xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปิดกึ๋น “นิธิ” จากจดหมายถึงพรรคเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”

ผมไม่ได้ผูกใจเจ็บอะไรกับ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักประวัติศาสตร์ที่คนเขายกย่องเป็นปราชญ์คนหนึ่ง เพราะตัวผมนั้นไม่มีอะไรเทียบได้กับแกเลยสักกระพีก เพียงแต่หลายครั้งผมอ่านแกแล้วออกจะขำๆ และอดไม่ได้ที่จะต้องมีความเห็นของตัวออกมาบ้าง อย่าเที่ยวไปคิดว่าผมจะวัดบารมีอะไรกับแกนะครับ พญาช้างสารระดับนิธินี่มดตะนอยอย่างผมคงไม่อาจเอาไปเทียบได้

แต่เวลาแกคิดว่า แกเป็นนักประชาธิปไตยคนสำคัญเทิดทูนบูชาประชาธิปไตยเป็นชีวิตจิตใจแล้วผมออกจะสมเพช เพราะจำได้ดีว่า แกกับ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ผู้เฒ่าที่มีศักดิ์และสิทธิ์เป็นศาสตราจารย์ ด็อกเตอร์เหมือนกัน เคยออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐสลายการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเคยแถลงการณ์สนับสนุนการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายใช้สิทธิในการชุมนุมเหมือนกัน ถ้าคิดโดยหลักการประชาธิปไตยที่แกยึดถือ แกก็ต้องสนับสนุนการชุมนุมทั้งสองฝ่าย

แต่ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะแกเลือกข้างทางการเมืองเท่านั้นเอง แต่ผมไม่ได้หมายความว่า การเลือกข้างทางการเมืองของแกเป็นสิ่งที่ผิดและไม่ชอบนะครับ เพราะในระบอบประชาธิปไตยที่แกยึดถือนั่นแหละให้เสรีภาพแกที่จะมีจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไรก็ได้ แต่แกแยกแยะและตระหนักให้ได้ว่า แกแสดงความเห็นเพราะการเลือกข้างหรือเป็นความเห็นทางวิชาการ

สิ่งที่ผมเห็นก็คือ แกพยายามอำพรางจุดยืนทางการเมืองแล้วอ้างความเห็นทางวิชาการมาบังหน้าในการแสดงความคิดเห็นทุกครั้ง เช่น ถ้าแกเห็นว่า การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ชอบแกก็ควรจะอธิบายให้ได้ว่าแตกต่างกับการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่แกเห็นว่าชอบธรรมอย่างไร

ตอนที่เรียกร้องให้จัดการกับพันธมิตรฯนั้นแกอ้างว่า การชุมนุมของพันธมิตรฯมีแนวโน้มว่าความรุนแรงระหว่างประชาชนจะแผ่ขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น จนนำประเทศไทยไปสู่มิคสัญญี และการรัฐประหารในที่สุด พวกเขาจึงออกมาเรียกร้องต่อฝ่ายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้หาทางยุติภาวะดังกล่าว โดยอ้างว่า ไม่ให้ประเทศไทยจะต้องสูญเสียไปมากกว่านี้

นิธิ ชาญวิทย์และพวก บอกว่า สังคมไทยต้องไม่ยินยอมให้กลุ่มพันธมิตรฯอยู่เหนือกฎหมายอีกต่อไป เจ้าหน้าที่รัฐต้องหาทางยุติการชุมนุมของพันธมิตรฯ พวกเขาอ้างว่า ระบบนิติรัฐคือหัวใจสำคัญของหลักการและกระบวนการประชาธิปไตย กฎหมายมีไว้ปฏิบัติต่อทุกคนในสังคมอย่างเสมอภาคและเท่าเทียมกัน เพราะมันคือหลักประกันว่าสิทธิและเสรีภาพของผู้อื่นจะไม่ถูกละเมิด

