หลังจากอัยการพิเศษโรเบิร์ต มัลเลอร์ ได้นำทีมบุกจู่โจมเข้าค้นบ้าน, ที่พักที่โรงแรม และสำนักงานทนายความส่วนตัวของปธน.ทรัมป์ ที่ชื่อ ไมเคิล โคเฮน และได้พบหลักฐานสำคัญมากมายอันจะสามารถใช้เป็นประโยชน์ต่อการสอบสวนคดีรัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งสหรัฐฯ เมื่อ 8 พ.ย. 2016 (ซึ่งนับเป็นการแทรกแซงอธิปไตยของสหรัฐฯ ด้วย)
หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่พบก็คือ การเดินทางอย่างลับๆ ของไมเคิล โคเฮน เพื่อไปรัสเซียก่อนการเลือกตั้งไม่นาน โดยไม่ได้ใช้พาสปอร์ตสหรัฐฯ แล้วเดินทางเข้าสหภาพยุโรปผ่านกรุงปราก (Prague ของ Czech Republic) เพื่อได้เชงเก้นวีซ่าก่อนจะเดินทางเข้ารัสเซีย ซึ่งน่าจะเป็นภารกิจลับที่ทนายความคนนี้ทำอย่างยอมตายถวายชีวิตให้กับทรัมป์ เพราะทรัมป์เป็นผู้บริหารที่เรียกร้องความภักดีแบบเจ้าพ่อที่ต้องมอบให้แก่เขาอย่างเต็มที่คนเดียว
นายโคเฮน เคยให้การกับฝ่ายเอฟบีไอมาก่อน และได้ให้การเท็จว่าไม่เคยเดินทางเข้ารัสเซีย ดังนั้น หลักฐานที่มัลเลอร์พบครั้งนี้จะทำให้โคเฮนอยู่ในข่ายให้การเท็จกับเจ้าหน้าที่สืบสวน และเป็นประเด็นที่มัลเลอร์นำมาเจรจากดดันกับโคเฮน เพื่อทางรัฐจะยอมลดโทษจำคุกถ้าโคเฮนจะยอมกลับคำให้การเรื่องการเดินทางไปรัสเซียนั่นเอง
วิธีการของอัยการพิเศษมัลเลอร์ ที่ใช้คำให้การของบรรดาเหล่าคนแวดล้อมของทรัมป์ให้ยอมจำนนต่อหลักฐาน เพราะมัลเลอร์สามารถเข้าถึงหลักฐานลับที่ได้เก็บรวบรวมโดยเอฟบีไอเอาไว้มากมาย เพื่อนำมาเจรจากดดันเหล่าคนใกล้ชิดของทรัมป์ ที่เป็นเป้าหมายหลักของการสอบสวนของอัยการพิเศษมัลเลอร์ ให้คายความลับเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทรัมป์และรัสเซีย
อัยการพิเศษมัลเลอร์ใช้วิธีการยืนยันหลักฐาน เพื่อกล่าวหาโทษคนใกล้ชิดทรัมป์ว่า “ให้การเท็จ” ซึ่งมีโทษจำคุกและเหล่าผู้ใกล้ชิดทรัมป์ต่างทยอยกันออกมา “กลับคำให้การ” ยอมให้การที่เป็นประโยชน์ต่อทีมสอบของมัลเลอร์กันเป็นทิวแถว และคำให้การเหล่านี้จะมัดทรัมป์แน่นเข้าทุกที กรณีที่ทรัมป์สมคบร่วมมือกับรัสเซียเพื่อแทรกแซงการเลือกตั้ง
เริ่มจากที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ ที่มีภาพเคยร่วมประชุมกับคณะทำงานหาเสียงวงในสุดของทรัมป์ ที่มีบทบาทติดต่อกับรัสเซียตั้งแต่ต้น คือ นายGeorge Papadopoulos ที่ทีมอัยการพิเศษได้ซุ่มเงียบสอบเครียดจนนายจอร์จ พาพาโดพูโลส ยอมจำนนต่อหลักฐานว่า เขาได้ติดต่อกับรัสเซีย และยอมให้ความร่วมมือกับตำรวจอย่างดี เพื่อต่อรองลดโทษที่เคยให้การเท็จ เขายอมร่วมมือกับตำรวจขนาดยอมให้ตำรวจแอบติดเครื่องมือสื่อสารเข้าภายในเสื้อ แล้วให้นายพาพาโดพูโลส เดินเข้าไปหาทรัมป์และทีมอย่างใกล้ชิด เพื่ออัดเทปเป็นหลักฐานการสนทนาที่จะมัดตัวทรัมป์และทีมงาน
ปธน.ทรัมป์โกรธจัด เมื่อทราบว่า ตัวเองถูกดัดหลังจากพาพาโดพูโลส ทรัมป์ออกมาโวยวายว่า นายพาพาโดพูโลสเป็นแค่หางแถวในทีมหาเสียง ไม่มีส่วนในภารกิจของทีมหาเสียงของเขา ทรัมป์ใช้คำว่า ก็แค่เด็กชงกาแฟ (Coffee Boy) เท่านั้นเอง เพื่อทำให้คำให้การของพาพาโดพูโลสลดความสำคัญลงไป แต่จริงๆ แล้วพาพาโดพูโลสได้ให้การที่มีประโยชน์ที่จะใช้ต่อทรัมป์ รวมทั้งการยอมเสี่ยงติดโทรศัพท์เพื่อเอาคำพูดของทรัมป์มาให้การมัดทรัมป์ด้วย
