ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ต้องยอมว่า... เมืองพัทยาในวันนี้ยังคงถูกตีตรา “เมืองหลวงแห่งเซ็กซ์” ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยยังคงเย้ยหยันว่าปลายทางแห่งนี้เปรียบดังแดนโลกีย์บำเรอกาม กระทั่งล่าสุด กรณีการออกมาพูดส่อเสียดของ “ฮามัต บาห์” รัฐมนตรีท่องเที่ยวประเทศแกมเบีย ทำนองว่า “หากพวกคุณต้องการเซ็กซ์ ไปเมืองไทย” และกรณีแก๊งชาวรัสเซียเปิดคอร์ส “เซ็กซ์เทรนนิ่ง” กลางเมืองพัทยา ยิ่งยากที่จะสลัดภาพนครแห่งบาปไปจากสายตาชาวโลก
ฟังๆ แล้วก็อดนึกถึงเพลง Welcome to Thailand ของวงคาราบาวที่เผยแพร่ออกมาเมื่อหลายสิบปีก่อน “อย่าคิดมาลุย ลูกเดียว เที่ยวพัทยา พัฒน์พงศ์” เพราะวันนั้นเป็นยังไง วันนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้น อาจจะดีขึ้นบ้าง แต่ก็ยังคงไม่อาจสลัดภาพลักษณ์ในเรื่องความเป็นแดนโลกีย์ไปได้
แม้ไม่มีน้ำหนักเทียบเท่าประเทศมหาอำนาจ แต่การกล่าวพาดพิงของรัฐมนตรีประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก สาธารณรัฐแกมเบีย (Republic of The Gambia) เป็นประเทศที่เล็กสุดในทวีปแอฟริกา กลายเป็นเป้าสนใจไม่น้อยว่าเหตุใดถึงกล้าพูดเช่นนี้
คำกล่าวของ “ฮามัต บาห์” รัฐมนตรีท่องเที่ยวประเทศแกมเบีย เผยแพร่ผ่าน Kerr Fatou รายการทีวีของท้องถิ่น เมื่อสัปดาห์ก่อนโดยออกมาเตือนนักท่องเที่ยวจากชาติตะวันตก ที่กำลังวางแผนจะเดินทางไปเยือนประเทศแกมเบีย หากเพราะต้องการเซ็กซ์ทัวร์ในช่วงฤดูหนาว ควรอยู่ให้ห่างจากประเทศของเขาพร้อมกล่าวพาดพิงประเทศไทย
“เราไม่ใช่จุดหมายปลายทางในด้านเซ็กส์ หากพวกคุณต้องการเซ็กซ์ ไปเมืองไทยนู้นเลย แกมเบียไม่ใช่จุดหมายปลายทางเรื่องเซ็กซ์" ฮามัต บาห์ กล่าวและย้ำว่าจะไม่ยอมทนเห็นประเทศของตนตกต่ำลงไปอยู่ในระดับนั้น จะต้องปกป้องและอนุรักษ์ประเทศนี้เอาไว้
อย่างไรก็ตาม องค์การยูนิเซฟ ได้เปิดเผยว่าประเทศแกมเบียเป็นจุดหมายปลายทางลำดับต้นๆ ในแอฟริกาในเรื่อง “เซ็กซ์ทัวร์เด็ก” ทั้งเด็กหญิงเด็กชายจำนวนมากถูกเอาเปรียบทางเพศ ขณะผู้ปกครองบางคนยินยอมพร้อมใจเพื่อแลกกับเงินเพียงน้อยนิด
ในประเด็นนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้เชิญกงสุลกิตติมศักดิ์แกมเบียประจำประเทศไทยเข้าพบเพื่อให้รับทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวกระทบต่อความรู้สึกของคนไทย ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์และการท่องเที่ยวไทยซึ่งที่ไม่สอดคล้องกับข้อเท็จจริง และขอให้รายงานรัฐบาลแกมเบียทราบต่อไป
และก่อนหน้ากรณี นายบอริส จอห์นสัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศอังกฤษ เล่นมุกตลกที่ไม่เหมาะสมหลายเรื่องระหว่างการปราศรัยสำคัญเรื่องเบร็กซิท (Brexit) เรื่องการสนับสนุนการท่องเที่ยวเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอยากเข้าไปเที่ยวในสหราชอาณาจักร และพาดพิงเรื่องการท่องเที่ยวเพื่อจุดประสงค์ทางเพศ หรือเรียกว่า sex tourism ในเมืองไทย
หรือย้อนกลับไปต้นปี 2560เดอะมิเรอร์ สำนักข่าวอังกฤษ ประโคมข่าว “เมืองพัทยา” เป็น “เมืองหลวงแห่งเซ็กซ์” เป็นนครแห่งบาปมีหญิงสาวขายบริการอยู่มากถึง 27,000 คน ขณะที่รัฐบาลมีคำสั่ง ม.44 เดินหน้าจัดโซนนิ่ง “แฮปปี้ โซน” นำร่องพื้นที่ วอล์กกิ้งสตรีต ย่านพัทยาใต้ จัดระเบียบล้างบางศูนย์กลางด้านโลกีย์ ไนต์คลับ อาบอบนวด ฯลฯ ที่มีมากกว่า 1,000 แห่ง หวังลบภาพการเป็นเมืองหลวงแห่งเซ็กซ์ ซึ่งปฏิบัติการจัดระเบียบเมืองพัทยาในครั้งนั้น ส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวด้านเศรษฐกิจในเมืองพัทยาซบเซา เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้ามาเพื่อแสวงหาความสุขในอุตสาหกรรมทางเพศ