แต่แกกลับไม่เคยประณามการใช้อาวุธสงครามมายิงถล่มพันธมิตรฯตายนับสิบศพ หรือแกมองว่า นั่นเป็นความชอบธรรมของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งที่แกยึดถือ แกจึงเห็นชอบและไม่เคยตำหนิการชุมนุมของคนเสื้อแดงที่มีกองกำลังติดอาวุธมาถล่มทหารจนกลายเป็นเหตุการณ์นองเลือด เพราะทหารใช้เป็นข้ออ้างในการใช้กำลังเข้ามาสลายการชุมนุม แกมองเห็นหรือไม่ว่า สาเหตุของความรุนแรงเริ่มมาจากไหน

แน่นอน ชีวิตทุกชีวิตของคนเสื้อแดงมีค่า พวกเขาไม่ควรต้องเสียชีวิตลงเพียงเพราะออกมาเรียกร้องชุมนุม แต่ทำไมไม่พูดถึงกองกำลังติดอาวุธที่ทำให้ทหารใช้เป็นความชอบธรรมที่จะเข้าสลายการชุมนุมเล่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วจะไม่เป็นการใช้ศพของคนตายมาเป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมให้กับตัวเองหรือ เพราะก่อนที่ความรุนแรงจะเกิดและเกิดขึ้นแล้วก่อนทหารจะสลายการชุมนุม เราไม่ได้ยินนิธิและพวกพูดห้ามปรามการใช้ความรุนแรงซึ่งไม่ใช่เสรีภาพในประชาธิปไตยที่นิธิยึดถือเลย แถมซ้ำกลับให้ท้ายกับการใช้ความรุนแรงด้วยซ้ำไป

ผมขำมากที่ไม่กี่วันก่อนที่นิธิ เขียนจดหมายถึงพรรคเพื่อไทยและเรียกร้องให้สมาชิกพรรคแสดงความกล้าหาญต่างๆ นานา รวมทั้งการปลดแอกพรรคจากตระกูลชินวัตร ซึ่งมันสะท้อนว่า นิธิเข้าใจนะว่า พรรคเพื่อไทยนั้นที่แท้แล้วเป็นเพียงเครื่องมือของตระกูลชินวัตร ไม่ใช่พรรคการเมืองที่แท้จริงในระบอบประชาธิปไตย

ซึ่งถ้านิธิศรัทธาประชาธิปไตย สิ่งที่พรรคเพื่อไทยมีอย่างเดียวในความเป็นประชาธิปไตยก็คือ พรรคการเมืองพรรคหนึ่งที่เข้าร่วมกิจกรรมเลือกตั้งเท่านั้นเอง แต่ไม่มีประชาธิปไตยในพรรคเพื่อไทยเลย เพราะจะถูกกำหนดด้วยทักษิณเพียงคนเดียว น่าแปลกมากที่นิธิบอกว่าเลือกพรรคนี้มาตลอด มันสะท้อนว่าจริงๆแล้วประชาธิปไตยที่นิธิเข้าใจเป็นอย่างไรแน่

นิธิไม่รู้เลยหรือว่าก่อนเป็นพรรคเพื่อไทยนั้น พรรคไทยรักไทยของทักษิณนั้นเกิดขึ้นโดยการใช้เงินซื้อส.ส.เข้าพรรค และเมื่อชนะแล้วก็ซื้อพรรคการเมืองเพื่อควบรวมเข้ามาเป็นพรรคเดียวกัน นิธิไม่รู้เลยหรือว่า หลังได้รับการเลือกตั้งแล้ว ส.ส.ในพรรคไม่มีปากเสียงอะไรอีกนอกจากทำตามที่ทักษิณกำหนด