ณ วันที่ 23 กุมภานี้เอง อัยการพิเศษ (ที่แอบทำงานซุ่มเงียบ) ได้รับคำสารภาพผิด (เรื่องทรัมป์และทีมงาน) ไว้แล้วถึง 5 คนคือ
1. พลโทไมเคิล ฟลินน์ อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงที่อยู่ในตำแหน่งแค่ 20 วัน เป็นบุคคลที่เคยยืนเคียงข้างทรัมป์ช่วงหาเสียงที่เป็นนายทหารคนแรกและคนเดียวที่สนับสนุนทรัมป์
2. นายRick Gates เพื่อนสนิทพันธมิตรธุรกิจของนายPaul Manafort (อดีตผจก.หาเสียงคนที่ 2 ของทรัมป์) ที่ร่วมหัวจมท้ายกับ Paul Manafort และรู้เรื่องตื้นลึกหนาบางของ Paul M. และทรัมป์อย่างดีเยี่ยม โดยมีเรื่องความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดมากระหว่างนายPaul M. และอดีตผู้นำยูเครน (ที่ใกล้ชิดกับปูตินมากๆ)
ขณะนี้นายPaul M. ยังไม่ได้กลับคำให้การ คือ ยังยืนกรานอยู่ข้างทรัมป์ แต่ยังไม่แน่ชัดว่า เขาจะทานแรงบีบคั้นจากมัลเลอร์ได้นานขนาดไหน? เพราะนายริก เกตส์ ได้สารภาพหมดสิ้นแล้ว
3. นายจอร์จ พาพาโดพูโลส
4. นายริชาร์ด พินเนโด (Richard Pinedo) ชาวแคลิฟอร์เนีย ผู้ร่วมมือการฟอกเงินของ Paul Manafort และ Rick Gates
5. นายAlex van der Zwaan เป็นทนายความชาวเบลเยียมที่จบการศึกษาจากอังกฤษ และเป็นผู้ทำนิติกรรมด้านฟอกเงินให้กับ Paul Manafort และ Rick Gates
วิธีการสอบสวนแบบซุ่มเงียบของมัลเลอร์ ทำให้ฝ่ายทรัมป์ไม่พอใจมาก และพยายามหาทางปลดมัลเลอร์ แต่ทรัมป์ต้องระมัดระวังไม่ให้ตัวเองโดนข้อหา Obstruction of Justice คือขัดขวางกระบวนการยุติธรรม หรือขัดขวางกระบวนการสอบสวน ซึ่งเป็นข้อหาสำคัญ
ทรัมป์ออกมาทวิตถี่มาก เพื่อฟ้องประชาชนโดยเฉพาะฐานเสียงของเขาว่า อัยการพิเศษทำเกินขอบเขต เพื่อสร้างความชอบธรรมที่เขาจะกดดันให้รมช.ยุติธรรมปลดอัยการพิเศษมัลเลอร์ออก โดยทรัมป์พยายามแสดงว่า มัลเลอร์ไม่เป็นกลาง แต่โอนเอียงเข้าข้างฝ่ายเจมส์ โคมีย์ (ที่ทรัมป์ปลดออกจากผอ.เอฟบีไอ) หรือเข้าข้างฮิลลารี ทั้งๆ ที่มัลเลอร์และโคมีย์ต่างก็เป็นผู้ลงทะเบียนสังกัดรีพับลิกัน และเคยบริจาคเงินหาเสียงให้กับฝ่ายรีพับลิกันด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นจอห์น แมคเคน หรือมิตต์ รอมนีย์ ก็ตาม
ทรัมป์พยายามออกทวิตเตอร์เพื่อแสดงความเห็นใจทนายส่วนตัวของเขา เพื่อไม่ให้เปิดปากเผยความลับหรือกลับคำให้การ แต่กรณีที่ทนายโคเฮนออกมาโกหกว่า ได้จ่ายเงินจากกระเป๋าตัวเองถึง 130,000 ดอลลาร์ เพื่อปิดปากดาราหนังโป๊ เพียง 10 วันก่อนวันลงคะแนน 8 พ.ย. 2016 โคเฮนกำลังถูกมัลเลอร์กดดันให้สารภาพว่า เงิน 130,000 ดอลลาร์นั้นเป็นเงินที่มีผู้บริจาคให้แก่ทรัมป์เพื่อการหาเสียง แล้วทรัมป์แอบเอามาใช้ผิดประเภท ซึ่งเป็นการทำผิดกม.หาเสียงด้วย
หลายคนมองว่า ทรับป์กำลังข่มขู่ทนายโคเฮนไม่ให้กลับคำให้การ ซึ่งทางฝ่ายเดโมแครตก็กำลังเสี้ยมให้โคเฮนผละจากคำให้การเดิม และกลับมาให้การที่จะเป็นประโยชน์แก่มัลเลอร์ เพื่อมัดทรัมป์ให้แน่นยิ่งขึ้น
ถ้าหลักฐานปรักปรำทรัมป์แน่นขึ้นเรื่อยๆ ก็เพียงรอให้มีการขับเคลื่อนเพื่อถอดถอนทรัมป์ในสภา ซึ่งในการเลือกตั้งกลางสมัย (พฤศจิกายนปีนี้) มีแนวโน้มว่าฝ่ายเดโมแครตจะครองเสียงข้างมากในสภาล่าง หรืออาจเท่าๆ กันในสภาสูง ความเป็นไปได้ที่จะผลักดันการถอดถอนทรัมป์ในสภาก็อยู่ไม่ไกลเกินรอ