อุตสาหกรรมเซ็กซ์ในเมืองพัทยายังคงเป็นวังวน ไม่อาจลบภาพความเป็นนครแห่งบาป แม้รัฐมีความพยายามจัดระเบียบเพียงใดก็ตาม เมืองพัทยามักตกเป็นข่าวครึกโครมในประเด็นโลกีย์อยู่ตลอดเวลา
ซ้ำร้ายในช่วงปลายเดือน ก.พ. 2561 ที่ผ่านมา ได้มีการจับกุมแก๊งค์หนุ่มสาวรัสเซีย “เซ็กซ์กูรู” อเล็กซานเดอร์ คิริลลอฟ และ อนาสตาเซีย วาชูเควิช พร้อมทีมงานชาวรัสเซียอีก 8 คน เปิดคอร์สอบรมหลักสูตรทางเพศกลางเมืองพัทยา โดยมีผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 40 ชีวิต ก็ยิ่งฉายภาพเดิมๆ ให้เข้มข้นขึ้น
คอร์สอบรมหลักสูตรทางเพศดังกล่าวได้ประกาศโฆษณารับสมัครผ่านทางเว็บไซต์แห่งหนึ่ง ตั้งแต่ วันที่ 16 ก.ย. 2560 จั่วหัวเชื้อเชิญร่วมเซ็กซ์เทรนนิ่งในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 17 - 25 ก.พ. 2561 ค่าใช้จ่ายในการเรียนคิดเป็นเงินไทย 45,000 บาท พร้อมรับใบประกาศนียบัตร ส่วนรายละเอียดเนื้อหาที่เรียนสอนในเรื่องลีลาบนเตียง วิธีมัดใจชาย และวิชาหาสามีเศรษฐีระดับโลกมาเป็นคู่ครอง
ต่อมา ตำรวจส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีในข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตให้ทำงาน , เป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และดำเนินคดีเสร็จสิ้นแล้วก็จะดำเนินการผลักดันออกนอกประเทศ รวมทั้ง ขึ้นบัญชีดำ หรือ แบล็คลิสต์ ห้ามเข้าประเทศไทยอีกต่อไป
ทว่า เบื้องหลังเซ็กซ์กูรูชาวรัสเซียนั้นไม่ธรรมดา หลังถูกจับกุมมีการร้องขอไปทางรัฐบาลสหรัฐฯ ให้ช่วยเหลืออนุมัติลี้ภัย โดยแลกเปลี่ยนกับความลับสกปรกในกลุ่มชนชั้นสูงรัสเซีย
อย่างไรก็ตาม ความพยามสลัดภาพนครโลกีย์อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก เช่นเดียวกัน การค้าประเวณียังคงลักลอบอยู่เกลื่อนเมือง แต่ไม่ได้หมายความว่า นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจะเดินทางเข้ามาเพื่อซื้อบริการทางเพศเพียงสถานเดียว ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะทำการใดในการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์เมืองพัทยา ให้เป็นที่รู้จักในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ต่างไปจากภาพในอดีต
ขณะที่ประเด็น “โสเภณีถูกกฎหมาย” เริ่มมีการพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อเสนอการแก้ปัญหาลักลอบค้าประเวณี โดยการทำถูกกฎหมายจัดระเบียบให้เรียบร้อย เพราะปัจจุบันโสเภณีถูกกฎหมายเป็นที่ยอมรับในหลายประเทศ อาทิ ออสเตรเลีย เบลเยียม บราซิล แคนาดา เอกวาดอร์ ฝรั่งเศส เยอรมนี กรีซ เนเธอร์แลนด์ ฯลฯ ยกตัวอย่าง ประเทศเยอรมนี เปิดให้การค้าบริการทางเพศเป็นเรื่องถูกกฎหมายมาตั้งแต่ปี 2545 เตรียมบังคับใช้กฎหมายจัดระเบียบการค้าประเวณี กำหนดให้ผู้ขายบริการทางเพศต้องลงทะเบียนทำใบอนุญาตกับเจ้าหน้าที่รัฐ ต้องตรวจสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ส่วนผู้ประกอบการธุรกิจนี้ต้องขอใบอนุญาต รวมทั้ง การบังคับให้ผู้ซื้อบริการต้องใช้ถุงยางอนามัย
แต่เชื่อเถอะว่า ไม่มีวันเกิดขึ้นได้ในประเทศไทย