การที่นิธิพูดว่า นายทุนพรรคอาจเลือกนโยบายประนีประนอมเพื่อเป้าหมายส่วนตัวของเขา แต่พรรคไม่ได้มีหรือไม่ควรมีเป้าหมายเดียวกับนายทุน ภารกิจของพรรคที่ประสบความสำเร็จทางการเมืองอย่างท่วมท้นเช่นนี้ จะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากพันธะที่มีต่อประชาชนจำนวนมหึมาที่สนับสนุนพรรค และด้วยเหตุดังนั้นจึงต้องเป็นแนวหน้าในการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชน

ถ้าฟังดูนิธิก็เข้าใจเหมือนกันนี่ว่า พรรคเพื่อไทยนั้นถูกควบคุมโดยนายทุน แล้วพรรคแบบนี้มันจะมีเนื้อแท้เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร ทำไมคนรักประชาธิปไตยอย่างนิธิจึงลงคะแนนให้พรรคนี้มาตลอด

แล้วแปลกในฐานะนักประชาธิปไตยตัวกลั่น เราไม่เคยได้ยินนิธิวิจารณ์ทักษิณและความไม่เป็นประชาธิปไตยในพรรคที่นิธิลงคะแนนให้เลย แม้แต่ตอนที่ทักษิณบอกว่า จะช่วยจังหวัดที่เลือกพรรคเพื่อไทยก่อนซึ่งไม่น่าจะใช่วิธีการของรัฐบาลที่ชนะเลือกตั้งแล้วต้องเป็นรัฐบาลของประชาชนทั้งปวงไม่ใช่รัฐบาลของคนที่เลือกตัวเองมาเท่านั้น

ตั้งแต่วันแรกแล้วที่นิธิควรตั้งคำถามว่า พรรค(ของทักษิณ)คิดจะเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่ ควรจะปลุกให้ส.ส.ของพรรคออกมาเรียกร้องตั้งแต่วันนั้น ไม่ใช่เพิ่งจะมาเรียกร้องให้ออกจากทักษิณในวันนี้

แต่การที่นิธิตั้งคำถามในจดหมายล่าสุดว่า พรรคคิดจะเป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยหรือไม่? มันสะท้อนว่า นิธิคิดว่า สิ่งที่ทำมาของพรรคเพื่อไทยนั่นแหละคือวิธีการประชาธิปไตย ซึ่งทำให้สับสนว่าจริงๆ แล้วนิธิเข้าใจประชาธิปไตยจริงหรือเปล่า ผมไม่เถียงเลยครับ ถ้าประชาธิปไตยจะมีความหมายแค่การเลือกตั้ง ไม่ต้องคำนึงถึงการกระทำหลังการเลือกตั้งแล้ว

ไม่ต้องสนใจเรื่องพรรคที่บงการโดยตระกูลชินวัตรเหมือน ส.ส.เป็นทาสในเรือนเบี้ย ไม่ต้องสนใจพฤติกรรมของ ส.ส.ที่กดบัตรแทนกัน ไม่ต้องสนใจที่ใช้เสียงข้างมากลักหลับเพื่อแก้กฎหมายล้างผิดให้เป็นถูก ถ้าสิ่งเหล่านี้เป็นประชาธิปไตยที่ทำให้นิธิยอมรับ เราน่าจะเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยที่ไม่เหมือนกัน

ที่แปลกมากเลยนิธิบอก ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยไม่ออกมาต่อสู้ชูสามนิ้วเพื่อต่อต้านเผด็จการทหารตั้งแต่วันแรกๆ นิธิบอกว่า นักการเมืองของพรรคก็ยังสามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้ ในฐานะบุคคลธรรมดา (ความเป็นนักการเมืองไม่ได้อยู่ที่การรับรองของ กกต. แต่อยู่ที่ทรรศนะของประชาชน) พรรคเองก็ยังอาจดำรงอยู่ได้ในฐานะองค์กรทางการเมือง ที่ไม่ลงไปแข่งขันทางการเมืองในระบบ

