที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) พุทธมณฑล จ.นครปฐม นายสมเกียรติ ธงศรี รอง ผอ.พศ. ในฐานะโฆษก พศ.คนที่ 1 และนายสิปป์บวร แก้วงาม ผอ.สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม ในฐานะโฆษก พศ.คนที่ 2 ได้แถลงข่าวชี้แจงกรณีที่กลุ่มบุคคลในนาม องค์กรส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองพระพุทธศาสนา (อสคพ.) ได้ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ขอทราบข้อเท็จจริงกรณี
นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา พ.ต.ท.พงศ์พร เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานที่ประเทศอินเดีย-เนปาล โดยใช้งบประมาณของ พศ.หรือไม่นั้น
ทั้งนี้ก่อนการแถลงข่าว ผู้แถลงได้ขอความร่วมมือสื่อมวลชนว่า จะไม่ขอตอบคำถามใดๆ จากนั้น ให้นายสิปป์บวร แถลงโดยการอ่านตามเอกสารว่า ตามที่มีการร้องเรียนว่า ผอ.พศ.ให้นางกนิษฐา พราหมณ์เสน่ห์ ภรรยา ไปประเทศอินเดีย-เนปาล โดยใช้งบราชการอันเป็นผิดวินัย และกฎหมาย ป.ป.ช.นั้น สำหรับข้อเท็จจริงดังกล่าว ในปี 2561 พศ.ได้รับจัดสรรงบฯ อุดหนุน เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ พระภิกษุสามเณร และบุคลากรผู้สนับสนุนงานด้านพระพุทธศาสนา ศึกษาดูงานสักการะสังเวชนียสถาน 4 ตำบล ที่ประเทศอินเดียและเนปาล จำนวน 5 ล้านบาท จากสำนักงบประมาณ และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ซึ่ง พศ.ได้ประกาศกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลที่จะไปประกอบด้วย พระสงฆ์ สามเณร และบุคลากรผู้สนับสนุนงานด้านพระพุทธศาสนา โดยนางกนิษฐา เป็นบุคคลหนึ่งซึ่งสนับสนุน และทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา จึงมีคุณสมบัติตามประกาศและวัตถุประสงค์ของการจัดสรรงบฯ ดังกล่าว และในการประชุมคณะกรรมการคัดเลือก ฝ่ายเลขานุการได้เสนอชื่อ นางกนิษฐา โดยที่ประชุมได้มีมติให้ไปศึกษาดูงานสักการะสังเวชนียสถานได้ ซึ่งในอดีตเคยมีการจัดสรรงบฯ ในลักษณะนี้เป็นประจำทุกปี
“กรณีดังกล่าวชอบด้วยวิธีการงบฯ และกฎหมาย อีกทั้งมีการกำหนดกระบวนการคัดเลือก โดยประกาศล่วงหน้า และมีคณะกรรมการคัดเลือก การคัดเลือกจึงมิได้กระทำตามอำเภอใจ อย่างไรก็ตาม การร้องเรียนเผยแพร่ข่าวข้างต้น อาจเป็นการละเมิดสิทธิบุคคลอื่น และอาจถูกดำเนินคดีอาญาฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ตลอดจนความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีโทษถึงจำคุกได้” นายสิปป์บวร กล่าว
ภายหลังแถลงข่าวผู้สื่อข่าวได้ถามว่า จะมีการฟ้องร้องผู้ที่มาร้องเรียน หรือไม่ นายสิปป์บวร และนายสมเกียรติ ต่างก็ยิ้มและไม่ตอบคำถาม เมื่อถามต่อว่า คณะกรรมการคัดเลือกผู้ที่เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถาน ทราบหรือไม่ว่า นางกนิษฐาเป็นภรรยา พ.ต.ท.พงศ์พร ทั้ง นายสมเกียรติ และนายสิปป์บวร ก็ไม่ตอบคำถามเช่นเดิม ก่อนลุกออกจากบริเวณที่แถลงข่าวทันที
ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแล พศ. กล่าวว่า ทุกอย่างอยู่ที่ข้อเท็จจริง เรื่องการไปสังเวชนียสถาน ประเด็น คือ 1. งบฯ ของรัฐบาลนั้นได้มีการจัดสรร และ 2. มีการบริหารจัดการงบฯ ส่วนนี้ให้โปร่งใสเป็นไปด้วยความชอบธรรม ซึ่งให้แก่ คณะสงฆ์อุบาสกอุบาสิกา ฝ่ายราชการ ที่ให้ความสนับสนุน และเดินทางไปดูแลคณะสงฆ์ต่างประเทศ ทุกอย่างอยู่ที่การบริหารจัดการให้โปร่งใส ทุกอย่างก็ดีงามเอง.