ถ้าพูดอย่างนั้นก็ไม่ต้องรอให้นักการเมืองในความหมายที่ กกต.ต้องรับรองออกมาสู้เท่านั้น เพราะนิธิเองก็น่าจะออกมาสู้ชูสามนิ้วตั้งแต่วันแรก เพราะในความหมายนั้นนิธิก็สามารถเคลื่อนไหวการเมืองในฐานะบุคคลธรรมดาได้ แต่ผมเพิ่งเห็นนิธิออกมาร่วมชุมนุมอยากเลือกตั้งเมื่อไม่กี่วันก่อนเท่านั้นเอง

นักวิชาการอย่างสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ยังกล้าวิจารณ์การออกกฎหมายลักหลับของพรรคเพื่อไทย กล้าวิจารณ์กลุ่มคนเสื้อแดงที่นิยมใช้ความรุนแรงว่าเป็นต้นเหตุสำคัญที่สร้างความชอบธรรมให้กับการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการแสดงความเห็นที่แท้จริงในฐานะนักวิชาการที่จะพูดถึงความจริง ซึ่งต้องแยกแยะออกจากอุดมการณ์และการเลือกข้างทางการเมือง

แต่บอกตรงๆ ผมไม่ได้หมายความว่า นิธิจะมีความผิดอะไรนะครับ ในการตีความประชาธิปไตยลักลั่นแบบนิธิ หรือนิธิมีจุดยืนสนับสนุนคนเสื้อแดง เพื่อไทย หรือทักษิณ เพราะในระบอบประชาธิปไตยมันมีสิทธิที่นิธิจะเลือกจุดยืนและอุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเอง เพียงแต่คนต้องแยกแยะให้ได้ว่า นิธิพูดและแสดงความเห็นจากจุดยืนตรงไหนในฐานะปัจเจกคนหนึ่งหรือในฐานะนักวิชาการ

แต่ในจดหมายของนิธิก็มีส่วนที่ผมเห็นด้วยนะครับ ผมเองก็อยากให้พรรคเพื่อไทยพูดให้ชัดเลยว่า ถ้าชนะการเลือกตั้งจะลบล้างอะไรที่คสช.และรัฐบาลทหารทำไว้บ้าง จะฉีกรัฐธรรมนูญ2560ทิ้ง จะผลักดันกติกาขึ้นมาใหม่ตามแนวทางของพรรคเพื่อไทย แล้วประกาศให้ชัดเลยว่า กติกานั้นจะเป็นอย่างไรบ้าง

แล้วถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งอีกก็มีความชอบธรรมที่จะทำสิ่งเหล่านั้นได้ อย่าลืมว่า ตอนที่พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งปี 2554ที่ทักษิณเอาน้องสาวของตัวเองที่ไม่ประสีประสาการเมืองข้ามหัวทุกคนในพรรคมาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น(ไม่ทราบว่านิธิคิดว่านี่เป็นประชาธิปไตยไหม) แต่การชนะของเพื่อไทยและได้ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีฝ่ายตรงข้ามลุกขึ้นมาคัดค้านก่อหวอดหรือไม่ยอมรับชัยชนะของพรรคเพื่อไทยเลย แต่ทุกคนเคารพและปล่อยให้บริหารประเทศ จนรัฐบาลพรรคเพื่อไทยบิดเบือนการใช้อำนาจนั่นแหละประชาชนจึงลุกฮือขึ้นมาขับไล่

ดังนั้นฝ่ายตรงข้ามกับระบอบทักษิณ เขาเข้าใจประชาธิปไตยดีครับ ศาสตราจารย์ด็อกเตอร์นิธิ และสิทธิในการชุมนุมของเขาก็เป็นสิทธิตามรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย

ซึ่งมันสะท้อนด้านกลับว่า จริงๆ แล้วนิธิเข้าใจประชาธิปไตยจริงๆห รือ หรือมันเป็นแค่การเลือกข้างและทิฐิทางการเมืองของนิธิ แต่ถึงจะใช่ก็เอาตามสบายเถอะ

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan




กำลังโหลดความคิดเห็น